เสียงวิพากษ์... นิรโทษแบบ "สุดซอย" มติชนออนไลน์

กระทู้สนทนา
หมายเหตุ - เสียงวิพากษ์วิจารณ์ภายหลังจากคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม
แก่ผู้ซึ่งกระทำความผิดเนื่องจากการชุมนุมทางการเมือง การแสดงออกทางการเมืองของประชาชน
พ.ศ. ...ที่เสนอปรับแก้ข้อความในมาตรา 3 ที่หวั่นเกรงว่าจะเป็นการนิรโทษกรรมแบบเหมารวมทุกกรณี
เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม

มาตรา 3 ร่างเดิมของนายวรชัย เหมะ

ให้บรรดาการกระทำใดๆ ของบุคคลที่เกี่ยวเนื่องกับการชุมนุมทางการเมืองหรือการแสดงออกทางการเมือง
หรือบุคคลซึ่งไม่ได้เข้าร่วมชุมนุมทางการเมือง แต่กระทำการนั้นมีมูลเหตุเกี่ยวข้องหรือเกี่ยวเนื่องกับความ
ขัดแย้งทางการเมือง โดยการกกล่าวด้วยวาจาหรือโฆษณาด้วยวิธีการใด เพื่อเรียกร้องหรือให้มีการต่อต้านรัฐ
การป้องกันตน การต่อสู้ขัดขืน การดำเนินการของเจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือการชุมนุม การประท้วงหรือการแสดง
ออกด้วยวิธีการใดๆ อันอาจเป็ฯการกระทบต่อชีวิต ร่างกาย อนามัย ทรัพย์สินหรือสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใดของ
บุคคลอื่น ซึ่งเป็นเหตุการสืบเนื่องจากการชุมนุมทางการเมือง หรือการแสดงออกทางการเมือง ตั้งแต่
วันที่ 19 กันยายน พ.ศ.2549 ถึงวันที่ 10 พถษภาคม พ.ศ.2554 ไม่เป็นความผิดต่อไปและให้ผู้กระทำการนั้น
พ้นจาการเป็นผู้กระทำผิดและความรับผิด โดยสิ้นเชิง

การกระทำในวรรคหนึ่ง ไม่รวมถึงการกระทำใดๆ ของบรรดาผู้ซึ่งมีอำนาจในการตัดสินใจ หรือสั่งการให้มี
การเคลื่อนไหวทางการเมืองในห้วงระยะเวลาดังกล่าว

มาตรา 3 ที่กรรมาธิการแก้ไข

ให้บรรดาการกระทำทั้งหลายทั้งสิ้นของบุคคลหรือประชาชนที่เกี่ยวเนื่องกับการชุมุนมทางการเมือง การแสดงออก
ทางการเมือง หรือความขัดแย้งทางการเมือง หรือถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้กระทำความผิดโดยคณะบุคคลหรือองค์กร
ที่จัดตั้งขึ้นภายหลังการรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 กันยายน พ.ศ.2549 รวมทั้งองค์กรหรือหน่วยงานที่ดำเนินการใน
เรื่องดังกล่าวสืบเนื่องต่อมาที่เกิดขึ้นระหว่าง พ.ศ.2547 ถึงวันที่ 8 สิงหาคม พ.ศ.2556 ไม่ว่าผู้กระทำจะได้กระทำ
ในฐานะตัวการผู้สนับสนุน ผู้ใช้ให้กระทำ หรือผู้ถูกใช้ หากการกระทำนั้นผิดต่อกฎหมายก็ให้กระทำพ้นจากความผิด
และความรับผิดโดยสิ้นเชิง

การกระทำตามวรรคหนึ่ง ไม่ร่วมถึงการกระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112

สามารถ แก้วมีชัย

ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย ฐานะประธานกรรมาธิการวิสามัญร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม


การแก้เนื้อหาร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม มาตรา 3 ไม่ใช่เป็นการเรียกแขก หรือ ผู้ที่คัดค้าน แต่เรายึดหลักถ้า
เราจะให้อภัยปรองดองกัน เราก็ต้องให้อภัยทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องรวมไปถึงผู้ที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม แต่ที่มี
การเสนอข่าวว่านิรโทษกรรมแล้ว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะได้เงินคืนนั้นคงไม่ใช่ เป็นการ
เสนอข่าวที่เกินความเป็นจริง

ในคดีอาญา พ.ต.ท.ทักษิณ อาจจะพ้นความผิดแต่เรื่องการคืนทรัพย์สินคนละเรื่อง โดยที่ พ.ต.ท.ทักษิณต้อง
ดำเนินการร้องขอพิสูจน์ตามหลักกฎหมาย เราเพียงแต่ให้ความเป็นธรรมเท่านั้น ให้ท่านได้มีโอกาสต่อสู้ตาม
กระบวนการยุติธรรมปกติ ซึ่งในมาตรา 4 ที่เขียนว่า ให้ปฏิบัติต่อบุคคลตาม มาตรา 3 ให้เป็นไปตามหลักนิติธรรม
ไม่ใช่พอนิรโทษกรรมแล้วจะต้องนำเงิน 4 หมื่นล้านบาทคืน พ.ต.ท.ทักษิณทันที เป็นการเข้าใจผิดอย่างไรก็
ตามในชั้น กมธ.เสียงข้างมากให้อภัยหมด ซึ่งหลักของมาตรา 3 พวกที่เกิดขัดแย้งทางการเมือง ต้องคดีอาญา
ไม่ว่าจะทำความผิดอะไรในช่วงเหตุการณ์ พ.ศ.2547 ไปถึง 8 สิงหาคม 2556 ที่สภาได้รับหลักการร่าง พ.ร.บ.
นิรโทษกรรรม ก็ให้นิรโทษกรรมให้ ยกเว้นหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ มาตรา 112 ที่เราไม่ให้ นอกนั้นพ้นความผิด

ต้องยอมรับการเขียนกฎหมายฉบับนี้ จะเอาถูกใจทุกฝ่ายคงไม่ได้ ฝ่ายกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการ
แห่งชาติ (นปช.) หรือคนเสื้อแดงจะไม่ชอบ เพราะไปนิรโทษกรรมให้ผู้ที่สั่งฆ่าประชาชน ส่วนกลุ่มคนเสื้อเหลือง
หรือกลุ่มอื่นๆ ที่ไม่พอใจการนิรโทษกรรมให้ พ.ต.ท.ทักษิณหรือคนที่เผาบ้านเมือง ทั้งนี้ เราต้องยอมรับว่าไม่มี
ทางที่จะพอใจทุกฝ่าย แต่เราต้องถามว่าหากจะใช้หลักการให้อภัยกัน การนิรโทษกรรมก็แปลว่าลืมกันให้อภัยกัน
จะได้ตั้งต้นกันใหม่ ดังนั้นก็ต้องมีการเขียนร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมแบบนี้ ต้องอธิบายต่อสาธารณะเมื่อสังคมได้
แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันและเห็นว่าเป็นทางออกของบ้านเมือง ต่างฝ่ายต่างจบจะได้เริ่มต้นกันใหม่ ไม่ต้องไป
กังวลเรื่องอะไรก็น่าจะทำความเข้าใจกันได้

บุญยอด สุขถิ่นไทย

ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะกรรมาธิการวิสามัญร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม


เป็นเรื่องที่ชัดเจนว่ากฎหมายดังกล่าวต้องการนิรโทษกรรมให้กับใคร เพราะตอนแรกคนในรัฐบาล
พูดกันตลอดว่าร่าง พ.ร.บ.ของ นายวรชัย เหมะ ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทยเป็นการนิรโทษ
ประชาชนที่ติดคุก อ้างว่าไม่อยากเห็นประชาชนเดือดร้อน และยืนยันว่าจะไม่การนิรโทษกรรมแกนนำ
ทำให้เรื่องที่หมกเม็ดมาตลอดมันชัดเจนขึ้น จนกระทั่งในที่ประชุมเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม เสียงส่วน
ใหญ่ของที่ประชุมได้โหวตสนับสนุนให้เป็นไปตามร่างที่นายประยุทธ์ ศิริพานิชย์ ส.ส.มหาสารคาม
พรรคเพื่อไทย เสนอต่อที่ประชุม เนื้อหาคือให้บรรดาการกระทำทั้งหลายทั้งสิ้นของบุคคลหรือ
ประชาชนที่เกี่ยวเนื่องกับการชุมนุมทางการเมือง  ..........................

ธิดา ถาวรเศรษฐ

ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.)


จุดยืนของ นปช.แสดงออกที่พระราชกำหนดกับพระราชบัญญัติฉบับที่ นายวรชัย เหมะ ส.ส.เพื่อไทย
เสนอเพราะเนื้อหาเหมือนกัน ความหมายก็คือต้องการเร่งให้ประชาชนนั้นได้รับ โดยที่อุปสรรคน้อยที่สุด
นั่นก็คือการขัดขวางของกลุ่มที่ไม่เห็นด้วย ก็แปลว่าให้ทุกสีเสื้อ ยกเว้นแกนนำทุกสีเสื้อ แล้วแม้กระทั่ง
ฝ่ายเจ้าหน้าที่รัฐก็ไม่เกี่ยว เพราะถ้าให้กับแกนนำข้างใดข้างหนึ่งอีกข้างก็ต้องออกมาประท้วง

จุดยืนของ นปช.ยังไม่เปลี่ยน ถามว่าทางพรรคเพื่อไทยจะเป็นเอกภาพกันทุกเรื่อง ในอดีตก็ไม่เป็น
เอกภาพและไม่ใช่เรื่องนี้เป็นเรื่องแรก ส่วนเรื่องคนอื่นๆอีกที่จะได้รับประโยชน์ ยังตอบแทนไม่ได้
ถ้าดูเหมือนกับมีคนได้มาก แน่นอนหมายถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หรือ
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี ส่วนจะมีคนอื่นอีกก็ต้องลงไปในรายละเอียดอีกที จุดยืนของ
นปช.มีแค่ให้ประชาชนได้รับ แต่ถ้ามีเรื่องอื่นนิรโทษกรรมให้บุคคลอื่นด้วย คนที่เสนอมาก็ต้องรับผิดชอบ
กับเรื่องที่จะเกิดขึ้น .............

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1382242147&grpid=&catid=02&subcatid=0202

หลากหลายมุมมอง  กับพ.ร.นิรโทษกรรม  สำดหรับของ บุญยอด  และ อ.จ. ธิดา  ตากไปอ่านกันเต็มจาก
link ด้วยค่ะ  ยาว  ... ขี้เกียจจัดหน้า
คิดแบบ สามารถ  แก้วมีชัย  ก็ใช่  จะให้ถูกใจทุกคนคงไม่ได้  ถ้ามีเสียงคัดค้านมาก  พรรคเพื่อไทยก็คงดึงดัน
ไปไม่ได้  ...  ก็ต้องติดตามกันต่อไป  จะพบกันครึ่งทางได้แบบไหน   การเมืองคือการประสานประโยชน์ .....
ต้องทำให้ลงตัว  ไปไม่รอด  ก็ล้มกระดาน  ยุบสภา ...  อย่านอกระบบก็แล้วกัน   กลับมาให้ปชช.ตัดสินกันใหม่   ยิ้ม

สาวแว่น
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่