เพื่อนๆครับ กระทู้นี้ ผมไม่ได้เขียนขึ้น เพื่อให้พวกท่านมาอยู่เป็นพวกเดียวกับผม และก็ไม่ต้องการให้พวกท่านละทิ้งความเป็นกลาง ยิ่งไม่ต้องการให้พวกท่านเกิดความเบื่อหน่ายทางการเมือง จนปล่อยให้มันเป็นเรื่องของเวรของกรรมไปเสีย อย่างนี้นอกจากประเทศจะไม่ได้อะไรแล้ว พวกท่านก็ต้องสูญเสียอะไรไปด้วยนะครับ
พวกท่านอาจมองว่า การเมืองเป็นการแย่งชิงอำนาจของสองฝ่าย จึงไม่อยากยุ่งเกี่ยวด้วย เพราะสุดท้ายมันก็เลวทั้งสองฝ่าย ไม่มีใครดีกว่าใคร ผมจึงอยากบอกพวกท่านว่า พวกท่านเข้าใจถูกต้องครับ แต่มันไม่ทั้งหมด เรื่องการแย่งชิงอำนาจนั้นจริงครับ และนักการเมืองก็อาจไม่ได้ดีกว่ากันทั้งสองฝ่าย ดังนั้นป่วยการที่จะไปเลือกข้าง สู้เอาเวลาไปทำมาหากิน เลี้ยงปากเลี้ยงท้องเสียจะดีกว่า
แต่พวกท่านครับ เคยคิดบ้างไหมครับ ทำไมประเทศไทยที่เพียบพร้อมด้วยทรัพยากรธรรมชาติ เพียบพร้อมด้วยบุคลากรที่มีคุณภาพ แต่ความเจริญก้าวหน้าของประเทศ จึงไม่สามารถทัดเทียมกับหลายๆประเทศที่เล็กกว่า หรือ หลายประเทศที่ไม่มีทรัพยากรธรรมชาติเทียบเท่าเรา นั่นเป็นเพราะเหตุใดกัน ถ้าไม่ใช่เพราะการเมือง?
ประเทศต้องมีผู้บริหาร ต้องมีการบริหารจัดการ และยังต้องมีผู้นำที่เก่ง ประเทศจึงจะสามารถเจริญรุดหน้าได้ สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่ต้องพึ่งนักการเมืองกันทั้งนั้น ดังนั้นเราจะไม่สนใจการเมือง เพราะคิดว่าเป็นเรื่องไกลตัวนั้นไม่ได้ครับ และยิ่งในสถานการณ์ที่มีความขัดแย้งสูงอย่างตอนนี้ ยิ่งต้องสนใจเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูน
พวกท่านอย่าไปติดกับดักกับคำพูดที่ว่า ประเทศไม่เจริญ เพราะการทุจริตคอรัปชั่น นั่นมันไม่ใช่สาเหตุที่จะทำให้เราจำใจยอมรับกับสภาพอย่างนั้นนี่ครับ สิ่งไหนไม่ดีก็ต้องแก้ไขกันไป เพื่อให้ได้สิ่งที่ดีขึ้นไม่ใช่หรือครับ
ที่สำคัญ การทุจริตคอรัปชั่นมันไม่ใช่มีแต่นักการเมืองเท่านั้น แต่มันเป็นไปทั้งระบบ ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นนักการเมืองหรือข้าราชการทุกหน่วยงาน รวมทั้งองค์กรอิสระต่างๆ ล้วนแต่ต้องแก้ไขกันทั้งนั้นแหละครับ และที่จะแก้ปัญหาเหล่านี้ได้ดีที่สุด ก็คือ ประชาชนครับ แต่นั่นต้องหมายถึงเราต้องได้อำนาจเต็มมาเสียก่อนครับ
พวกท่านอย่าไปตกหลุมพรางที่ว่า ประเทศเรายังไม่พร้อมที่จะมีประชาธิปไตย เพราะคนส่วนใหญ่ยังไร้การศึกษา ยังไม่เข้าใจประชาธิปไตยดีพอ นั่นเป็นคำพูดเพื่อควบคุมไม่ให้เราได้มีโอกาสใช้อำนาจของพวกเราต่างหากครับ ถ้าลองคิดถึงความเป็นจริง ไม่มีอะไรพร้อมเสมอ ถ้าเราไม่มีการเริ่มต้น
ดังนั้นถ้าเราต้องการความพร้อม เราต้องเริ่มต้นก่อน แล้วค่อยๆเรียนรู้จากความผิดพลาด แล้วค่อยๆพัฒนาให้เป็นทักษะ ประชาธิปไตยก็เหมือนกันครับ เราต้องอยู่กับมัน เพราะมันเป็นอำนาจของเรา และเราต้องเรียนรู้จากมัน เพื่อให้มีทักษะในการเลือกผู้แทนมากระทำแทนพวกเราให้เป็นไปตามทิศทางที่พวกเรากำหนดขึ้น อย่างนั้นแล้วประเทศก็จะเดินตามความต้องการของพวกเรา นั่นคือ เดินตามความต้องการของประชาชน
แต่สาเหตุหลักที่ประชาธิปไตยของพวกเราไม่พัฒนาไปไหน ทั้งๆที่มีอายุกว่าแปดสิบปีนั้น เพราะมันมีความพยายามตัดตอนไม่ให้ประชาชนมีพลังต่างหากครับ เพราะมีคนกลุ่มหนึ่งยังคงสนุกอยู่กับอำนาจ ยังสนุกอยู่กับการชักใยอยู่เบื้องหลัง และยังสนุกกับผลประโยชน์ที่มากมายมหาศาล ท่ามกลางความทุกข์ยากของประชาชน
ดังนั้นจึงพยายามสร้างภาพความเลวร้ายของนักการเมือง จนทำให้ประชาชนเบื่อหน่าย แล้วนำไปสู่ระบบเผด็จการ ที่คนได้ตำแหน่งต้องมาจากการคัดสรรเท่านั้น ทั้งๆที่บุคคลเหล่านี้ เมื่อได้ตำแหน่งแล้ว ก็ใช่ว่าจะปฏิบัติตัวเองดีกว่านักการเมืองเสียเมื่อไหร่ พวกท่านเชื่อตามผมไหมครับ
และสิ่งที่อยากให้พวกท่านมองการเมืองให้ชัดเจน ก็จะพบว่า เหล่าคนที่ออกมาขับไล่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ล้วนแต่เป็นเหล่าประดาที่ไม่สามารถได้ตำแหน่งหนึ่งตำแหน่งใด โดยผ่านการเลือกตั้ง ผ่านความต้องการของประชาชน ดังนั้นสิ่งที่พวกเขาเหล่านั้นเรียกร้อง จึงเป็นเพียงเรียกร้องเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองทั้งสิ้น อย่างนี้แล้วพวกเราจะยอมเป็นเบี้ยให้พวกนั้นจับเดินไปทางไหนก็ได้อย่างนั้นหรือครับ
ดังนั้นพวกท่านไม่จำเป็นต้องเลือกอยู่สีไหน อยู่ข้างใด เพียงต้องการให้พวกท่านเลือกที่จะอยู่ภายใต้การปกครองของรัฐธรรมนูญ ตามระบอบประชาธิปไตย ที่ประชาชนทุกคนมีส่วนร่วม เพราะอย่างน้อยประชาชนยังสามารถที่จะใช้อำนาจที่มีอยู่เปลี่ยนแปลงผู้นำได้ทุกเมื่อ ไม่ใช่เผด็จการที่ประชาชนต้องการเปลี่ยนแปลง ต้องใช้ชีวิตเข้าแลกมา พวกท่านว่าจริงไหมครับ
ไม่ต้องดูอื่นไกล แม้แต่ในระบอบที่เราคิดว่าเป็นประชาธิปไตยนั้น ตอนประกาศใช้ พรก.ฉุกเฉิน ประชาชนยังถูกปิดหู ปิดตาและปิดปากอย่างถูกต้องตามกฎหมาย แล้วการสั่งฆ่าประชาชนยังไม่ต้องรับผิดชอบอะไรเสียด้วย ดังนั้นถ้าเป็นเผด็จการเต็มรูปแบบ ประชาชนจะเป็นอย่างไร ลองตรองดูนะครับ
ทุกๆท่านครับ ประเทศไทยจะเดินหน้าได้ มันต้องมีเพียงระบอบเดียวเท่านั้น ไม่ใช่ระบบซ้อนระบอบอย่างทุกวันนี้ จนทำให้ประเทศจะเดินหน้าก็ไม่ได้ ก็ไม่ต้องดูอื่นไกล
แค่จะบริหารจัดการน้ำทั้งระบบ ก็ยังทำไม่ได้ เพราะพวกเขาไม่ต้องการให้ทำ โดยใช้ข้ออ้างเรื่องการทุจริต ทั้งๆที่การทุจริตป้องกันได้ ถ้ามีการตรวจสอบกันอย่างจริงๆจังๆ แต่น้ำท่วมและภัยแล้ง ไม่สามารถป้องกันความเสียหายได้เลย ถ้าไม่มีการบริหารจัดการอย่างเป็นระบบ
แค่งบประมาณแผ่นดิน พวกยังนำมาเป็นประเด็นทางการเมือง จนทำให้ประชาชนขาดความเชื่อมั่น ทั้งๆที่รู้มันเป็นขั้นตอนที่ทุกรัฐบาลก็ทำกันแบบนี้ แต่ก็ยังคงรับไว้ เพื่อแสดงอำนาจหรือเปล่าผมไม่รู้ แต่เล่นกระทั่งเรื่องอย่างนี้ พวกท่านยังคิดว่า พวกเขาทำเพื่อประเทศอย่างนั้นหรือครับ
แค่เรื่องการปรับโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ก็ยังออกมาต่อต้านกันอีก ทั้งๆที่ประเทศไม่ได้พัฒนาเชิงโครงสร้างกันมานานแล้ว จนตามเพื่อนบ้านไม่ทัน โดยการสร้างวาทกรรมเป็นหนี้กัน 50 ปีอะไรเหล่านี้ นั่นคือการคิดแต่ในเชิงลบ โดยละเสียเชิงบวก แล้วเราจะปล่อยให้ประเทศชาติเป็นอย่างรถไฟไทย ถึงก็ช่าง ไม่ถึงก็ช่างไปอีกนานเท่าไหร่ครับ
นี่เป็นเพียงตัวอย่างที่เห็นได้อย่างชัดเจนถึงความไม่ต้องการให้ประเทศพัฒนา ไม่ต้องการให้ประชาชนรู้เท่าทัน ซึ่งตลอดหลายปีที่ผ่านมา มันมีเรื่องอีกมากมายที่กระทำกันอย่างลุแก่อำนาจ โดยไม่แคร์กับความรู้สึกของประชาชน โดยเฉพาะกระบวนการยุติธรรม ที่ควรจะเป็นหลักในการสลายความขัดแย้ง แต่กลับทำตัวเป็นผู้ขัดแย้งเสียเอง ด้วยการใช้กฎตรูเข้ามาแทนกฎหมาย เรื่องเหล่านี้ควรจะยอมรับด้วยงั้นหรือครับ
จริงอยู่ เมื่อความอยุติธรรมไม่เกิดกับตัวเอง ไหนเล่าจะรู้ซึ้งถึงความเจ็บช้ำ เพียงแต่พวกท่านจะมั่นใจได้อย่างไรครับ เมื่อกติกาไม่เป็นกติกา กฎหมายไม่เป็นกฎหมาย แล้วสักวันหนึ่งความอยุติธรรมจะไม่เกิดแก่พวกท่านบ้างเลยหรือ
ดังนั้นผมจึงอยากให้พวกเราต่อสู้เพื่อให้ได้ประชาธิปไตยกลับคืนมาไวๆ เพื่อที่พวกเราจะใช้อำนาจของเรามากำกับนักการเมืองอีกทีหนึ่ง เพื่อให้ประเทศเปลี่ยนแปลงให้ได้นะครับ กรุณาอย่าดูถูกความคิดเห็นของประชาชนเลยนะครับ
อดีตใครมีเงินก็เป็นผู้แทนได้ แต่ปัจจุบันกลายเป็น รับเงินหมา กาเบอร์อื่น นี่คือความเปลี่ยนแปลง
อดีตใครพูดเก่งก็เป็นผู้แทนได้ แต่ปัจจุบันกลายเป็น สังกัดพรรคดี จึงได้เป็น นี่คือความเปลี่ยนแปลง
อดีตพรรคไหนดีแต่พูด ก็ได้รับเลือก แต่ปัจจุบันกลายเป็น นโยบายดี จึงได้รับการคัดเลือก นี่คือความเปลี่ยนแปลง
และผมเชื่อด้วยความบริสุทธิ์ใจ ในอนาคต ถ้านักการเมืองออกนอกลู่นอกทาง ประชาชนต้องให้การลงโทษอย่างสาสม เมื่อถึงตอนนั้น ไม่ว่าใครก็ตาม เมื่อคิดจะยืนหยัดอยู่บนเส้นทางการเมืองให้ได้ ต้องคอยเงี่ยหูฟังเสียงของประชาชน แล้วก็จะไม่กล้าทำอะไรให้ประชาชนไม่พอใจ
เมื่อนั้นผมมั่นใจว่า นักการเมืองก็จะกลายเป็นนักการเมืองที่มีจิตสำนึกสูงกว่าคนธรรมดาเหมือนกับนานาประเทศครับ เพราะรู้ดีว่า ต่อให้ด้านหน้าทนอยู่ ก็ไม่มีประชาชนให้อยู่ทนหรอกครับ
ไม่ต้องเชื่อผมก็ได้ครับ แต่อยากให้ฟังผม แล้วลองไตร่ตรองดูให้ดี วิกฤติของประเทศที่เกิดขึ้น เพราะทักษิณคนเดียว หรือ เพราะพวกไม่เคารพกติกากันแน่ ถ้าแก้โจทย์ถูก พวกนั้นก็คงทำให้ประเทศวุ่นวายไม่ได้อีกต่อไปครับ ดังนั้นพวกท่านอยากได้ประชาธิปไตยหรือเผด็จการก็ตัดสินใจกันเองนะครับ ขอบคุณ
คนเลือกข้างไม่เกี่ยว ที่เกี่ยวคือคนที่ยังไม่ได้เลือกข้าง
พวกท่านอาจมองว่า การเมืองเป็นการแย่งชิงอำนาจของสองฝ่าย จึงไม่อยากยุ่งเกี่ยวด้วย เพราะสุดท้ายมันก็เลวทั้งสองฝ่าย ไม่มีใครดีกว่าใคร ผมจึงอยากบอกพวกท่านว่า พวกท่านเข้าใจถูกต้องครับ แต่มันไม่ทั้งหมด เรื่องการแย่งชิงอำนาจนั้นจริงครับ และนักการเมืองก็อาจไม่ได้ดีกว่ากันทั้งสองฝ่าย ดังนั้นป่วยการที่จะไปเลือกข้าง สู้เอาเวลาไปทำมาหากิน เลี้ยงปากเลี้ยงท้องเสียจะดีกว่า
แต่พวกท่านครับ เคยคิดบ้างไหมครับ ทำไมประเทศไทยที่เพียบพร้อมด้วยทรัพยากรธรรมชาติ เพียบพร้อมด้วยบุคลากรที่มีคุณภาพ แต่ความเจริญก้าวหน้าของประเทศ จึงไม่สามารถทัดเทียมกับหลายๆประเทศที่เล็กกว่า หรือ หลายประเทศที่ไม่มีทรัพยากรธรรมชาติเทียบเท่าเรา นั่นเป็นเพราะเหตุใดกัน ถ้าไม่ใช่เพราะการเมือง?
ประเทศต้องมีผู้บริหาร ต้องมีการบริหารจัดการ และยังต้องมีผู้นำที่เก่ง ประเทศจึงจะสามารถเจริญรุดหน้าได้ สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่ต้องพึ่งนักการเมืองกันทั้งนั้น ดังนั้นเราจะไม่สนใจการเมือง เพราะคิดว่าเป็นเรื่องไกลตัวนั้นไม่ได้ครับ และยิ่งในสถานการณ์ที่มีความขัดแย้งสูงอย่างตอนนี้ ยิ่งต้องสนใจเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูน
พวกท่านอย่าไปติดกับดักกับคำพูดที่ว่า ประเทศไม่เจริญ เพราะการทุจริตคอรัปชั่น นั่นมันไม่ใช่สาเหตุที่จะทำให้เราจำใจยอมรับกับสภาพอย่างนั้นนี่ครับ สิ่งไหนไม่ดีก็ต้องแก้ไขกันไป เพื่อให้ได้สิ่งที่ดีขึ้นไม่ใช่หรือครับ
ที่สำคัญ การทุจริตคอรัปชั่นมันไม่ใช่มีแต่นักการเมืองเท่านั้น แต่มันเป็นไปทั้งระบบ ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นนักการเมืองหรือข้าราชการทุกหน่วยงาน รวมทั้งองค์กรอิสระต่างๆ ล้วนแต่ต้องแก้ไขกันทั้งนั้นแหละครับ และที่จะแก้ปัญหาเหล่านี้ได้ดีที่สุด ก็คือ ประชาชนครับ แต่นั่นต้องหมายถึงเราต้องได้อำนาจเต็มมาเสียก่อนครับ
พวกท่านอย่าไปตกหลุมพรางที่ว่า ประเทศเรายังไม่พร้อมที่จะมีประชาธิปไตย เพราะคนส่วนใหญ่ยังไร้การศึกษา ยังไม่เข้าใจประชาธิปไตยดีพอ นั่นเป็นคำพูดเพื่อควบคุมไม่ให้เราได้มีโอกาสใช้อำนาจของพวกเราต่างหากครับ ถ้าลองคิดถึงความเป็นจริง ไม่มีอะไรพร้อมเสมอ ถ้าเราไม่มีการเริ่มต้น
ดังนั้นถ้าเราต้องการความพร้อม เราต้องเริ่มต้นก่อน แล้วค่อยๆเรียนรู้จากความผิดพลาด แล้วค่อยๆพัฒนาให้เป็นทักษะ ประชาธิปไตยก็เหมือนกันครับ เราต้องอยู่กับมัน เพราะมันเป็นอำนาจของเรา และเราต้องเรียนรู้จากมัน เพื่อให้มีทักษะในการเลือกผู้แทนมากระทำแทนพวกเราให้เป็นไปตามทิศทางที่พวกเรากำหนดขึ้น อย่างนั้นแล้วประเทศก็จะเดินตามความต้องการของพวกเรา นั่นคือ เดินตามความต้องการของประชาชน
แต่สาเหตุหลักที่ประชาธิปไตยของพวกเราไม่พัฒนาไปไหน ทั้งๆที่มีอายุกว่าแปดสิบปีนั้น เพราะมันมีความพยายามตัดตอนไม่ให้ประชาชนมีพลังต่างหากครับ เพราะมีคนกลุ่มหนึ่งยังคงสนุกอยู่กับอำนาจ ยังสนุกอยู่กับการชักใยอยู่เบื้องหลัง และยังสนุกกับผลประโยชน์ที่มากมายมหาศาล ท่ามกลางความทุกข์ยากของประชาชน
ดังนั้นจึงพยายามสร้างภาพความเลวร้ายของนักการเมือง จนทำให้ประชาชนเบื่อหน่าย แล้วนำไปสู่ระบบเผด็จการ ที่คนได้ตำแหน่งต้องมาจากการคัดสรรเท่านั้น ทั้งๆที่บุคคลเหล่านี้ เมื่อได้ตำแหน่งแล้ว ก็ใช่ว่าจะปฏิบัติตัวเองดีกว่านักการเมืองเสียเมื่อไหร่ พวกท่านเชื่อตามผมไหมครับ
และสิ่งที่อยากให้พวกท่านมองการเมืองให้ชัดเจน ก็จะพบว่า เหล่าคนที่ออกมาขับไล่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ล้วนแต่เป็นเหล่าประดาที่ไม่สามารถได้ตำแหน่งหนึ่งตำแหน่งใด โดยผ่านการเลือกตั้ง ผ่านความต้องการของประชาชน ดังนั้นสิ่งที่พวกเขาเหล่านั้นเรียกร้อง จึงเป็นเพียงเรียกร้องเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองทั้งสิ้น อย่างนี้แล้วพวกเราจะยอมเป็นเบี้ยให้พวกนั้นจับเดินไปทางไหนก็ได้อย่างนั้นหรือครับ
ดังนั้นพวกท่านไม่จำเป็นต้องเลือกอยู่สีไหน อยู่ข้างใด เพียงต้องการให้พวกท่านเลือกที่จะอยู่ภายใต้การปกครองของรัฐธรรมนูญ ตามระบอบประชาธิปไตย ที่ประชาชนทุกคนมีส่วนร่วม เพราะอย่างน้อยประชาชนยังสามารถที่จะใช้อำนาจที่มีอยู่เปลี่ยนแปลงผู้นำได้ทุกเมื่อ ไม่ใช่เผด็จการที่ประชาชนต้องการเปลี่ยนแปลง ต้องใช้ชีวิตเข้าแลกมา พวกท่านว่าจริงไหมครับ
ไม่ต้องดูอื่นไกล แม้แต่ในระบอบที่เราคิดว่าเป็นประชาธิปไตยนั้น ตอนประกาศใช้ พรก.ฉุกเฉิน ประชาชนยังถูกปิดหู ปิดตาและปิดปากอย่างถูกต้องตามกฎหมาย แล้วการสั่งฆ่าประชาชนยังไม่ต้องรับผิดชอบอะไรเสียด้วย ดังนั้นถ้าเป็นเผด็จการเต็มรูปแบบ ประชาชนจะเป็นอย่างไร ลองตรองดูนะครับ
ทุกๆท่านครับ ประเทศไทยจะเดินหน้าได้ มันต้องมีเพียงระบอบเดียวเท่านั้น ไม่ใช่ระบบซ้อนระบอบอย่างทุกวันนี้ จนทำให้ประเทศจะเดินหน้าก็ไม่ได้ ก็ไม่ต้องดูอื่นไกล
แค่จะบริหารจัดการน้ำทั้งระบบ ก็ยังทำไม่ได้ เพราะพวกเขาไม่ต้องการให้ทำ โดยใช้ข้ออ้างเรื่องการทุจริต ทั้งๆที่การทุจริตป้องกันได้ ถ้ามีการตรวจสอบกันอย่างจริงๆจังๆ แต่น้ำท่วมและภัยแล้ง ไม่สามารถป้องกันความเสียหายได้เลย ถ้าไม่มีการบริหารจัดการอย่างเป็นระบบ
แค่งบประมาณแผ่นดิน พวกยังนำมาเป็นประเด็นทางการเมือง จนทำให้ประชาชนขาดความเชื่อมั่น ทั้งๆที่รู้มันเป็นขั้นตอนที่ทุกรัฐบาลก็ทำกันแบบนี้ แต่ก็ยังคงรับไว้ เพื่อแสดงอำนาจหรือเปล่าผมไม่รู้ แต่เล่นกระทั่งเรื่องอย่างนี้ พวกท่านยังคิดว่า พวกเขาทำเพื่อประเทศอย่างนั้นหรือครับ
แค่เรื่องการปรับโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ก็ยังออกมาต่อต้านกันอีก ทั้งๆที่ประเทศไม่ได้พัฒนาเชิงโครงสร้างกันมานานแล้ว จนตามเพื่อนบ้านไม่ทัน โดยการสร้างวาทกรรมเป็นหนี้กัน 50 ปีอะไรเหล่านี้ นั่นคือการคิดแต่ในเชิงลบ โดยละเสียเชิงบวก แล้วเราจะปล่อยให้ประเทศชาติเป็นอย่างรถไฟไทย ถึงก็ช่าง ไม่ถึงก็ช่างไปอีกนานเท่าไหร่ครับ
นี่เป็นเพียงตัวอย่างที่เห็นได้อย่างชัดเจนถึงความไม่ต้องการให้ประเทศพัฒนา ไม่ต้องการให้ประชาชนรู้เท่าทัน ซึ่งตลอดหลายปีที่ผ่านมา มันมีเรื่องอีกมากมายที่กระทำกันอย่างลุแก่อำนาจ โดยไม่แคร์กับความรู้สึกของประชาชน โดยเฉพาะกระบวนการยุติธรรม ที่ควรจะเป็นหลักในการสลายความขัดแย้ง แต่กลับทำตัวเป็นผู้ขัดแย้งเสียเอง ด้วยการใช้กฎตรูเข้ามาแทนกฎหมาย เรื่องเหล่านี้ควรจะยอมรับด้วยงั้นหรือครับ
จริงอยู่ เมื่อความอยุติธรรมไม่เกิดกับตัวเอง ไหนเล่าจะรู้ซึ้งถึงความเจ็บช้ำ เพียงแต่พวกท่านจะมั่นใจได้อย่างไรครับ เมื่อกติกาไม่เป็นกติกา กฎหมายไม่เป็นกฎหมาย แล้วสักวันหนึ่งความอยุติธรรมจะไม่เกิดแก่พวกท่านบ้างเลยหรือ
ดังนั้นผมจึงอยากให้พวกเราต่อสู้เพื่อให้ได้ประชาธิปไตยกลับคืนมาไวๆ เพื่อที่พวกเราจะใช้อำนาจของเรามากำกับนักการเมืองอีกทีหนึ่ง เพื่อให้ประเทศเปลี่ยนแปลงให้ได้นะครับ กรุณาอย่าดูถูกความคิดเห็นของประชาชนเลยนะครับ
อดีตใครมีเงินก็เป็นผู้แทนได้ แต่ปัจจุบันกลายเป็น รับเงินหมา กาเบอร์อื่น นี่คือความเปลี่ยนแปลง
อดีตใครพูดเก่งก็เป็นผู้แทนได้ แต่ปัจจุบันกลายเป็น สังกัดพรรคดี จึงได้เป็น นี่คือความเปลี่ยนแปลง
อดีตพรรคไหนดีแต่พูด ก็ได้รับเลือก แต่ปัจจุบันกลายเป็น นโยบายดี จึงได้รับการคัดเลือก นี่คือความเปลี่ยนแปลง
และผมเชื่อด้วยความบริสุทธิ์ใจ ในอนาคต ถ้านักการเมืองออกนอกลู่นอกทาง ประชาชนต้องให้การลงโทษอย่างสาสม เมื่อถึงตอนนั้น ไม่ว่าใครก็ตาม เมื่อคิดจะยืนหยัดอยู่บนเส้นทางการเมืองให้ได้ ต้องคอยเงี่ยหูฟังเสียงของประชาชน แล้วก็จะไม่กล้าทำอะไรให้ประชาชนไม่พอใจ
เมื่อนั้นผมมั่นใจว่า นักการเมืองก็จะกลายเป็นนักการเมืองที่มีจิตสำนึกสูงกว่าคนธรรมดาเหมือนกับนานาประเทศครับ เพราะรู้ดีว่า ต่อให้ด้านหน้าทนอยู่ ก็ไม่มีประชาชนให้อยู่ทนหรอกครับ
ไม่ต้องเชื่อผมก็ได้ครับ แต่อยากให้ฟังผม แล้วลองไตร่ตรองดูให้ดี วิกฤติของประเทศที่เกิดขึ้น เพราะทักษิณคนเดียว หรือ เพราะพวกไม่เคารพกติกากันแน่ ถ้าแก้โจทย์ถูก พวกนั้นก็คงทำให้ประเทศวุ่นวายไม่ได้อีกต่อไปครับ ดังนั้นพวกท่านอยากได้ประชาธิปไตยหรือเผด็จการก็ตัดสินใจกันเองนะครับ ขอบคุณ