แชร์ประสบการณ์ของคนช่างกินที่ผอมได้ +คำถาม >>จริงรึเปล่า ผู้หญิงอยากผอมยอมทำได้ทุกอย่าง แต่ยากสุดคือการออกกำลังกาย

กระทู้คำถาม
ออกตัวก่อนว่าไม่ใช่กูรู เป็นแค่คนนึงที่เคยลดน้ำหนักมาแบบล้มเหลว จนปัจจุบันประสบผลสำเร็จครับ
อาจจะร่ายยาวหน่อย เพราะอยากแชร์ไว้เป็นอุทาหรณ์ให้คนที่กำลังตั้งใจจะลดน้ำหนักอยู่ด้วย
อยากจะเตือนเรื่องโยโย่ของการอดอาหาร ผมก็เคยทำแต่สรุปแล้วน้ำหนักก็ไม่ลด สุขภาพเสีย กลายเป็นการทรมานตัวเองฟรีๆ
แถมน้ำหนักยังอาจจะพุ่งมากกว่าเดิมอีก เพราะปล่อยตัวเอง หมดกำลังใจในการเปลี่ยนแปลงตัวเองแล้ว
ส่วนคำถามเป็นความคิดเพื่อนสนิทผู้หญิงผมนะคับ คุยกันแล้วมันก็พูดมาแบบนี้
ประจวบเหมาะกับเจอกระทู้คุณผู้หญิงหลายๆคนที่แชร์วิธีการลดน้ำหนักกัน
เข้าไปอ่านแล้วก็อดห่วงไม่ได้คับ เม้นเตือนบ้าง แต่ก็คิดว่าคงจะไม่เปลี่ยนวิธีกันง่ายๆ
บางคนก็เรื่องอาหารเสริม(ที่ไม่ใช่ยา) และหลายคนยังยอมฝืนใจอดอาหาร
ผมเห็นบางกระทู้ยังแอบตกใจว่ากินแค่นั้นแล้วใช้ชีวิตอยู่ได้ยังไง กลัวจะเป็นลมเป็นแล้งเอา ป่วยเอาได้ด้วย
อ่านเจอเรื่องอาหารเสริมหรือยา  ผมบอกก่อนเลยว่ากลัวพวกนี้มากๆ ได้ยินเรื่องผลข้างเคียงมาเยอะเลยไม่คิดที่จะลอง
ขอเตือนให้ห่างๆ อย่าได้ไปยุ่งเกี่ยวเลย ญาติผมกินยาโรงพยาบาลยัน.....แล้วมีผลข้างเคียงเรื่องโรคประสาท
อ่านเจอในกระทู้พันทิพย์ไม่นานนี้มีคนมาแชร์ไว้เหมือนกัน น่าจะยาแบบเดียวกันคับ พวกนี้มันมีฤทธิ์กดประสาท อันตรายครับ
อาหารเสริมก็น่ากลัว ไม่รู้แอบผสมอะไรบ้างมั้ย(เห็นขายๆในเน็ตบางอย่างตลกดี มีคัพเค้กลดความอ้วนงี้ เอาใจกันสุดๆ)
/////////////////////////

เข้าเรื่องดีกว่า.....
ผมเองก็เคยผ่านการอดอาหารมาคับเลยพอเข้าใจ  เมื่อก่อนผมท้วมๆ อยากผอมแล้วก็ยังขี้เกียจออกกำลังกายด้วย
ใช้วิธีอดอาหาร1มื้อมาก่อน ผอมลงแรกๆเองครับ สุดท้ายก็ป่องเหมือนเดิม มากกว่าเดิมด้วยซ้ำ(ตบะแตก)
แล้วพอ ม6 เลยอยากเข้าฟิตเนส แบบว่าเข้ามหาลัยต้องเท่ 555
จาก 64 ลงไปเหลือ 58  ตอนนั้นกินข้าวปกติ 3 มื้อแล้วคับไม่ได้คุมอาหารเลย ใช้เวลาประมาณ2-3เดือนครับ จำแน่นอนไม่ได้ นานมากแล้ว
มีช่วงที่กลับจากเขาชนไก่ แม่ทักเลยว่าทำไมซูบจัง ไปชั่งน้ำหนักดูหายไปอีก 2 โล
ใช้ชีวิตปกติไปตามเดิม น้ำหนักก็มาคงที่ที่ 58 ผมถือว่าตอนนั้นร่างกายมันสมดุลที่จุดนั้นนะคับ
แต่ก็ไม่ได้เล่นตลอด สัญญา 1 ปี หมดแล้วก็เลิกไปเข้ามหาลัยก็เริ่มที่จะอ้วนอีกครั้ง(เพราะรอบๆ ม. มันอุดมสมบูรณ์มาก 555)

เริ่มคิดจะลดน้ำหนักอีกครั้งตอนที่หนัก 69 เลยหาอ่านเรื่องโภชนาการแบบง่ายๆดูครับ
เริ่มเห็นแนวทางในการปรับเปลี่ยนการกิน.......แต่ก็ยังไม่ออกกำลังกาย
ทดสอบปรับง่ายๆด้วยการคำนวณแคลอรี่ก่อน ผลปรากฏว่าทรมานครับ จะกินอะไรต้องพลิกฉลาก นั่งคิดเลยว่าวันนึงกินได้กี่แคล
ผลตอบรับก็โอเคอยู่ ไม่แย่มากแต่ก็ไม่ถึงก็ดี คือลดมาได้ประมาณ 4 โลครับ ประมาณเดือนละ 1-2 โลมั้งจำไม่ค่อยได้ครับแต่ว่าไม่นาน
บอกตรงๆว่าตอนนั้นใจมันสู้ เชื่อว่าทุกๆคนที่เลือกทางนี้ก็คิดแบบนี้
แต่การลดน้ำหนักด้วยวิธีนี้ ต้องฝืนตัวเองให้กินน้อยๆกว่าที่ร่างกายเราใช้  แปลว่าเรากำลังทำตัวผิดธรรมชาติ
ที่ผมอ่านเจอในภายหลัง หลายๆที่บอกตรงกันหมดว่าลดได้นิดเดียว เพราะว่าซักระยะนึงร่างกายจะปรับระบบเผาผลาญให้เท่ากับที่เรากิน
ทำให้น้ำหนักที่ค่อยๆลงนั้นคงที่ แต่นั่นแปลว่าต้องกินอาหารน้อยๆแบบเดิม  ยังต้องหักห้ามใจ ต้องทรมานตัวเองอยู่ กินนู่นไม่ได้ นี่ไม่ได้เลย
เมื่อเราเลิกทำ กลับมากินอาหารแบบคนปกติ เมื่อนั้นน้ำหนักเราก็จะค่อยๆกลับมาอีก (ผมว่าจะเรียกว่าโยโย่ก็ได้นะครับ)
และ ณ วันนึง....ผมก็รับผลนั้นจริงๆ โยโย่........แล้วก็เข้าสู่วงจรทำร้ายตัวเอง เรียนหนัก นอนดึก กินหนัก
รู้สึกตัวอีกทีในอีก3ปีต่อมาก็น้ำหนัก 74 แล้วครับ (ขึ้นมาจากตอน ม6 )

อยากที่จะผอม เพราะอยากถ่ายรูปรับปริญาแล้วหล่อ ก็เลยสมัครฟิตเนสอีกครั้งครับ
ได้ออกกำลังกายสัปดาห์ละ4-5ครั้ง เน้นไปที่คาร์ดิโอนะคับ เวทน้อยมาก
ข้าวเช้ากินปกติ เน้นกับ ตักข้าวไม่เยอะ(เพราะไดเอท) และกลางวันทำเหมือนมื้อเช้าครับ
คุมอาหารมื้อเย็นคือจะงดแป้ง กินแต่ผัก+โปรตีน(หมู่/เนื้อ หั่นบางๆเอาไปจี่ๆในกระทะ ไม่ใส่น้ำมัน //ปลาทั้งหลาย // ไข่ขาว)
จริงๆแล้วต้องงดคาร์โบไฮเดรต แปลว่าน้ำตาลก็ไม่ควรกิน แต่ผมทำไม่ได้ครับเลยขอนิดนึง ราดพวกน้ำยำ สลัดน้ำใส น้ำพริก ก็โอเคอยู่
แรกๆทรมานครับ มีหลุดบ้างนะ บางทีมันก็ช่วยไม่ได้ ต้องออกข้างนอกกับเพื่อน กับครอบครัวบ้าง อาทิตย์ละ1-2ครั้งก็อย่าไปเครียดมาก
ทำอยู่ 2 เดือนลดได้ 10 โลครับ น้ำหนักลงมาเหลือ 64 ตอนนั้นเริ่มที่จะไม่ไหวแล้วเหมือนกันกับการกินสลัดมื้อเย็น
น้ำหนักที่ลงมามันก็น่าพอใจแล้ว เลยคิดว่าถ้างดต่อไปมันก็ทรมานอีก แถมมันจะเสียระบบอีกมั้ย กลัวร่างกายปรับระบบการเผาผลาญลง
ผมเลยทดลองดูว่าถ้าเริ่มกินอาหารเย็นปกติ แต่ปริมาณไม่เยอะ โดยที่กินแป้งน้อยๆแล้วจะมีผลยังไง
ปรากฏว่าน้ำหนักก็คงที่คับ จากนั้นผมก็เลยเริ่มที่จะค่อยๆกินอาหารปกติ ปริมาณก็ค่อยๆเพิ่มกลับมาโดยที่ยังออกกำลังกายควบคู่ไป
น้ำหนักมันก็ไม่ขึ้นไม่ลงนะ มีแกว่งๆบ้างก็ไม่เกิน 1 โล มีความสุขกับชีวิตดีมากครับ เพราะไม่ต้องซีเรียสกับการอดอาหารเลย
แต่สุดท้ายครบ  1ปี ฟิตเนสหมดผมก็กลับมาอ้วนอีกครับ น้ำหนักมันเพิ่มช้าๆนะ เพราะผมไม่ได้ออกกำลังกาย แต่ยังกินปกติเหมือนเดิม

เพราะผมเป็นคนนึงที่ช่างกิน เกิดมากับครอบครัวที่เรื่องกินเรื่องใหญ่ enjoy เรื่องกินมากๆ และเชื่อว่าหลายๆคนก็เป็นแบบผม
มันคงจะดีกว่าถ้าเราสามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติ สามารถกินอาหารที่อยากกินได้โดยไม่ต้องมานั่งคำนวณตัวเลขตลอดเวลา
ลองนึกถึงขนม จะเค้ก จะของหวานต่างๆ หรืออาหารที่มีไขมันสูงๆ พวกของทอดที่เราสามารถกินได้สิครับ ตอนกินมันมีความสุขแค่ไหน
ลองถามตัวเองว่าคุณจะเลิกได้จริงๆหรอ เหมือนกับว่าเรายังกินเนื้อสัตว์อยู่ แต่วันนึงต้องหันมาเป็นมังสวิรัติ มันคงจะไม่ง่ายแน่นอน

หลังจากที่ฟิตเนสผมหมดอีกครั้ง ช่วงนั้นผมเริ่มทำงานครับ ก็กินเยอะ จนหลังๆหนักขึ้นอีกเพราะว่าผมเปิดร้านกาแฟ ทำเค้ก
อยู่ร้านแล้วบางวันไม่ได้หาข้าวกิน มื้อเย็นก็ล่อเค้กในตู้นี่ล่ะคับกันตายไป
สุดท้ายน้ำก็มาหนักเลยครับ.......หมายถึงน้ำจริงๆนะ คือน้ำท่วมน่ะคับเมื่อตอนปี 54 ผมเลยมีช่วงว่างๆอยู่ระยะนึง
ตอนนั้นน้ำหนักกลับมาที่ 69 ครับ ก็เข้าฟิตเนสอีก ทำแบบเดิม น้ำหนักก็ลงอยู่เหมือนเดิม
ใช้เวลาประมาณ 3 เดือน น้ำหนักลงมาที่ 60 ครับ รอบนี้จะลงมากกว่าเดิม แต่ใช้เวลามากหน่อยเพราะไขมันมันไม่ค่อยมีให้ออกแล้วคับ
จริงๆลดลงมามากกว่านี้อีก เคยแตะๆ 58 จนผมเลิกที่จะคุมอาหารเลยในทันที ก็เลยกินอย่างที่บอกคับ ตามใจปากมาก มีความสุขมาก
น้ำหนักก็อยู่ที่ประมาณ 60-61 ครับ สูง177 ถือว่าผอมไป ตอนนี้ก็เล่นฟิตเนสต่อเนื่องแล้วเลยกำลังจะเริ่มยกเวทเพื่อเพิ่มกล้ามเนื้อแล้ว

ผมสรุปจากประสบการณ์ของผม การลดให้ได้ผลที่มั่นคงและถาวรต้องมาจากการออกกำลังกาย และเรียนรู้ที่จะกินอย่างถูกต้องครับ
ทุกวันนี้ผมยังกินของหวาน ขนมกรุบกรอบ เค้ก หรือพวกของทอดอยู่เป็นระยะเลยครับ
อยากกินอะไรก็กินเลย เพียงแต่ว่าเราต้องเข้าใจง่ายๆก่อนเลยว่าอาหารอะไรให้พลังงานมากหรือน้อย(ไม่ถึงขั้นคิดตัวเลขนะครับ เครียดไป)
การรับพลังงานเข้าไปเยอะๆมากกว่าที่ร่างกายเราเผาผลาญได้หมดนั้นมันทำให้เราอ้วนขึ้นแน่นอนคับ
ถ้าเราออกกำลังกายประจำ ไม่ได้กินของทอดทุกมื้อ เค้กวันละชิ้น และขนมอีกวันละ 3 ห่อ คุณไม่อ้วนแน่นอน

มื้อเช้าเป็นมื้อที่สำคัญที่สุดครับ ควรจะทานให้อิ่ม ไม่ขาด เพราะว่าการกินมื้อเช้าทำให้สมองบอกเราว่าเราไม่ขาดอาหาร ระหว่างวันก็ไม่หิวมาก
มื้อกลางวันกินปกติครับ จานเดียวก็พอแล้วเนอะ
ส่วนมื้อเย็นนี่ให้ใส่ใจกับมันนิดนึง ถ้าไดเอทอยู่ ให้ควบคุมอาหารมื้อเย็นครับ พยายามลดแป้งให้ได้มากที่สุด หรือจะงดไปเลยก็ได้
งดแป้งนะครับ ไม่ใช่อดแล้วไม่กินอาหารอื่นเลย ที่ควรกินก็พวกเนื้อสัตว์ไขมันต่ำ ผัก ผลไม้
แต่ถ้าอยากรักษาน้ำหนักให้คงที่ ก็ควรที่จะไม่ลงแป้งในมื้อเย็นมากนัก แปลว่ากินได้นะครับ ทุกวันนี้ผมก็ยังกินอยู่
และถ้ามีมื้อไหนกินหนักๆแล้ว ขอให้คิดว่ามื้อนั้นพลังงานเราได้รับเยอะแล้ว มื้ออื่นๆในวันนั้นพยายามที่จะลดอาหารลงบ้างเพื่อทดแทนกัน
หรือถ้าหลุดมื้อเย็นหนักๆไป ก็ต้องไปลดวันพรุ่งนี้ทดแทนครับ หรือจะลองออกกำลังกายตอนเช้าเพื่อเผาผลาญก็ได้(อาจจะยุ่งยากนิดนึง)

ผมว่าถ้าเราลดน้ำหนักด้วยการออกกำลังกาย และยังเลือกกินอาหารได้อยู่อย่างอิสระ มันจะทำให้เรามีความสุขได้ไปตลอดแน่นอนคับ
มันไม่ได้แค่เรื่องผอมนะ แต่ยังช่วยไปถึงระบบการทำงานต่างๆของร่างกายอีกด้วย
ที่สำคัญคือเรื่องผิวครับ บอกตรงๆเลยว่าเป็นผลพลอยได้ที่ผมไม่คิด เพราะก่อนหน้านี้เป็นคนที่มีสิวซ้ำซาก หายแล้วก็กลับมาเป็นอีก
เนื่องจากเป็นสิว ทำให้ผมไม่ใช้ครีมบำรุงอะไรเลยครับ หน้าสดๆนี่ละ ไม่อยากเอาอะไรเคลือบผิวหน้า
แต่พอออกกำลังกายบ่อยๆแล้วคิดว่าเหงื่อมันขับของเสียออกมา ทำให้หน้าเราไม่หมักหมม สิวก็หายเป็นปลิดทิ้งคับ
เมื่อก่อนรอยดำรอยแดงสิวเยอะมาก หน้าเยินมาก ปัจจันนี้ออกกำลังกายสม่ำเสมอมา 1 ปี สิวแทบจะไม่มีเลย หน้าใสขึ้นสุดๆ
และพอไม่มีสิวแล้วก็เริ่มที่จะลองใช้ครีมดูครับ แต่สิวก็ไม่ขึ้นนะ ทั้งๆที่เมื่อก่อนนี่ทาแล้วสิวยิ่งเห่อ เพราะหมักหมม

ปล.ตั้งประทู้เพื่อแชร์ประสบการณ์ครับ และไม่ได้ต่อว่าใครแบบเหมารวม การคิดที่จะลดเป็นจุดที่ดี เพียงแต่ว่าควรทำให้ถูกต้องเพื่อสุขภาพที่ดีครับ  เพื่อนผู้หญิงผมที่เป็น sport girl ก็มี วิ่งเก่งกว่าผมอีก วิ่งไปซะวันละ10โลเลย *0*

ปล2. อาจจะเขียนวนไปวนมาหน่อย แต่คิดว่าถ้าได้อ่านก็น่าจะได้รับแนวทางไปใช้กันบ้างนะคับ นานๆจะแทคมาห้องแป้ง ปกติอยู่แต่ก้นครัว อมยิ้ม05
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่