สวัสดีค่ะเพื่อนๆชาวพันทิพ หลังจากที่เราได้ซุ่มอ่าน เก็บข้อมูลจากเพื่อนๆมานาน ในวันนี้...เราขอทำหน้าที่ปลุกเร้ากำลังใจให้กับสาวๆทุกคนที่อยากสวย และดูดีขึ้นกว่าเดิม @@ กระทู้นี้เป็นกระทู้แรกในชีวิตของเรา หลังจากที่รวบรวมความกล้าอยู่นาน อาจจะติดขัดไปบ้าง ต้องขออภัยด้วยนะคะ @@
เราเป็นคุณแม่ลูก3ค่ะ อายุปัจจุบันกำลังก้าวเข้าสู่เลข3อย่างสวยงาม เป็นคุณแม่ที่ตั้งท้องติดๆกัน3ปี >>> ช่วงนั้น นน ตอนท้อง มักจะวนเวียนอยู่ที่85-95 กิโล จำได้เป็นอย่างดีว่า ก่อนคลอดลูกชายคนที่2 ก่อนเข้าห้องผ่าตัดเราชั่ง นน ได้ 96 กิโล เนื่องจากตอนท้อง เราชอบทานขนมปัง และขนมเค้กเป็นอย่างมากทานไป ก้อปลอบใจตัวเองไป ว่าเรากินเพื่อลูก เราท้องอยู่ ไม่เป็นไรหรอก โดยมิสนใจเสียงเตือนจากคนรอบๆตัว
จนกระทั่งเราได้คลอดลูกคนที่3 แล้ว นน เจ้าปัญหาก้อยังเกาะหนึบอยู่กับร่างกายเรา มิได้หายไปไหนมากยังทรงตัวอยู่ที่72-78กิโล ประหนึ่งว่า ยังมีลูกน้อยอยู่ในท้องอีกหนึ่งคน ยังจำได้ว่า มีอยู่วันนึง เพื่ิอนสนิทของเราตั้งท้องค่ะ เพื่อนจึงอยากจะไปฝากครรภ์ กับคุณหมอที่ทำคลอดให้เรา เพราะคุณหมอเก่งค่ะ เราก้อพาเพื่อนไป พอเดินเข้าแผนกสูตินารีเท่านั้นแหละ คุณพยาบาลหน้าหวาน...หันมายิ้มหวาน กดตามองมาที่พุงเรา มองหน้าเรา แล้วถามเราว่า "คุณแม่มาฝากครรภ์ใช่มั้ยคะ" เรายืนนิ่งเลยค่ะ ถูกสต๊าฟแข็งไปประมาน 3 วินาที พอตั้งสติได้จึงพูดออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า "เออ หนูคลอดมา2ปีแล้ว วันนี้พาเพื่อนมาฝากครรภ์ค่ะ" คุณพยาบาลได้ยินแบบนั้น ก้อรีบขอโทษเราใหญ่เลยค่ะ เราก้อได้แต่บอก ไม่เป็นไรๆ แต่ยอมรับเลยว่า ในใจเจ็บจี๊ดมากๆ ระหว่างนั่งรอเพื่อน นั่งคิดในใจอยู่ตลอดว่า นี่ตรูคลอดมา2ปีกว่าแล้วนะเฟ้ยยย รูปร่างเรายังเหมือนคนท้องอยู่อีกเหรอ เซ็งค่ะ T T

พอกลับถึงบ้านก้อสติแตก ไปหายาลด นน มาทาน ตามคำบอกเล่าของคนโน่นคนนี้ ว่ากินแล้วดี กินแล้วลด กินไปได้สักพัก นน ลดค่ะ ดีใจมาก กินไปคลื่นไส้ไป ปวดหัวไป กินจนวันนึงทนไม่ไหว แล้วก้อเลิกกิน นน ที่เคยหายไป ก้อเด้งกลับขึ้นมาอยู่เท่าเดิม แถมยังกินเก่งมากกว่าเดิมซะอีก ช่วงนั้นยอมรับว่าท้อใจมากไม่ค่อยกล้าออกไปไหน มีความสุขอยู่กับขนมนมเนยในบ้าน งดเจอเพื่อน ไม่กล้าถ่ายรูป รู้สึกแย่กับตัวเองและพยายามทำใจ ว่าเรามีลูกแล้วจะทำให้กลับไปดูดีเหมือนเมื่อก่อน คงเป็นไปไม่ได้ ปล่อยเวลาให้ผ่านไปเรื่อยๆ ชิวชิว >>>>>>>>
จนกระทั่งเมื่อต้นปีที่แล้วเราได้มีโอกาส ไปเที่ยวกับเพื่อนที่เรียนด้วยกันตอนสมัยมัธยม เป็นทริปที่สนุกสนานค่ะ เฮฮาตามประสาแม่นางช่างคุย เที่ยวไป กินไป ถ่ายรูปไป ไม่ได้สนใจอะไรสักเท่าไหร่
พอกลับถึงบ้าน เพื่อนสาวที่น่ารักก้อส่งรูปกลับมาให้ดู เท่านั้นแหละค่ะ ช็อคเลย ช็อคจริงๆ ทำไมเราถึงได้ต่างจากเพื่อนเรามากมายขนาดนี้ คือเราทำใจได้แล้วนะ แต่ยังไม่เคยมีภาพเปรียบเทียบให้เห็นชัดแบบนี้ไง เพื่อนเราตัวผอม น่ารัก เอวบางร่างน้อยกันแทบจะทุกคน ดูเด็กกว่าอายุจริง แล้วตัวเราล่ะ คุณพระช่วย!!! ตัวหนา แขนล่ำ พุงล้ำหน้า แผ่นหลังมีเนื้อเป็นชั้นๆ ดูแก่เกินอายุจริงไปมากมาก แต่เราจะโทษใครได้ นอกจากตัวเราเอง
ตั้งเเต่วันนั้นเป็นต้นมา จากที่เคยเปิดห้องแป้งแล้วอ่านผ่านๆ ก้อกลับมาเปิดหาข้อมูลอย่างจริงจัง ทั้งเรื่องการลดนน การควบคุมอาหาร การดูแลตัวเอง การออกกำลังกาย การแต่งหน้า เราอยากดูดีขึ้น แบบสุขภาพดีด้วยอ่านไป ก้อตะโกนบอกตัวเราเองในใจดังๆว่า เราต้องดูดีกว่าเมื่อวาน!!! ช้าหน่อยก้อไม่เป็นไร สักวันละนิด.... ก้อยังดี
ด้วยความตั้งใจอย่างเเน่วแน่ ^__^ เกิดพัฒนาการที่ดีขึ้น ตามลำดับ ไปเจอเพื่อนเก่า ญาติพี่น้อง ทุกคนต่างถามเป็นเสียงเดียวกันว่า ไปทำไรมา ดูดีขึ้นนะ อยากจะบอกว่า คำพูดจากคนรอบๆข้างเหล่านี้แหละ ที่ทำให้ตัวเรามีกำลังใจในการดูแลตัวเองมากขึ้น มีแรงฮึดในการออกกำลังกาย มีความอดทนในการควบคุมอาหาร จนกระทั่ง ณ วันนี้ ขอยืมคำพูดของ คุณสายป่าน มาตะโกนดังๆว่า เรามาไกลแล้ว อิอิ
หลักการลดน้ำหนักของเรา ไม่มีอะไรมากเลยค่ะ สิ่งสำคัญที่สุดที่ควรมีในช่วงเวลานี้ก้อคือ "ใจล้วนๆ" เช้าขึ้นมา ทานอาหารทุกอย่างที่อยากจะทาน กลางวันก้อเช่นกัน แต่พยายามควบคุมให้อยู่ในปริมาณที่พอเหมาะ แต่ก่อนทานอาหารมื้อหลักทุกมื้อ เราจะกลั้นใจดื่มน้ำมะเขือเทศ(ดอยคำ) เข้าไปก่อน 1 กล่อง เท่านั้นแหละค่ะ อืดอย่าบอกใคร เราจะทานอาหารได้น้อยไปมาก จากแรกๆ ที่ต้องฝืนใจทาน บีบจมูกดูดกันเลยทีเดียว แต่มาตอนนี้สามารถนั่งดูดแบบสวยๆ ได้อย่างสบายเลยค่ะ เพราะนอกจากจะทำให้ทานอาหารได้น้อยลงแล้ว ยังทำให้ผิวของเรานั้น แลดูเบ่งบาน กระจ่างใสด้วยค่ะ ส่วนมื้อเย็นนั้น ไม่เกิน5โมง เราจะจัดเป็นอาหารเบาๆ เช่น นมพร่องไขมันเนย น้ำเต้าหู้ไม่ใส่น้ำตาล หรือเกาเหลาลูกชิ้น ประมานนี้ค่ะ เบาๆ พอให้กระเพาะน้อยๆของเรา อยู่สบายมิร้องโครกครากยามดึกดื่น ^___^ แล้วจากนั้น ช่วงดูละครทีวี เราไม่ปล่อยให้เวลาเสียเปล่า ดูละครไป เหวี่ยงฮูล่าฮูบไป ปั่นจักรยานอากาศไป เพลินแท้ กว่าละครจะจบเหงื่อออกมาเยอะใช้ได้ทีเดียว

พอน้ำหนักลด ความสวยงามที่ซ่อนอยู่ในหลืบลึก จะเริ่มมาปรากฎให้เราเห็นทีละน้อย ช่วงนี้แหละค่ะ ความสุขบังเกิด...ไปขุดเสื้อผ้าที่ซื้อเก็บไว้มานานนับปี มาค่อยๆลองใส่........น้ำตาจะไหลค่ะ เราใส่ได้ทุกชุดเลย กางเกงยีนส์ตัวสวยราคาแพงที่ตัดใจพับเก็บใส่ตู้เสื้อผ้าไว้เพราะดึงไม่ผ่านสะโพก ก้อกลับมาใส่ได้ แถมหลวมไปอีกต่างหาก จำได้ว่า วันนั้นร้องกรี๊ดๆ ซะดังลั่นบ้าน จนคุณสามีที่รักวิ่งมาถามว่า ตัวเองเป็นอะไร เราก้อได้แต่ตอบเค้าไปว่า เค้าไม่เป็นไร เค้าไม่เป็นไร

แต่ในใจซิคะ ร้องลั่น ชั้นผอมเเล้ว ชั้นผอมแล้ว เย้ๆๆ ^___^

พอน้ำหนักตัวลดลง นอกนั้นก้อไม่มีอะไรยากแล้วค่ะ ผู้หญิงเรา แต่งหน้านิด ทาปากหน่อย เซทผมให้เข้าที่ ก้อดูดีขึ้นเยอะแล้ว ความสวยงามมันซ่อนอยู่ในตัวเราจริงๆ เพียงแต่เราต้องใช้ความพยายามและความอดทน แล้วการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จะเกิดขึ้นกับตัวเราแน่นอน เราเชื่อว่าทุกๆคนทำได้ สู้ สู้ นะคะ >>> เป็นกำลังใจให้ทุกคนค่ะ
เป็นคุณแม่ลูก3ก้อสวยได้...ถ้ารู้จักดูแลตัวเอง
เราเป็นคุณแม่ลูก3ค่ะ อายุปัจจุบันกำลังก้าวเข้าสู่เลข3อย่างสวยงาม เป็นคุณแม่ที่ตั้งท้องติดๆกัน3ปี >>> ช่วงนั้น นน ตอนท้อง มักจะวนเวียนอยู่ที่85-95 กิโล จำได้เป็นอย่างดีว่า ก่อนคลอดลูกชายคนที่2 ก่อนเข้าห้องผ่าตัดเราชั่ง นน ได้ 96 กิโล เนื่องจากตอนท้อง เราชอบทานขนมปัง และขนมเค้กเป็นอย่างมากทานไป ก้อปลอบใจตัวเองไป ว่าเรากินเพื่อลูก เราท้องอยู่ ไม่เป็นไรหรอก โดยมิสนใจเสียงเตือนจากคนรอบๆตัว
จนกระทั่งเราได้คลอดลูกคนที่3 แล้ว นน เจ้าปัญหาก้อยังเกาะหนึบอยู่กับร่างกายเรา มิได้หายไปไหนมากยังทรงตัวอยู่ที่72-78กิโล ประหนึ่งว่า ยังมีลูกน้อยอยู่ในท้องอีกหนึ่งคน ยังจำได้ว่า มีอยู่วันนึง เพื่ิอนสนิทของเราตั้งท้องค่ะ เพื่อนจึงอยากจะไปฝากครรภ์ กับคุณหมอที่ทำคลอดให้เรา เพราะคุณหมอเก่งค่ะ เราก้อพาเพื่อนไป พอเดินเข้าแผนกสูตินารีเท่านั้นแหละ คุณพยาบาลหน้าหวาน...หันมายิ้มหวาน กดตามองมาที่พุงเรา มองหน้าเรา แล้วถามเราว่า "คุณแม่มาฝากครรภ์ใช่มั้ยคะ" เรายืนนิ่งเลยค่ะ ถูกสต๊าฟแข็งไปประมาน 3 วินาที พอตั้งสติได้จึงพูดออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า "เออ หนูคลอดมา2ปีแล้ว วันนี้พาเพื่อนมาฝากครรภ์ค่ะ" คุณพยาบาลได้ยินแบบนั้น ก้อรีบขอโทษเราใหญ่เลยค่ะ เราก้อได้แต่บอก ไม่เป็นไรๆ แต่ยอมรับเลยว่า ในใจเจ็บจี๊ดมากๆ ระหว่างนั่งรอเพื่อน นั่งคิดในใจอยู่ตลอดว่า นี่ตรูคลอดมา2ปีกว่าแล้วนะเฟ้ยยย รูปร่างเรายังเหมือนคนท้องอยู่อีกเหรอ เซ็งค่ะ T T
พอกลับถึงบ้านก้อสติแตก ไปหายาลด นน มาทาน ตามคำบอกเล่าของคนโน่นคนนี้ ว่ากินแล้วดี กินแล้วลด กินไปได้สักพัก นน ลดค่ะ ดีใจมาก กินไปคลื่นไส้ไป ปวดหัวไป กินจนวันนึงทนไม่ไหว แล้วก้อเลิกกิน นน ที่เคยหายไป ก้อเด้งกลับขึ้นมาอยู่เท่าเดิม แถมยังกินเก่งมากกว่าเดิมซะอีก ช่วงนั้นยอมรับว่าท้อใจมากไม่ค่อยกล้าออกไปไหน มีความสุขอยู่กับขนมนมเนยในบ้าน งดเจอเพื่อน ไม่กล้าถ่ายรูป รู้สึกแย่กับตัวเองและพยายามทำใจ ว่าเรามีลูกแล้วจะทำให้กลับไปดูดีเหมือนเมื่อก่อน คงเป็นไปไม่ได้ ปล่อยเวลาให้ผ่านไปเรื่อยๆ ชิวชิว >>>>>>>>
จนกระทั่งเมื่อต้นปีที่แล้วเราได้มีโอกาส ไปเที่ยวกับเพื่อนที่เรียนด้วยกันตอนสมัยมัธยม เป็นทริปที่สนุกสนานค่ะ เฮฮาตามประสาแม่นางช่างคุย เที่ยวไป กินไป ถ่ายรูปไป ไม่ได้สนใจอะไรสักเท่าไหร่
พอกลับถึงบ้าน เพื่อนสาวที่น่ารักก้อส่งรูปกลับมาให้ดู เท่านั้นแหละค่ะ ช็อคเลย ช็อคจริงๆ ทำไมเราถึงได้ต่างจากเพื่อนเรามากมายขนาดนี้ คือเราทำใจได้แล้วนะ แต่ยังไม่เคยมีภาพเปรียบเทียบให้เห็นชัดแบบนี้ไง เพื่อนเราตัวผอม น่ารัก เอวบางร่างน้อยกันแทบจะทุกคน ดูเด็กกว่าอายุจริง แล้วตัวเราล่ะ คุณพระช่วย!!! ตัวหนา แขนล่ำ พุงล้ำหน้า แผ่นหลังมีเนื้อเป็นชั้นๆ ดูแก่เกินอายุจริงไปมากมาก แต่เราจะโทษใครได้ นอกจากตัวเราเอง
ตั้งเเต่วันนั้นเป็นต้นมา จากที่เคยเปิดห้องแป้งแล้วอ่านผ่านๆ ก้อกลับมาเปิดหาข้อมูลอย่างจริงจัง ทั้งเรื่องการลดนน การควบคุมอาหาร การดูแลตัวเอง การออกกำลังกาย การแต่งหน้า เราอยากดูดีขึ้น แบบสุขภาพดีด้วยอ่านไป ก้อตะโกนบอกตัวเราเองในใจดังๆว่า เราต้องดูดีกว่าเมื่อวาน!!! ช้าหน่อยก้อไม่เป็นไร สักวันละนิด.... ก้อยังดี
ด้วยความตั้งใจอย่างเเน่วแน่ ^__^ เกิดพัฒนาการที่ดีขึ้น ตามลำดับ ไปเจอเพื่อนเก่า ญาติพี่น้อง ทุกคนต่างถามเป็นเสียงเดียวกันว่า ไปทำไรมา ดูดีขึ้นนะ อยากจะบอกว่า คำพูดจากคนรอบๆข้างเหล่านี้แหละ ที่ทำให้ตัวเรามีกำลังใจในการดูแลตัวเองมากขึ้น มีแรงฮึดในการออกกำลังกาย มีความอดทนในการควบคุมอาหาร จนกระทั่ง ณ วันนี้ ขอยืมคำพูดของ คุณสายป่าน มาตะโกนดังๆว่า เรามาไกลแล้ว อิอิ
หลักการลดน้ำหนักของเรา ไม่มีอะไรมากเลยค่ะ สิ่งสำคัญที่สุดที่ควรมีในช่วงเวลานี้ก้อคือ "ใจล้วนๆ" เช้าขึ้นมา ทานอาหารทุกอย่างที่อยากจะทาน กลางวันก้อเช่นกัน แต่พยายามควบคุมให้อยู่ในปริมาณที่พอเหมาะ แต่ก่อนทานอาหารมื้อหลักทุกมื้อ เราจะกลั้นใจดื่มน้ำมะเขือเทศ(ดอยคำ) เข้าไปก่อน 1 กล่อง เท่านั้นแหละค่ะ อืดอย่าบอกใคร เราจะทานอาหารได้น้อยไปมาก จากแรกๆ ที่ต้องฝืนใจทาน บีบจมูกดูดกันเลยทีเดียว แต่มาตอนนี้สามารถนั่งดูดแบบสวยๆ ได้อย่างสบายเลยค่ะ เพราะนอกจากจะทำให้ทานอาหารได้น้อยลงแล้ว ยังทำให้ผิวของเรานั้น แลดูเบ่งบาน กระจ่างใสด้วยค่ะ ส่วนมื้อเย็นนั้น ไม่เกิน5โมง เราจะจัดเป็นอาหารเบาๆ เช่น นมพร่องไขมันเนย น้ำเต้าหู้ไม่ใส่น้ำตาล หรือเกาเหลาลูกชิ้น ประมานนี้ค่ะ เบาๆ พอให้กระเพาะน้อยๆของเรา อยู่สบายมิร้องโครกครากยามดึกดื่น ^___^ แล้วจากนั้น ช่วงดูละครทีวี เราไม่ปล่อยให้เวลาเสียเปล่า ดูละครไป เหวี่ยงฮูล่าฮูบไป ปั่นจักรยานอากาศไป เพลินแท้ กว่าละครจะจบเหงื่อออกมาเยอะใช้ได้ทีเดียว
พอน้ำหนักลด ความสวยงามที่ซ่อนอยู่ในหลืบลึก จะเริ่มมาปรากฎให้เราเห็นทีละน้อย ช่วงนี้แหละค่ะ ความสุขบังเกิด...ไปขุดเสื้อผ้าที่ซื้อเก็บไว้มานานนับปี มาค่อยๆลองใส่........น้ำตาจะไหลค่ะ เราใส่ได้ทุกชุดเลย กางเกงยีนส์ตัวสวยราคาแพงที่ตัดใจพับเก็บใส่ตู้เสื้อผ้าไว้เพราะดึงไม่ผ่านสะโพก ก้อกลับมาใส่ได้ แถมหลวมไปอีกต่างหาก จำได้ว่า วันนั้นร้องกรี๊ดๆ ซะดังลั่นบ้าน จนคุณสามีที่รักวิ่งมาถามว่า ตัวเองเป็นอะไร เราก้อได้แต่ตอบเค้าไปว่า เค้าไม่เป็นไร เค้าไม่เป็นไร
พอน้ำหนักตัวลดลง นอกนั้นก้อไม่มีอะไรยากแล้วค่ะ ผู้หญิงเรา แต่งหน้านิด ทาปากหน่อย เซทผมให้เข้าที่ ก้อดูดีขึ้นเยอะแล้ว ความสวยงามมันซ่อนอยู่ในตัวเราจริงๆ เพียงแต่เราต้องใช้ความพยายามและความอดทน แล้วการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จะเกิดขึ้นกับตัวเราแน่นอน เราเชื่อว่าทุกๆคนทำได้ สู้ สู้ นะคะ >>> เป็นกำลังใจให้ทุกคนค่ะ