พรหมส่วนมากจุติแล้วไปไหน

กระทู้คำถาม
ในครั้งนั้น  พระพุทธเจ้าได้ทรงช้อนฝุ่นเล็กน้อย  ไว้ในปลายเล็บของพระองค์  แล้วตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายมา  ตรัสถามว่า  ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย  เธอทั้งหลายจะคิดเห็นเป็นไฉน  ระหว่างฝุ่นเล็กน้อย  ที่เราได้ช้อนขึ้นไว้ในปลายเล็บ  กับฝุ่นในแผ่นดินใหญ่ที่เธอเห็นนี้   อันไหนจะมากกว่ากัน

ภิกษุทั้งหลายกราบทูลพระพุทธเจ้าว่า  ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ  ฝุ่นในแผ่นดินใหญ่นี้แล  มีมากกว่าพระเจ้าข้า  ฝุ่นเล็กน้อยที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงช้อนไว้ในปลายพระนขา (เล็บ) มีน้อยมาก  เมื่อเทียบกับฝุ่นในแผ่นดินใหญ่แล้ว  ฝุ่นเล็กน้อยที่อยู่บนปลายเล็บของพระพุทธองค์  ย่อมไม่สามารถจะเทียบกันได้เลย  แม้เพียงส่วนเสี้ยวก็ตาม พระเจ้าค่ะ

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย  เป็นอย่างนั้นนั่นแล  สัตว์ที่ตายแล้วกลับมาเกิดในหมู่มนุษย์มีน้อยมาก  ซึ่งเทียบเท่ากับฝุ่นที่อยู่บนปลายเล็บของตถาคต

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย  สัตว์ที่ตายจากโลกมนุษย์แล้ว  กลับมาเกิดเป็นมนุษย์มีน้อย  โดยมากแล้ว  กลับไปเกิดในนรก สัตว์เดรัจฉาน และ เปรตวิสัย มีมากกว่า

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย  สัตว์ที่ตายจากเทวดาแล้ว  กลับมาเกิดเป็นมนุษย์มีน้อย  โดยมากแล้ว  กลับไปเกิดในนรก สัตว์เดรัจฉาน และ เปรตวิสัยมีมากกว่า

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย  สัตว์ที่ตายจากนรกแล้ว  กลับมาเกิดเป็นมนุษย์มีน้อย  โดยมากแล้ว  กลับไปเกิดในนรก สัตว์เดรัจฉาน และ เปรตวิสัยมีมากกว่า

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย  สัตว์ที่ตายจากสัตว์เดรัจฉานแล้ว  กลับมาเกิดเป็นมนุษย์มีน้อย  โดยมากแล้ว  กลับไปเกิดในนรก สัตว์เดรัจฉาน และ เปรตวิสัยมีมากกว่า

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย  สัตว์ที่ตายจากเปรตวิสัยแล้ว  กลับมาเกิดเป็นมนุษย์มีน้อย  โดยมากแล้ว  กลับไปเกิดในนรก สัตว์เดรัจฉาน และ เปรตวิสัยมีมากกว่า

เพราะสัตว์เหล่านั้น  ที่ไม่ได้กลับมาเป็นมนุษย์  และต้องไปเกิดในอบายภูมิ  ก็เพราะว่า  สัตว์เหล่านั้น  ไม่ได้เห็นอริยสัจ 4  อริยสัจ 4 เป็นไฉน?  คือ ทุกข์  สมุทัย นิโรธ มรรค

ภิกษุทั้งหลาย  เพราะฉะนี้แล  เธอทั้งหลายพึงกระทำความเพียร  เพื่อรู้ตามความเป็นจริงว่า  นี้คือทุกข์  นี้คือสมุทัย  นี้คือนิโรธ  นี้คือมรรค

ภาษิตนี้จบลงแล้ว ภิกษุเหล่านั้นชื่นชมยินดีพระภาษิตของพระผู้มีพระภาค ฉะนี้แล

***

จากคำสอนของพระพุทธเจ้า จะเห็นว่าไม่มีการเอ่ยถึงพรหม เป็นไปได้มั้ย พรหมส่วนมาก จุติจากพรหมไปเป็นพรหมซ้ำแล้วซ้ำเล่าโดยส่วน

มาก เหมือนผกาพรหม มีรายละเอียดตอนพระพุทธเจ้าเสด็จไปเทศนาผกาพรหม

เบื้องพรมโลกชั้นมหาพรหมาพรหมภูมิ ยังมีพระพรหเมศวรผู้วิเศษองค์หนึ่ง ซึ่งมีนามปรากฏว่าท่านท้าวพกามหาพรหมผู้มีชีวิตอยู่ในพรหมโลกชั้นต่างๆมานานนัก โดยจุติจากพรหมโลกชั้นหนึ่งแล้ว ก็ปฏิสนธิในพรหมโลกอีกชั้นหนึ่ง ครั้งสุดท้ายได้มาอุบัติเกิดเป็นท้าวมหาพรหมผู้ยิ่งใหญ่มีศักดิ์สถิตอยู่ในมหาพรหมภูมินี้และได้รับการยกย่องจากมารสันดานร้าย ซึ่งมีจิตคิดหวังจะให้เป็นที่ถูกใจในคำสอพลออยู่เนืองว่า
" ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นใหญ่ ธรรมดาว่าท้าวมหาพรหมเช่นพระองค์นี้ย่อมเป็นผู้ทรงความดีประเสริฐล้ำเลิศยิ่งนัก เป็นที่เคารพสักการะแห่งปวงชนชาวโลกทั่วไป เป็นผู้มีศักดาอานุภาพยิ่งใหญ่ เป็นผู้สร้างสัตว์น้อยสัตว์ใหญ่ให้เกิดขึ้นในโลก ตั้งต้นแต่มนุษย์หญิงชายตลอดไปจนถึงสัตว์เดรัจฉานอื่นๆอีกเป็นอันมาก นอกจากนั้น ตามความเข้าใจของชาวโลกทั้งหลายนั้น พระองค์ย่อมเป็นผู้สร้างสรรค์ภูมิประเทศ ภูเขา ต้นไม้รวมทั้งมหาสมุทรทะเลใหญ่อีกมากมายไว้ในมนุษยโลก ท่านท้าวมหาพรหมเป็นผู้มีอานุภาพ มีตบะเดชะยิ่งนัก มีมเหศักดิ์ทรงอำนาจเหนือสิ่งทั้งปวงพระเจ้าข้า"

แม้จะทราบว่าไม่เป็นความจริง เป็นสิ่งหาสาระไม่ได้ มารสันดานร้ายกล่าวสรรเสริญหวังจักให้เป็นที่ชอบใจเท่านั้นเอง ถึงกระนั้นท้าวมหาพรหมก็มีจิตยินดี ใคร่ที่จะสดับคำสรรเสริญอานุภาพแห่งตนบทนี้อยู่เสมอ และแล้วในที่สุด ทิฐิชนิดหนึ่งก็อุบัติขึ้น ทำให้ท่านมหาพรหมจินตนาไปตามประผู้ยังมีทิฏฐิกิเลสว่า
" อาตมานี้ไม่แก่ไม่ตาย เป็นผู้ยิ่งใหญ่กว่าใครที่ไหนทั้งปวง อาตมาเป็นผู้ล่วงพ้นจากบ่วงมัจจุราชแล้ว อนึ่งเล่า พระโคดมเจ้าในมนุษยโลกกล่าวคุณพระนิพพานว่าเป็นสันติ จะเป็นจริงได้อย่างไร ภพที่อาตมานี้อยู่นี้ต่างหากเป็นแดนอมตะ เพราะมิรู้แก่ มิรู้ตาย พระนิพพานของพระโคดมเจ้านั้น จึงเป็นสิ่งที่กล่าวกันเล่น หาสาระความจริงอันใดมิได้"

สมเด็จพระบรมไตรโลกนาทศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ประทับอยู่ภายใต้ต้นรังใหญ่ ณ ป่าสุภควันใกล้เมืองอุกกัฏฐะในขณะนั้นได้ทรงทราบว่าท่าท้าวมหาพรหมมีความเข้าใจผิดคิดว่าพระนิพพานเป็นธรรมไม่มีจริง ซึ่งเป็นความเข้าใจผิดอย่างมหันต์ ดังนั้น จึงทรงลุกขึ้นเสด็จไปยังพรหมโลกโดยพลัน มีพุทธฏีกาตรัสว่า
" ดูกร พกาพรหม ตัวท่านนี้เป็นผู้มืดมนด้วยอวิชชาหาปัญญาไม่ได้แต่มาเข้าใจว่าตัวข้านี้ เป็นผู้มากด้วยปรีชา ถ้าจะเปรียบตัวท่านนี้ก็อุปมาเหมือนบุรุษเข็ญใจ ได้ผ้าประมาณสี่แขน ก็มีน้ำใจฮึกทึกทักเอาว่า อาตมานี้มียศศักดิ์หาผู้ใดที่จะเสมอมิได้ รู้ฤาว่าตัวท่านนี้มาแต่ที่ไหนจึงได้มาบังเกิดในพรหมโลกนี้ รู้ฤาว่าหามิได้"

" ข้าแต่พระสมณะ อันจุติและปฏิสนธินั้น ข้าพเจ้ามิได้แจ้ง พระสมณรู้แลเข้าใจก็ขออาราธนาได้วิสัชนาไป ณ กาลบัดนี้เถิด พระเจ้าขัา"ท้าวพกาพรหมยอมรับสารภาพแต่โดยดี
สมเด็จพระชินสีห์สัมมาสัมพุทธเจ้า จึงตรัสเล่าประวัติแห่งท่านท้าวพกามหาพรหมในที่ประชุมอันเป็นพรหมสันนิบาตนั้นว่า
"ครั้งหนึ่ง โลกยังว่างจากบวรพุทธศาสนา ท่านท้าวพกามหาพรหมผู้นี้บังเกิดเป็นมนุษย์คฤหบดีผู้มีทรัพย์ แต่กลับเห็นโทษในฆารวาสวิสัยว่า การครองเรือนนี้มีแต่โทษทุกข์ระกำใจ ไหนจะต้องตาย ไหนจะต้องเจ็บ ไหนจะต้องแก่ จึงตรัสใจแน่วแน่ออกบวชเป็นดาบสประพฤติพรตบำเพ็ญตบะ จนได้สำเร็จ จตุตถฌาน เมื่อทำกาลกิริยาตายลงก็ตรงไปอุบัติเกิดเป็นพระพรหมชั้นสูงในเวหัปผลาพรหมโลก สถิตเสลยสุขอยู่นานนักหนา ครั้นถึงคราสิ้นอายุแล้ว ฌานแห่งตนถอยหลังลงมาอยู่ในตติยฌาน เพราะฉะนั้นจึงต้องจุติลงมาอุบัติเกิดเป็นพระพรหมอยู่ในชั้นสุภกิณหาพรหมโลก สถิตเสวยสุขอยู่จนสิ้นอายุในพรหมโลกชั้นนั้นแล้ว ฌานแห่งตนถอยหลังลงมาอยู่ในทุติยฌาน ฉะนั้นจึงต้องจุติลงมาอุบัติเกิดเป็นพระพรหมอยู่ในชั้นอาภัสราพรหมโลก จนสิ้นอายุ ฌานแห่งตนเสื่อมลงมาปฐมฌาน ฉะนั้นจึงมาอุบัติเกิดเป็นพระพรหมอยู่ในมหาพรหมโลกในกาลบัดนี้ เพราะเหตุที่ตนท่องเที่ยวเวียนว่ายเสวยสุขอยู่ในพรหมโลกชั้นต่างๆเป็นเวลานานนัก จึงรู้จักที่อุบัติเกิดแต่ในพรหมโลกเป็นส่วนมาก หนักเข้าเลยทำให้เข้าใจไปว่าพรหมสถานแห่งตนนั้นเป็นอมตะสถานที่เที่ยงแท้ไม่แปรเปลี่ยน"
ท่านท้าวพกามหาพรหมเจ้าของชีวประวัติ เมื่อได้สดับพระวจนะตรัสเล่าแห่งองค์สมพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบรมศาสดา ก็ได้แต่จินตนาการรำพึงอยู่ในใจว่า
"พระสมณโคดมเจ้า เธอรู้นักหนา ทรงมีพระปัญญายอดยิ่งกว่าบุคคล ทรงรู้เหตุ รู้ผล น่าสรรเสริญยิ่งนัก"
ครั้นจินตนาดังนี้แล้ว ก็มีความเลื่อมใส ดวงฤทัยก็คลายจากมิจฉาทิฏฐิ ไม่ปรากฏมีความเห็นผิดนอกรีตนอกรอยอีกต่อไป ในที่สุดก็ได้กล่าวสรรเสริญพระคุณแห่งองค์พระชินสีห์สัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นอันมาก แล้วก็ชวนพรหมบริษัทและพรหมปุโรหิตอันมากมายเหล่านั้น ส่งเสด็จพระพิชิตมารเพื่อกลับมายังโลกมนุษย์

***

บางคนอาจคิดว่าพรหมก็คือเทวดา แต่ถึงอย่างไร ก็เป็นคนล่ะภูมิกับเทวดาในชั้นกามภูมิ เพราะพรหมภูมินี้ไม่มีเรื่องกามเข้ามาเกี่ยวข้อง

จึงไม่น่าใช้ลักษณะนิสัยของเทวดา อันอาจมีส่วนทำให้ตกนรกโดยมาก มาเทียบกับพรหมได้ พรหมบางชั้นเช่นอกนิษฐ์ ก็เป็นภพแห่งปฏิบัติ

ธรรมของพรหมชั้นสูง ทำให้จุติไปนิพพานอย่างเดียว เมื่อมาเกิดที่นี่แล้ว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่