คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 7
มีวิธีที่จะไปเกิดเป็นพรหมได้เพียงวิธีเดียวครับ นั่นคือต้องได้ฌาน
การที่ได้ฌานสักครั้งหนึ่งนั้น จะทำให้มีจิตชนิดหนึ่งเกิดขึ้น เรียกว่า มหัคคตจิต แปลว่า จิตที่เป็นใหญ่ หรือจิตที่ถึงซึ่งความเป็นใหญ่
มหัคคตจิต หรือฌานจิตนั้นเป็นกุศลจิต เป็นครุกรรมหรือกรรมหนักฝ่ายดี
ให้ผลก่อนกรรมชนิดอื่นๆในชาติหน้า โดยให้ผลคือถือกำเนิดเกิดเป็นพระพรหม
แต่มีข้อยกเว้นคือ ถ้าเกิดไปทำอนันตริยกรรมที่เป็นครุกรรมฝ่ายอกุศลเข้า
วิบากหรือผลของของฌานที่เคยทำได้จะเสื่อมทันที ได้ไปเกิดในอเวจีมหานรกแทน
นอกจากนี้ผู้ที่ได้ฌานจะต้องปราศจาก นิกันติตัณหา และไม่มีเจโตปณิธิ
นิกันติตัณหา คือ การยินดีพอใจในภพภูมิ
ถ้าปรารถนาไปเกิดบนพรหมโลก ฌานลาภีผู้นั้นต้องไม่ยินดีพอใจในเทวโลก คือไม่ปรารถนาไปเกิดใน 6 ห้องสวรรค์อันเป็นกามภูมิ
ส่วนเจโตปณิธิ นั้นได้แก่ นิยตโพธิสัตว์ผู้ตั้งจิตแน่วแน่ต่อการบำเพ็ญพระโพธิญาณ
จึงไม่ปรารถนาไปเกิดเป็นอรูปพรหม เพราะอรูปพรหมมีอายุขัยนานเกินไป ไม่เหมาะแก่การบำเพ็ญบารมี แต่ถ้าเป็นรูปพรหมซึ่งมีอายุขัยไม่มาก
ยังอยู่ในวิสัยที่ท่านจะไปเกิดได้
นอกจากนี้พระโสดาบันที่ได้ฌานจะต่างจากปุถุชนที่ได้ฌาน ตรงที่พระโสดาบันท่านจะได้ไปเกิดบนพรหมโลกแน่นอน จะไม่ไปเกิดในเทวโลก
และถ้าพระโสดาบันที่ได้ฌานไปเกิดบนพรหมโลกแล้ว
มีแต่จะเกิดบนพรหมโลกชั้นสูงๆยิ่งๆขึ้นไป จะไม่ลงไปเกิดยังกามภูมิและพรหมโลกชั้นล่างอีกต่อไปเพราะพระโสดาบันเป็นผู้ที่ไม่ตกต่ำอีกต่อไป
การจะไปเกิดเป็นพรหมนั้น ไม่ใช่ว่าต้องเข้าฌานหรืออยู่ในฌานขณะที่ตาย จึงจะได้ไปเกิด
แต่ได้ไปเกิดเป็นพระพรหมด้วยอำนาจแห่งมหัคคตวิบากที่มีชื่อว่า รูปาวจรกุศลวิบาก (ผลกรรมสำหรับผู้ที่ได้รูปฌาน)
และอรูปาวจรกุศลวิบาก (ผลกรรมสำหรับผู้ที่ได้อรูปฌาน)
มหัคคตวิบาก ๙ ดวง จะเป็นจิตที่ทำกิจปฏิสนธิ ภวังค์ และจุติ ยังพรหมโลกเบื้องบน
ส่วนจิตที่ทำหน้าที่ขณะที่เราตายในโลกมนุษย์นั้นคือ มหาวิบากจิต ซึ่งทำกิจ ปฏิสนธิ ภวังค์ จุติ ในโลกมนุษย์
เมื่อผู้ที่เคยได้ฌานใกล้จะตายหรือใกล้จะจุตินั้น หากไม่มีนิกันติตัณหา ไม่มีเจโตปณิธิ และไม่มีอนันตริยกรรมมาทำให้มหัคคตวิบากเสื่อมแล้ว
กรรมนิมิตอารมณ์จะปรากฏให้เห็น เช่นเห็นปฏิภาคนิมิตตามชนิดของสมถกรรมฐานที่ตนเคยภาวนามา
จิตก็จะยึดหน่วงเอากรรมนิมิตอารมณ์นั้นมาเป็นอารมณ์ก่อนตายหรือก่อนจุติ โดยมีมหัคคตวิบากทำหน้าที่ไปปฏิสนธิบนพรหมโลก
การที่ได้ฌานสักครั้งหนึ่งนั้น จะทำให้มีจิตชนิดหนึ่งเกิดขึ้น เรียกว่า มหัคคตจิต แปลว่า จิตที่เป็นใหญ่ หรือจิตที่ถึงซึ่งความเป็นใหญ่
มหัคคตจิต หรือฌานจิตนั้นเป็นกุศลจิต เป็นครุกรรมหรือกรรมหนักฝ่ายดี
ให้ผลก่อนกรรมชนิดอื่นๆในชาติหน้า โดยให้ผลคือถือกำเนิดเกิดเป็นพระพรหม
แต่มีข้อยกเว้นคือ ถ้าเกิดไปทำอนันตริยกรรมที่เป็นครุกรรมฝ่ายอกุศลเข้า
วิบากหรือผลของของฌานที่เคยทำได้จะเสื่อมทันที ได้ไปเกิดในอเวจีมหานรกแทน
นอกจากนี้ผู้ที่ได้ฌานจะต้องปราศจาก นิกันติตัณหา และไม่มีเจโตปณิธิ
นิกันติตัณหา คือ การยินดีพอใจในภพภูมิ
ถ้าปรารถนาไปเกิดบนพรหมโลก ฌานลาภีผู้นั้นต้องไม่ยินดีพอใจในเทวโลก คือไม่ปรารถนาไปเกิดใน 6 ห้องสวรรค์อันเป็นกามภูมิ
ส่วนเจโตปณิธิ นั้นได้แก่ นิยตโพธิสัตว์ผู้ตั้งจิตแน่วแน่ต่อการบำเพ็ญพระโพธิญาณ
จึงไม่ปรารถนาไปเกิดเป็นอรูปพรหม เพราะอรูปพรหมมีอายุขัยนานเกินไป ไม่เหมาะแก่การบำเพ็ญบารมี แต่ถ้าเป็นรูปพรหมซึ่งมีอายุขัยไม่มาก
ยังอยู่ในวิสัยที่ท่านจะไปเกิดได้
นอกจากนี้พระโสดาบันที่ได้ฌานจะต่างจากปุถุชนที่ได้ฌาน ตรงที่พระโสดาบันท่านจะได้ไปเกิดบนพรหมโลกแน่นอน จะไม่ไปเกิดในเทวโลก
และถ้าพระโสดาบันที่ได้ฌานไปเกิดบนพรหมโลกแล้ว
มีแต่จะเกิดบนพรหมโลกชั้นสูงๆยิ่งๆขึ้นไป จะไม่ลงไปเกิดยังกามภูมิและพรหมโลกชั้นล่างอีกต่อไปเพราะพระโสดาบันเป็นผู้ที่ไม่ตกต่ำอีกต่อไป
การจะไปเกิดเป็นพรหมนั้น ไม่ใช่ว่าต้องเข้าฌานหรืออยู่ในฌานขณะที่ตาย จึงจะได้ไปเกิด
แต่ได้ไปเกิดเป็นพระพรหมด้วยอำนาจแห่งมหัคคตวิบากที่มีชื่อว่า รูปาวจรกุศลวิบาก (ผลกรรมสำหรับผู้ที่ได้รูปฌาน)
และอรูปาวจรกุศลวิบาก (ผลกรรมสำหรับผู้ที่ได้อรูปฌาน)
มหัคคตวิบาก ๙ ดวง จะเป็นจิตที่ทำกิจปฏิสนธิ ภวังค์ และจุติ ยังพรหมโลกเบื้องบน
ส่วนจิตที่ทำหน้าที่ขณะที่เราตายในโลกมนุษย์นั้นคือ มหาวิบากจิต ซึ่งทำกิจ ปฏิสนธิ ภวังค์ จุติ ในโลกมนุษย์
เมื่อผู้ที่เคยได้ฌานใกล้จะตายหรือใกล้จะจุตินั้น หากไม่มีนิกันติตัณหา ไม่มีเจโตปณิธิ และไม่มีอนันตริยกรรมมาทำให้มหัคคตวิบากเสื่อมแล้ว
กรรมนิมิตอารมณ์จะปรากฏให้เห็น เช่นเห็นปฏิภาคนิมิตตามชนิดของสมถกรรมฐานที่ตนเคยภาวนามา
จิตก็จะยึดหน่วงเอากรรมนิมิตอารมณ์นั้นมาเป็นอารมณ์ก่อนตายหรือก่อนจุติ โดยมีมหัคคตวิบากทำหน้าที่ไปปฏิสนธิบนพรหมโลก
แสดงความคิดเห็น
นอกจากจะสำเร็จฌานแล้ว มีวิธีอื่นอีกไหมที่จะทำให้จุติแล้วไปเกิดเป็นพรหม