คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 2
สาเหตุเป็นได้หลายอย่าง ต้องดูในรายละเอียดของประวัติอาการ และพฤติกรรมในการดำเนินชีวิต เช่นการกิน การนอน การออกกำลังกาย โรคประจำตัว เป็นต้น ข้อมูลที่ให้มามีน้อยจึงขอแนะนำแบบกว้างๆดังนี้ สิ่งใดไม่ตรงประเด็นก็ขออภัยด้วย...
ปล.ณ ที่นี้จะใช้หลักการรักษาโรคกรดไหลย้อน ( GERD) มาเป็นแนวทางในการอธิบาย เนื่องจากต้องพิมพ์คำบางคำเยอะ จึงขอใช้เป็นตัวย่อในบางคำ
1. การแบ่งมื้ออาหารออกเป็นมื้อย่อยๆ ประมาณ 6 มื้อ/วัน แทน 3 มื้อใหญ่ จะช่วยป้องกันกระเพาะเป่งพองขยายมากเกินไป และลดการสร้างกรด ในกระเพาะไม่ให้มากเกินไป
2. หากจะทานมื้อหนักๆซักมื้อ แนะนำเป็นมื้อกลางวันแทนมื้อเย็น
3. อย่ารีบร้อนกินเร็วเกินไป แนะนำให้จงวางช้อน+ส้อมไว้บนจานขณะเคี้ยวอาหารทุกครั้ง จนกว่าจะเคี้ยวละเอียด+กลืนเสร็จ
4. การก้มตัวลงในระดับเอวหลังทานอาหารอิ่ม ก็อาจส่งผลให้เพิ่มแรงดันในกระเพาะได้ จึงควรหลีกเลี่ยงพฤติกรรมดังกล่าว
5. หลีกเลี่ยงการรับประทานของว่างก่อนเข้านอน เพราะการรับประทานอาหารก่อนนอนอาจเพิ่มการสร้างกรดในกระเพาะได้
6. ควรรอประมาณ 2 - 3 ชั่วโมงหลังรับประทานอาหารก่อนที่จะเข้านอน การนอนราบในขณะที่อาหารยังเต็มกระเพาะ มันจะเพิ่มแรงกดดันต่อกล้ามเนื้อหูรูดหลอดอาหารส่วนล่าง ( LES) ซึ่งเสี่ยงต่อ GERD
7. ลดการกินผลไม้เปรี้ยวๆ เช่น ส้ม ,องุ่น เป็นต้น
8. หลีกเลี่ยงอาหารเผ็ดๆ ทีใส่พริก ,พริกไทย ฯลฯ
9. หลีกเลี่ยงอาหารที่เป็นกรด เช่น มะเขือเทศ,ส้ม หรือาหารแปรรูปที่ทำจากสิ่งเหล่านี้ เช่น ซอสสปาเก็ตตี้ เป็นต้น
10. หลีกเลี่ยงการกินเนื้อติดมัน
11. หลีกเลี่ยงของทอด
12. จำกัดช็อคโกแลต
13. หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ บุหรี่ กาแฟ/เครื่องดื่มคาเฟอิน เพราะมันจะเพิ่มการสร้างกรดในกระเพาะ และยังทำให้ LES หย่อน
14. การดื่มน้ำอุ่น หรือ น้ำชาสมุนไพรหลังอาหารช่วยชำระล้างกรดในกระเพาะได้บ้าง
15. การดื่มน้ำให้เพียงพอจะช่วยในกระบวนการย่อย แต่ไม่ควรดื่มทีเยอะๆในคราวเดียว กระเพาะจะจุก ควรกินน้อยๆแต่บ่อยๆ
16. แนะนำการนอนให้ระดับศรีษะและไหล่ สูงกว่าท้อง เพื่อใช้หลักแรงโน้มถ่วงของโลกมาช่วย หรือนอนตะแคงซ้ายลงซึ่งการนอนแบบนี้จะช่วยในการย่อยอาหารและกำจัดกรดในกระเพาะได้ดีกว่าการนอนตะแคงขวา
17. อย่าเอาอะไรมารัดท้องแน่นเกินไป เช่น เข็มขัดที่รัดแน่น ที่รัดท้อง เป็นต้น
18. หากมีอาการแสบคอ แสบทรวงอก แนะนำให้ลองกินยาลดกรดในกระเพาะดู (โดยเฉพาะก่อนนอน) หากกินไปแล้วซัก 2 ครั้ง/สัปดาห์ ไม่ดีขึ้นแนะนำพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุ และรักษาต่อไป
19. ผู้ที่น้ำหนักเกิน แนะนำให้ลดน้ำหนัก
20. ผ่อนคลายความเครียด เพราะความเครียดจะเพิ่มการสร้างกรดในกระเพาะ แถมยัง Overeating ในบางคน
21. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ควรรออย่างน้อย 2 ชั่วโมงหลังรับประทานอาหาร จึงออกกำลังกายเรียกเหงื่อได้
22.ยาบางชนิดที่กินประจำ อาจมีผลได้
ปล.ณ ที่นี้จะใช้หลักการรักษาโรคกรดไหลย้อน ( GERD) มาเป็นแนวทางในการอธิบาย เนื่องจากต้องพิมพ์คำบางคำเยอะ จึงขอใช้เป็นตัวย่อในบางคำ
1. การแบ่งมื้ออาหารออกเป็นมื้อย่อยๆ ประมาณ 6 มื้อ/วัน แทน 3 มื้อใหญ่ จะช่วยป้องกันกระเพาะเป่งพองขยายมากเกินไป และลดการสร้างกรด ในกระเพาะไม่ให้มากเกินไป
2. หากจะทานมื้อหนักๆซักมื้อ แนะนำเป็นมื้อกลางวันแทนมื้อเย็น
3. อย่ารีบร้อนกินเร็วเกินไป แนะนำให้จงวางช้อน+ส้อมไว้บนจานขณะเคี้ยวอาหารทุกครั้ง จนกว่าจะเคี้ยวละเอียด+กลืนเสร็จ
4. การก้มตัวลงในระดับเอวหลังทานอาหารอิ่ม ก็อาจส่งผลให้เพิ่มแรงดันในกระเพาะได้ จึงควรหลีกเลี่ยงพฤติกรรมดังกล่าว
5. หลีกเลี่ยงการรับประทานของว่างก่อนเข้านอน เพราะการรับประทานอาหารก่อนนอนอาจเพิ่มการสร้างกรดในกระเพาะได้
6. ควรรอประมาณ 2 - 3 ชั่วโมงหลังรับประทานอาหารก่อนที่จะเข้านอน การนอนราบในขณะที่อาหารยังเต็มกระเพาะ มันจะเพิ่มแรงกดดันต่อกล้ามเนื้อหูรูดหลอดอาหารส่วนล่าง ( LES) ซึ่งเสี่ยงต่อ GERD
7. ลดการกินผลไม้เปรี้ยวๆ เช่น ส้ม ,องุ่น เป็นต้น
8. หลีกเลี่ยงอาหารเผ็ดๆ ทีใส่พริก ,พริกไทย ฯลฯ
9. หลีกเลี่ยงอาหารที่เป็นกรด เช่น มะเขือเทศ,ส้ม หรือาหารแปรรูปที่ทำจากสิ่งเหล่านี้ เช่น ซอสสปาเก็ตตี้ เป็นต้น
10. หลีกเลี่ยงการกินเนื้อติดมัน
11. หลีกเลี่ยงของทอด
12. จำกัดช็อคโกแลต
13. หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ บุหรี่ กาแฟ/เครื่องดื่มคาเฟอิน เพราะมันจะเพิ่มการสร้างกรดในกระเพาะ และยังทำให้ LES หย่อน
14. การดื่มน้ำอุ่น หรือ น้ำชาสมุนไพรหลังอาหารช่วยชำระล้างกรดในกระเพาะได้บ้าง
15. การดื่มน้ำให้เพียงพอจะช่วยในกระบวนการย่อย แต่ไม่ควรดื่มทีเยอะๆในคราวเดียว กระเพาะจะจุก ควรกินน้อยๆแต่บ่อยๆ
16. แนะนำการนอนให้ระดับศรีษะและไหล่ สูงกว่าท้อง เพื่อใช้หลักแรงโน้มถ่วงของโลกมาช่วย หรือนอนตะแคงซ้ายลงซึ่งการนอนแบบนี้จะช่วยในการย่อยอาหารและกำจัดกรดในกระเพาะได้ดีกว่าการนอนตะแคงขวา
17. อย่าเอาอะไรมารัดท้องแน่นเกินไป เช่น เข็มขัดที่รัดแน่น ที่รัดท้อง เป็นต้น
18. หากมีอาการแสบคอ แสบทรวงอก แนะนำให้ลองกินยาลดกรดในกระเพาะดู (โดยเฉพาะก่อนนอน) หากกินไปแล้วซัก 2 ครั้ง/สัปดาห์ ไม่ดีขึ้นแนะนำพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุ และรักษาต่อไป
19. ผู้ที่น้ำหนักเกิน แนะนำให้ลดน้ำหนัก
20. ผ่อนคลายความเครียด เพราะความเครียดจะเพิ่มการสร้างกรดในกระเพาะ แถมยัง Overeating ในบางคน
21. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ควรรออย่างน้อย 2 ชั่วโมงหลังรับประทานอาหาร จึงออกกำลังกายเรียกเหงื่อได้
22.ยาบางชนิดที่กินประจำ อาจมีผลได้
แสดงความคิดเห็น
แสบร้อนในลำคอ