คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 5

การตายดีมีหลายมิติ
----------------------
การตายดีเชิงกายภาพ เช่น ตายอย่างไม่ทุรนทุราย ตายศพสวย ตายด้วยอาการสงบ
ตายดีเชิงสัมพันธภาพ เช่น ตายท่ามกลางคนรัก ตายอย่างไม่ห่วงอาลัย ตายแล้วไม่เป็นภาระต่อคนที่อยู่ข้างหลัง ตายอย่างมีคุณค่าต่อสังคม
ตายดีเชิงจิตใจ เช่น เห็นความจริงขณะตายว่าชีวิตไม่เที่ยง เป็นทุกข์ จนกระทั่งหลุดพ้นจากการยึดมั่นถือมั่น หลุดพ้นจากวัฏสงสาร การตายดีในมิตินี้ถือว่าเป็นการตายดีในทางพุทธศาสนา
ดังนั้นแม้ตายด้วยอุบัติเหตุ ก็ไม่ได้หมายความว่าตายไม่ดีเสมอไป เพราะขณะที่ตายอย่างฉับพลันนั้นผู้ตายก็อาจเกิดปัญญาได้หากชีวิตที่ผ่านมามีการฝึกการวางจิตวางใจมาอย่างดี
การตายดีทางพุทธจึงไม่ขึ้นกว่าตายที่ไหน หรือตายอย่างไร แต่ขึ้นกับว่าตายด้วยสภาพจิตใจอย่างไร...
สรุปความจากการบรรยาย "เป็นมิตรกับความตาย" ของพระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/posts/695111927182794

การตายดีมีหลายมิติ
----------------------
การตายดีเชิงกายภาพ เช่น ตายอย่างไม่ทุรนทุราย ตายศพสวย ตายด้วยอาการสงบ
ตายดีเชิงสัมพันธภาพ เช่น ตายท่ามกลางคนรัก ตายอย่างไม่ห่วงอาลัย ตายแล้วไม่เป็นภาระต่อคนที่อยู่ข้างหลัง ตายอย่างมีคุณค่าต่อสังคม
ตายดีเชิงจิตใจ เช่น เห็นความจริงขณะตายว่าชีวิตไม่เที่ยง เป็นทุกข์ จนกระทั่งหลุดพ้นจากการยึดมั่นถือมั่น หลุดพ้นจากวัฏสงสาร การตายดีในมิตินี้ถือว่าเป็นการตายดีในทางพุทธศาสนา
ดังนั้นแม้ตายด้วยอุบัติเหตุ ก็ไม่ได้หมายความว่าตายไม่ดีเสมอไป เพราะขณะที่ตายอย่างฉับพลันนั้นผู้ตายก็อาจเกิดปัญญาได้หากชีวิตที่ผ่านมามีการฝึกการวางจิตวางใจมาอย่างดี
การตายดีทางพุทธจึงไม่ขึ้นกว่าตายที่ไหน หรือตายอย่างไร แต่ขึ้นกับว่าตายด้วยสภาพจิตใจอย่างไร...
สรุปความจากการบรรยาย "เป็นมิตรกับความตาย" ของพระไพศาล วิสาโล
https://www.facebook.com/visalo/posts/695111927182794
แสดงความคิดเห็น
ก่อนตายคุณอยากเห็นใครอยู่เคียงข้าง
คุณยายคนนี้อายุยืนกว่ายายของฉันอีก เพราะยายของฉันตายก่อนแกไปแล้ว น้าบอกว่าคนแกล้มอยู่ได้อีกไม่นานหรอก
ทีนี่ก็เลยคุยเรื่องการตาย แล้วก็พูดถึงการตายของยายกับแม่ของฉัน
น้าบ่นเสียดายที่ไม่ได้อยู่ข้างๆยายตอนที่จากไป ทั้งๆที่ดูแลยายมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา วันนั้นไปหาลูกที่ไปทำงานต่างจังหวัด
ยายอาการไม่ดีเข้าโรงพยาบาลกลับมาไม่ทันได้ดูใจ ยายก็จากไปซะก่อน ยายไปเสียที่โรงพยาบาล ท่ามกลางหมอและพยาบาล
โดยที่ไม่มีลูกหลานอยู่เคียงข้าง กว่าลูกจะมายายก็ตายไปแล้ว
ส่วนแม่ของฉัน รู้ตัวก่อนตาย ว่าจะไม่ไหวแล้ว คือแม่ของฉันเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย ก็รู้ๆกันอยู่ว่าอยู่ได้ไม่นาน แล้ววันนั้นฉันอยู่ข้างๆ
แม่ของฉันอ๊วกแล้วอ๊วกอีก เหนื่อยแตกทั้งตัว แม่บอกอยากจะพัก ให้คนไปจุดธูปให้แม่ยกมือไหว้ก่อนจะล้มตัวลงนอน ระหว่างที่รอ
คนไปจุดธูปมาให้ ฉันมีโอกาสได้นั่งคุยอยู่ข้างๆแม่ ยังถามแม่เลยว่า ตายแล้วอยากให้ฝัง หรือเผา ต้องไหว้อาหารเจมั๊ย
เพราะแม่ฉันกินเจ มาหลายปี แม่ก็ตอบอยากให้เผา ไหว้เจได้ก็ดี พอได้ธูปมาแม่ก็ยกมือขึ้นพนมเหนือหัวอธิฐานอะไรไม่รู้ แล้วก็ส่งให้
คนดูแลเอาไปปักที่กระถางธูปเจ้าแม่กวนอิม แล้วก็ขอนอนพักแล้ว จากนั้นก็ขาดสติเลย ตาลืมไม่เท่ากัน นำส่งโรงพยาบาล
หมอบอกว่า ก้านสมองตายแล้ว แล้วหัวใจก็หยุดเต้นหลังจากนั้นอีก 4 ชั่วโมง
น้าบอกว่า แม่ของฉันโชคดี ยังมีลูกสาวคนเล็กอยู่ข้างๆ ส่วนตาของฉันก็โชคดี ที่ยังมีลูกสะใภ้อยู่เคียงข้าง ส่วนยายโชคร้ายไม่มีใครเลย
ฉันก็ไม่เข้าใจว่า มันโชคดีตรงไหน โชคร้ายตรงไหน ที่มีคนอยู่เคียงข้างก่อนตาย กับไม่มีใครเลย วาสนามันต่างกันยังไง
ตายโดดเดี่ยว หรือ ตายไม่โดดเดี่ยวงั้นหรอ น้าก็อธิบายไม่ถูก ฉันก็ยังงงๆอยู่ ต้องทำกรรมร่วมกันมาหรือยังไง
คนเราไม่มีวันรู้หรอกว่า เราจะตายวันไหน ตอนไหน แต่ถ้าเลือกได้ คุณอยากเห็นใครอยู่เคียงข้างคุณ ในลมหายใจสุดท้าย