ก่อนอื่นเลยต้องสวัสดีผู้อ่านทุกท่าน ผมขออนุญาตแนะนำตัวนะคับ ผมชื่อเอ็มคับ อายุ 23 ปี คือตอนนี้ผมกำลังสับสนกับเรื่องความรัก ผมเลยเขียนบทความนี้ซึ่งเป็นเรื่องจิงที่เกิดกับผมขึ้นมา
ตัวผมเองเป็นชาวสีม่วง เพื่อนๆคงรู้ดีว่ามันหมายถึงอะไร ผมเพิ่งเรียนจบมาได้ 1 ปี ตอนนี้ได้เปลี่ยนสถานะจากนักศึกษามาเป็นมนุษย์เงินเดือนแล้ว ครอบครัวของผมเป็นครอบครัวที่หาเช้ากินค่ำ ฐานะไม่ได้ดีมากนัก ผมทำงานพาร์ททามมาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยาศึกษาตอนปลายเป็นงานต้อนรับคับ เพราะฉะนั้นผมจึงได้เจอผู้คนมากมายหลายแบบ ความรักครั้งแรกของผมก็เริ่มจากการทำงานนี่แหละคับแต่ก็คบกันได้ประมาณ 1 ปีก็เลิกรากันไป ด้วยเหตุผลอะไรน่ะหรอคับแฟนผมเค้าไปมีคนอื่น หลังจากนั้นผมก็โสดมาจนกระทั่งผมเรียนมหาวิทยาลัยปีที่ 4 ด้วยความที่ว่าเราเรียนไกล้จบและเราก็คิดว่าเราเป็นผู้ใหญ่พอที่จะดูแลตัวเองได้แล้วในช่วงนั้นผมก็เริ่มออกเที่ยวกลางคืนคับช่วงนั้นผมเที่ยวบ่อยมากอาทิตย์ละ 3-4 วันเลยทีเดียวหล่ะ
จนผมได้มาเจอคนคนนึงเข้าซึ่งปัจจุบันนี้เราคบกันอยู่ระยะเวลาก็ประมาณ 2 ปีแล้วคับ ผมเจอคนนี้ในผับแห่งหนึ่ง ผมยังจำได้แม่นยำว่าคืนนั้นผมไปกับเพื่อนแล้วผมก็เมามาก แฟนผมเค้าก็ให้เพื่อนเค้าน่ะมาขอเบอร์ผมไป เราสองคนแลกเบอร์กันแล้วก็ติดต่อกันมาได้ซักระยะหนึ่งจนสถานะกลายมาเป็นแฟนกัน แฟนผมมีชื่อว่า “เอ็กส์” ตอนที่เรารู้จักกันเค้าอายุ 36 ปี ทำงานเป็นดีซายน์เนอร์ แฟนผมเป็นคนการศึกษาดีเรียนจบจากเมืองนอกเมืองนาหน้าที่การงานก็ดีฐานะทางบ้านก็ถือว่ารวยเลยก็ว่าได้คับ แฟนผมเป็นคนขยันทำงาน บางทีทำงานมากจนไม่มีเวลาจะพัก แต่เค้าก็มีเวลาให้เราได้ตลอดนะถ้าเราอยากจะเจอเค้า เราสองคนจะเจอกันอาทิตย์ละประมาณ 3-4 วันคับซึ่งถือว่าบ่อย เนื่องจากแฟนผมค่อนข้างมีอายุและมีเงินเพราะฉะนั้นการใช้ชีวิตของเราสองคนมันต่างกันโดยสิ้นเชิง เวลาเราไปไหนมาไหนด้วยกัน กินข้าว เที่ยวต่างจังหวัดหรือแม้แต่เที่ยวต่างประเทศก็แล้วแต่ ทุกๆอย่างแฟนผมจะจ่ายเงินให้หมด แต่ส่วนนี้ผมไม่ได้เรียกร้องให้เค้ามาจ่ายทุกอย่างให้ผมนะคับและผมก็ไม่เคยเสนอเลยว่าผมอยากจะกินอะไรไปไหนหรืออยากได้อะไร เอาง่ายๆว่าผมคอยเป็นผู้ตามเค้าอยากกินอะไรอยากไปไหนผมให้สิทธิ์เค้าเป็นคนเลือกเองทั้งหมดและผมเคยบอกเค้าแล้วว่าเราหารกันจะดีกว่าแต่ผมกินหรูๆแพงๆไม่ได้นะเพราะเงินเดือนผมไม่ได้เยอะ ผมเคยอธิบายให้เค้าฟังว่าผมพึ่งเริ่มจะทำงานเงินเดือนก็ไม่ได้เยอะอะไรฐานะทางบ้านก็ไม่ได้รวยจนมีเงินเหลือใช้
ผมเป็นคนใช้ชีวิตติดดินซึ่งผมก็ได้อธิบายให้เค้าฟังไปเรียบร้อยหลังจากที่ผมอธิบายให้เค้าฟังเค้าก็พูดว่า “ไม่เป็นไรเดี๋ยวจ่ายให้เอง ไม่ต้องคิดมากนะ” ทุกๆครั้งที่เค้าต้องจ่ายเงินให้กับผมไม่ว่าอะไรก็แล้วแต่ ผมจะกล่าวขอบคุณเค้าทุกครั้งคับ ผมรู้ว่าคนเราเป็นแฟนกันมันต้องมีกระทบกระทั่งกันบ้างมีทะเลาะกันบ้างเป็นเรื่องธรรมดาที่ต้องเกิดขึ้นในชีวิตคู่ เราทะเลาะกันไม่บ่อยหรอกคับ แต่ทุกๆครั้งที่เราทะเลาะกันผมมักจะได้คำพูดที่สะเทือนใจและแทงใจดำผมเสมอ ทุกๆครั้งที่เราทะเลาะกันไม่ว่าจะเรื่องใดก็ตามมันจะมีเรื่องเงินเข้ามาเกี่ยวข้องตลอด แฟนผมเป็นคนที่ชอบทวงบุญคุณคับ สืบเนื่องมาจากที่เวลาเราไปไหนมาไหนด้วยกันเค้าจ่ายเงินให้ผมทั้งหมด เวลาทะเลาะกันไม่ว่าจะเรื่องใดก็ตามแฟนผมจะพูดทุกครั้งว่า “ตังก็ไม่มียังอยากจะทำตัวหรูหราไฮโซ ไปไหนก็จ่ายให้ตลอดนะเคยคิดจะจ่ายเองบ้างมั้ย” ผมต้องบอก ณ จุดนี้เลยนะคับว่าตอนที่คบกันตอนแรกผมเสนอที่จะขอหารตลอดหรือจ่ายเท่าที่ผมสามารถจะจ่ายได้แต่เค้าก็จะพูดว่าไม่เป็นไรเค้าเข้าใจผม ผมเก็บคำนี้ของเค้าไปคิดคับคิดทุกวันจนทุกวันนี้ก็ยังคงคิดอยู่คับว่าผมควรจะทำยังไงต่อไปดี
จนกระทั่งผมได้มารู้จักคนคนนึงคับ ผมได้เจอคนคนนี้ในโปรแกรมแชทของชาวสีม่วงโปรแกรมหนึ่ง พี่เค้ามีชื่อว่า “พี” คับอายุเท่ากับแฟนผมเลย ผมคุยกับพี่พีทุกวันคับรวมเวลาถึงปัจจุบันก็ประมาณปีกว่าๆแล้ว พี่พีรู้ว่าผมมีแฟนและตอนที่เราคุยกันช่วงแรกพี่พีก็มีแฟนอยู่เหมือนกันคับ เราทั้งสองคนรู้ดีว่าเราคุยกันในสถานะอะไร จนกระทั่งมาช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมาพี่พีก็เลิกกับแฟน เนื่องด้วยเหตุผลอันใดผมก็ไม่ทราบนะคับ หลังจากนั้นเราก็ได้คุยกันมากขึ้น เวลาผมมีปัญหาอะไรหรือแม้แต่กระทั่งทะเลาะกับแฟนก็ตาม ผมจะปรึกษาพี่พีและพี่พีก็เป็นคนที่ให้คำปรึกษาผมดีตลอดมา หลังจากที่คุยกันมานานเราก็นัดเจอกันคับ
ผมกับพี่พีเจอกันครั้งแรกหลังจากที่พี่พีเลิกกับแฟนได้สามเดือนคับเดือนมิถุนายนเป็นครั้งแรกที่เราได้เจอกัน ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดีและหลังจากนั้นเราสองคนก็คุยกันมากกว่าเดิมและเจอกันบ่อยมากขึ้น พี่พีเป็นคนที่คุยสนุกเป็นกันเองมากคับเวลาผมอยู่กับพี่พีผมมีความสุขเสมอ พี่พีทำให้ผมหัวเราะ หลายสิ่งหลายอย่างที่พี่พีพูดสอนผมเกี่ยวกับเรื่องความรักคอยแนะนำให้คำปรึกษา พี่พีคอยปลอบใจผมทุกครั้งเวลาผมทะเลาะกับแฟน ซึ่งจุดจุดนี้เองทำให้ผมเริ่มหวั่นไหว เพราะอะไรน่ะหรอคับ พี่พีเป็นคนที่น่าตาค่อนข้างดี ผมว่าทุกคนแหละคับที่มองคนจากหน้าตาซึ่งมันก็เป็นส่วนประกอบอย่างนึง ฐานะทางบ้านผมไม่ทราบหรอกคับแต่ว่าถ้าให้ผมเดาน่าจะอยู่ในระดับปานกลางคับเพราะฉะนั้นการใช้ชีวิตของผมกับพี่พีค่อนข้างติดดินเป็นคนง่ายๆไม่เรื่องมาก ง่ายในที่นี้ไม่ได้หมายความว่าใจง่ายนะคับ พี่เค้าให้เกียรติผมและผมขอพูดกันตรงๆเลยว่าพี่เค้าไม่เคยขอที่จะมีเซ็กส์กับผมเลยซักครั้ง ซึ่งผมคิดว่าชาวเกย์คงจะรู้ดีว่าการที่เราเจอใครซักคนในโปรแกรมแชทจุดประสงค์ของการนัดเจอกันก็คือมีเซ็กส์กันซะ 90% เลยทีเดียว
กลับมาที่แฟนผมนะคับ อย่างที่ผมบอกว่าแฟนของผมเป็นดีซายน์เนอร์ ตัวเค้าเองทำงานเกี่ยวกับแฟชั่นอยู่บริษัทแห่งหนึ่งคับอยู่ในตำแหน่งที่สูงพอสมควรรวมถึงเค้ายังทำงานเสริมโดยการเปิดแบรนด์เสื้อผ้าเป็นของตัวเองและรับจ็อบสอนเรื่องแฟชั่นจากโรงเรียนสอนแฟชั่นที่ต่างๆด้วย ตัวผมเองก็ช่วยงานแฟนบ้างนะเท่าที่ช่วยได้น่ะคับ ผมเรียนจบทางด้านคอมพิวเตอร์มาคับทำงานแฟชั่นได้นิดหน่อยก็เท่าที่แฟนสอนให้นั่นแหละคับ เมื่อสองเดือนที่ผ่านมาเป็นช่วงที่งานของแฟนผมเยอะมาก ทุกๆวันของเค้าจะมีแต่งานตั้งแต่ตื่นนอนไปจนถึงประมาณตีหนึ่งของทุกวัน เพราะสาเหตุนี้เองทำให้ผมกับแฟนได้คุยกันน้อยลง ไปไหนมาไหนกันน้อยลงจะเรียกว่าน้อยลงมากเลยก็ว่าได้ เวลาเรานัดเจอกันแฟนผมก็จะพูดถึงแต่เรื่องงานตลอดทุกครั้ง เวลาผมมีเรื่องอะไรไม่สบายใจผมไม่สามารถพูดให้แฟนผมฟังได้เลยเวลาผมพูดให้เค้าฟังผมจะได้คำตอบว่า “ยังไม่ต้องพูดได้มั้ย แค่เรื่องงานก็ปวดหัวจะแย่อยู่แล้ว เหนื่อยเนี่ยคิดจะช่วยกันบ้างมั้ย” เสมอ หรือบางครั้งแฟนผมก็ทำเป็นไม่ได้ยินไปซะอย่างงั้น ผมเข้าใจนะคับว่าแฟนผมคงเหนื่อยมากแต่ผมก็ช่วยเค้าทำงานเท่าที่ผมช่วยได้ ช่วงนี้เรามักจะทะเลาะกันบ่อยๆ ผมทำอะไรหรือพูดอะไรก็ตามมันดูผิดลูกหูลูกตาเค้าไปซะทุกเรื่อง และทุกๆเรื่องแฟนของผมจะนำมันมาเป็นเรื่องที่ทำให้เราต้องทะเลาะกันได้ตลอด ล่าสุดผมอยากไปเจอเพื่อนผมบ้าง ผมแค่บอกว่าวันนี้ผมจะไปหาเพื่อนนะ แฟนผมยังทำเรื่องเล็กๆให้กลายมาเป็นเรื่องใหญ่โตจนทำให้เราต้องทะเลาะกันได้เลยคับ ผมไม่เข้าใจเลยว่าผมไปหาเพื่อนผมผิดตรงไหน แฟนผมบอกว่าเค้าไม่ชอบใจเลยที่ผมทำตัวแบบนี้ ทำตัวแบบนี้ที่เค้าว่านี่ผมไม่รู้ว่าผมไปทำอะไรผิดมากมายนักแค่ผมอยากไปหาเพื่อนผมบ้างแค่นี้เอง
หลังจากที่ผมกับพี่พีได้เจอกันบ่อยมากขึ้น จนตอนนี้ผมรู้ตัวเองแล้วว่าผมคิดยังไงกับพี่พี ผมรู้นะว่าผมมีแฟนอยู่แต่อีกคนที่ผมเจอเค้าช่างแสนดีและเข้าใจผมซะทุกเรื่อง พี่พีเคยบอกกับผมว่าเราเป็นพี่น้องกันคับแต่ผมรู้ว่าเราทั้งสองคนต่างมีความรู้สึกดีๆให้กัน เพียงแต่ว่าตอนนี้ตัวผมเองยังไม่ชัดเจนพอ ไม่ชัดเจนในทีนี้หมายถึงผมยังไม่โสดนั่นเองคับ พี่พีมักจะถามเรื่องผมกับแฟนบ่อยๆว่าเป็นยังไงกันบ้างแล้วและพี่พียังชอบพูดอีกว่า “พี่กำลังรอคนดีๆอยู่เหมือนกันนะคับ รีบๆเคลียตัวเองให้เรียบร้อยนะ” ผมไม่รู้ว่าผมคิดไปเองหรือเปล่าในความคิดผมตอนนี้ผมคิดว่าพี่เค้าหมายถึงว่าเค้ากำลังรอผม ผมไม่รู้ว่าพี่พีจะคิดเกินเลยมากกว่าพี่น้องกับผมหรือเปล่าแต่ผมขอบอกไว้ตรงนี้เลยนะคับว่าตอนนี้ผมรักพี่พีเข้าให้แล้ว ส่วนความรู้สึกที่ผมมีให้แฟนตอนนี้ผมก็ยังรักเค้านะคับ เพียงแต่มันน้อยลงกว่าเดิม
เรื่องที่ผมเล่ามาทั้งหมดผมรู้ตัวเองว่าผมก็เป็นคนไม่ดีนักหรอกคับมีแฟนแล้วแต่ก็ยังไม่รู้จักพอยังหาคนคุยไปเรื่อยเปื่อย มันก็เลยกลายเป็นว่าพอเรามีคนสองคนเข้ามาในชีวิตพร้อมกันมันจะเกิดข้อเปรียบเทียบระหว่างคนสองคนนี้แล้วมันจะทำให้ตัวเราเองสับสนและก็เลือกไม่ถูกว่าควรจะไปทางไหน ผมไม่รู้ว่าผมควรจะทำยังไงกับเรื่องนี้ต่อไปดี ตอนนี้ผมคิดไม่ออกเลยคับมืดแปดด้านจิงๆคับ ผมอยากได้คำปรึกษาจากหลายๆคน มันอาจจะเป็นแรงจูงใจให้ผมคิดออกว่าผมควรจะทำอย่างไรต่อ
เรื่องเล่าจากคนมีสี (ยาวหน่อยขอให้เพื่อนๆอ่านให้จบนะคับ)
ตัวผมเองเป็นชาวสีม่วง เพื่อนๆคงรู้ดีว่ามันหมายถึงอะไร ผมเพิ่งเรียนจบมาได้ 1 ปี ตอนนี้ได้เปลี่ยนสถานะจากนักศึกษามาเป็นมนุษย์เงินเดือนแล้ว ครอบครัวของผมเป็นครอบครัวที่หาเช้ากินค่ำ ฐานะไม่ได้ดีมากนัก ผมทำงานพาร์ททามมาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยาศึกษาตอนปลายเป็นงานต้อนรับคับ เพราะฉะนั้นผมจึงได้เจอผู้คนมากมายหลายแบบ ความรักครั้งแรกของผมก็เริ่มจากการทำงานนี่แหละคับแต่ก็คบกันได้ประมาณ 1 ปีก็เลิกรากันไป ด้วยเหตุผลอะไรน่ะหรอคับแฟนผมเค้าไปมีคนอื่น หลังจากนั้นผมก็โสดมาจนกระทั่งผมเรียนมหาวิทยาลัยปีที่ 4 ด้วยความที่ว่าเราเรียนไกล้จบและเราก็คิดว่าเราเป็นผู้ใหญ่พอที่จะดูแลตัวเองได้แล้วในช่วงนั้นผมก็เริ่มออกเที่ยวกลางคืนคับช่วงนั้นผมเที่ยวบ่อยมากอาทิตย์ละ 3-4 วันเลยทีเดียวหล่ะ
จนผมได้มาเจอคนคนนึงเข้าซึ่งปัจจุบันนี้เราคบกันอยู่ระยะเวลาก็ประมาณ 2 ปีแล้วคับ ผมเจอคนนี้ในผับแห่งหนึ่ง ผมยังจำได้แม่นยำว่าคืนนั้นผมไปกับเพื่อนแล้วผมก็เมามาก แฟนผมเค้าก็ให้เพื่อนเค้าน่ะมาขอเบอร์ผมไป เราสองคนแลกเบอร์กันแล้วก็ติดต่อกันมาได้ซักระยะหนึ่งจนสถานะกลายมาเป็นแฟนกัน แฟนผมมีชื่อว่า “เอ็กส์” ตอนที่เรารู้จักกันเค้าอายุ 36 ปี ทำงานเป็นดีซายน์เนอร์ แฟนผมเป็นคนการศึกษาดีเรียนจบจากเมืองนอกเมืองนาหน้าที่การงานก็ดีฐานะทางบ้านก็ถือว่ารวยเลยก็ว่าได้คับ แฟนผมเป็นคนขยันทำงาน บางทีทำงานมากจนไม่มีเวลาจะพัก แต่เค้าก็มีเวลาให้เราได้ตลอดนะถ้าเราอยากจะเจอเค้า เราสองคนจะเจอกันอาทิตย์ละประมาณ 3-4 วันคับซึ่งถือว่าบ่อย เนื่องจากแฟนผมค่อนข้างมีอายุและมีเงินเพราะฉะนั้นการใช้ชีวิตของเราสองคนมันต่างกันโดยสิ้นเชิง เวลาเราไปไหนมาไหนด้วยกัน กินข้าว เที่ยวต่างจังหวัดหรือแม้แต่เที่ยวต่างประเทศก็แล้วแต่ ทุกๆอย่างแฟนผมจะจ่ายเงินให้หมด แต่ส่วนนี้ผมไม่ได้เรียกร้องให้เค้ามาจ่ายทุกอย่างให้ผมนะคับและผมก็ไม่เคยเสนอเลยว่าผมอยากจะกินอะไรไปไหนหรืออยากได้อะไร เอาง่ายๆว่าผมคอยเป็นผู้ตามเค้าอยากกินอะไรอยากไปไหนผมให้สิทธิ์เค้าเป็นคนเลือกเองทั้งหมดและผมเคยบอกเค้าแล้วว่าเราหารกันจะดีกว่าแต่ผมกินหรูๆแพงๆไม่ได้นะเพราะเงินเดือนผมไม่ได้เยอะ ผมเคยอธิบายให้เค้าฟังว่าผมพึ่งเริ่มจะทำงานเงินเดือนก็ไม่ได้เยอะอะไรฐานะทางบ้านก็ไม่ได้รวยจนมีเงินเหลือใช้
ผมเป็นคนใช้ชีวิตติดดินซึ่งผมก็ได้อธิบายให้เค้าฟังไปเรียบร้อยหลังจากที่ผมอธิบายให้เค้าฟังเค้าก็พูดว่า “ไม่เป็นไรเดี๋ยวจ่ายให้เอง ไม่ต้องคิดมากนะ” ทุกๆครั้งที่เค้าต้องจ่ายเงินให้กับผมไม่ว่าอะไรก็แล้วแต่ ผมจะกล่าวขอบคุณเค้าทุกครั้งคับ ผมรู้ว่าคนเราเป็นแฟนกันมันต้องมีกระทบกระทั่งกันบ้างมีทะเลาะกันบ้างเป็นเรื่องธรรมดาที่ต้องเกิดขึ้นในชีวิตคู่ เราทะเลาะกันไม่บ่อยหรอกคับ แต่ทุกๆครั้งที่เราทะเลาะกันผมมักจะได้คำพูดที่สะเทือนใจและแทงใจดำผมเสมอ ทุกๆครั้งที่เราทะเลาะกันไม่ว่าจะเรื่องใดก็ตามมันจะมีเรื่องเงินเข้ามาเกี่ยวข้องตลอด แฟนผมเป็นคนที่ชอบทวงบุญคุณคับ สืบเนื่องมาจากที่เวลาเราไปไหนมาไหนด้วยกันเค้าจ่ายเงินให้ผมทั้งหมด เวลาทะเลาะกันไม่ว่าจะเรื่องใดก็ตามแฟนผมจะพูดทุกครั้งว่า “ตังก็ไม่มียังอยากจะทำตัวหรูหราไฮโซ ไปไหนก็จ่ายให้ตลอดนะเคยคิดจะจ่ายเองบ้างมั้ย” ผมต้องบอก ณ จุดนี้เลยนะคับว่าตอนที่คบกันตอนแรกผมเสนอที่จะขอหารตลอดหรือจ่ายเท่าที่ผมสามารถจะจ่ายได้แต่เค้าก็จะพูดว่าไม่เป็นไรเค้าเข้าใจผม ผมเก็บคำนี้ของเค้าไปคิดคับคิดทุกวันจนทุกวันนี้ก็ยังคงคิดอยู่คับว่าผมควรจะทำยังไงต่อไปดี
จนกระทั่งผมได้มารู้จักคนคนนึงคับ ผมได้เจอคนคนนี้ในโปรแกรมแชทของชาวสีม่วงโปรแกรมหนึ่ง พี่เค้ามีชื่อว่า “พี” คับอายุเท่ากับแฟนผมเลย ผมคุยกับพี่พีทุกวันคับรวมเวลาถึงปัจจุบันก็ประมาณปีกว่าๆแล้ว พี่พีรู้ว่าผมมีแฟนและตอนที่เราคุยกันช่วงแรกพี่พีก็มีแฟนอยู่เหมือนกันคับ เราทั้งสองคนรู้ดีว่าเราคุยกันในสถานะอะไร จนกระทั่งมาช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมาพี่พีก็เลิกกับแฟน เนื่องด้วยเหตุผลอันใดผมก็ไม่ทราบนะคับ หลังจากนั้นเราก็ได้คุยกันมากขึ้น เวลาผมมีปัญหาอะไรหรือแม้แต่กระทั่งทะเลาะกับแฟนก็ตาม ผมจะปรึกษาพี่พีและพี่พีก็เป็นคนที่ให้คำปรึกษาผมดีตลอดมา หลังจากที่คุยกันมานานเราก็นัดเจอกันคับ
ผมกับพี่พีเจอกันครั้งแรกหลังจากที่พี่พีเลิกกับแฟนได้สามเดือนคับเดือนมิถุนายนเป็นครั้งแรกที่เราได้เจอกัน ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดีและหลังจากนั้นเราสองคนก็คุยกันมากกว่าเดิมและเจอกันบ่อยมากขึ้น พี่พีเป็นคนที่คุยสนุกเป็นกันเองมากคับเวลาผมอยู่กับพี่พีผมมีความสุขเสมอ พี่พีทำให้ผมหัวเราะ หลายสิ่งหลายอย่างที่พี่พีพูดสอนผมเกี่ยวกับเรื่องความรักคอยแนะนำให้คำปรึกษา พี่พีคอยปลอบใจผมทุกครั้งเวลาผมทะเลาะกับแฟน ซึ่งจุดจุดนี้เองทำให้ผมเริ่มหวั่นไหว เพราะอะไรน่ะหรอคับ พี่พีเป็นคนที่น่าตาค่อนข้างดี ผมว่าทุกคนแหละคับที่มองคนจากหน้าตาซึ่งมันก็เป็นส่วนประกอบอย่างนึง ฐานะทางบ้านผมไม่ทราบหรอกคับแต่ว่าถ้าให้ผมเดาน่าจะอยู่ในระดับปานกลางคับเพราะฉะนั้นการใช้ชีวิตของผมกับพี่พีค่อนข้างติดดินเป็นคนง่ายๆไม่เรื่องมาก ง่ายในที่นี้ไม่ได้หมายความว่าใจง่ายนะคับ พี่เค้าให้เกียรติผมและผมขอพูดกันตรงๆเลยว่าพี่เค้าไม่เคยขอที่จะมีเซ็กส์กับผมเลยซักครั้ง ซึ่งผมคิดว่าชาวเกย์คงจะรู้ดีว่าการที่เราเจอใครซักคนในโปรแกรมแชทจุดประสงค์ของการนัดเจอกันก็คือมีเซ็กส์กันซะ 90% เลยทีเดียว
กลับมาที่แฟนผมนะคับ อย่างที่ผมบอกว่าแฟนของผมเป็นดีซายน์เนอร์ ตัวเค้าเองทำงานเกี่ยวกับแฟชั่นอยู่บริษัทแห่งหนึ่งคับอยู่ในตำแหน่งที่สูงพอสมควรรวมถึงเค้ายังทำงานเสริมโดยการเปิดแบรนด์เสื้อผ้าเป็นของตัวเองและรับจ็อบสอนเรื่องแฟชั่นจากโรงเรียนสอนแฟชั่นที่ต่างๆด้วย ตัวผมเองก็ช่วยงานแฟนบ้างนะเท่าที่ช่วยได้น่ะคับ ผมเรียนจบทางด้านคอมพิวเตอร์มาคับทำงานแฟชั่นได้นิดหน่อยก็เท่าที่แฟนสอนให้นั่นแหละคับ เมื่อสองเดือนที่ผ่านมาเป็นช่วงที่งานของแฟนผมเยอะมาก ทุกๆวันของเค้าจะมีแต่งานตั้งแต่ตื่นนอนไปจนถึงประมาณตีหนึ่งของทุกวัน เพราะสาเหตุนี้เองทำให้ผมกับแฟนได้คุยกันน้อยลง ไปไหนมาไหนกันน้อยลงจะเรียกว่าน้อยลงมากเลยก็ว่าได้ เวลาเรานัดเจอกันแฟนผมก็จะพูดถึงแต่เรื่องงานตลอดทุกครั้ง เวลาผมมีเรื่องอะไรไม่สบายใจผมไม่สามารถพูดให้แฟนผมฟังได้เลยเวลาผมพูดให้เค้าฟังผมจะได้คำตอบว่า “ยังไม่ต้องพูดได้มั้ย แค่เรื่องงานก็ปวดหัวจะแย่อยู่แล้ว เหนื่อยเนี่ยคิดจะช่วยกันบ้างมั้ย” เสมอ หรือบางครั้งแฟนผมก็ทำเป็นไม่ได้ยินไปซะอย่างงั้น ผมเข้าใจนะคับว่าแฟนผมคงเหนื่อยมากแต่ผมก็ช่วยเค้าทำงานเท่าที่ผมช่วยได้ ช่วงนี้เรามักจะทะเลาะกันบ่อยๆ ผมทำอะไรหรือพูดอะไรก็ตามมันดูผิดลูกหูลูกตาเค้าไปซะทุกเรื่อง และทุกๆเรื่องแฟนของผมจะนำมันมาเป็นเรื่องที่ทำให้เราต้องทะเลาะกันได้ตลอด ล่าสุดผมอยากไปเจอเพื่อนผมบ้าง ผมแค่บอกว่าวันนี้ผมจะไปหาเพื่อนนะ แฟนผมยังทำเรื่องเล็กๆให้กลายมาเป็นเรื่องใหญ่โตจนทำให้เราต้องทะเลาะกันได้เลยคับ ผมไม่เข้าใจเลยว่าผมไปหาเพื่อนผมผิดตรงไหน แฟนผมบอกว่าเค้าไม่ชอบใจเลยที่ผมทำตัวแบบนี้ ทำตัวแบบนี้ที่เค้าว่านี่ผมไม่รู้ว่าผมไปทำอะไรผิดมากมายนักแค่ผมอยากไปหาเพื่อนผมบ้างแค่นี้เอง
หลังจากที่ผมกับพี่พีได้เจอกันบ่อยมากขึ้น จนตอนนี้ผมรู้ตัวเองแล้วว่าผมคิดยังไงกับพี่พี ผมรู้นะว่าผมมีแฟนอยู่แต่อีกคนที่ผมเจอเค้าช่างแสนดีและเข้าใจผมซะทุกเรื่อง พี่พีเคยบอกกับผมว่าเราเป็นพี่น้องกันคับแต่ผมรู้ว่าเราทั้งสองคนต่างมีความรู้สึกดีๆให้กัน เพียงแต่ว่าตอนนี้ตัวผมเองยังไม่ชัดเจนพอ ไม่ชัดเจนในทีนี้หมายถึงผมยังไม่โสดนั่นเองคับ พี่พีมักจะถามเรื่องผมกับแฟนบ่อยๆว่าเป็นยังไงกันบ้างแล้วและพี่พียังชอบพูดอีกว่า “พี่กำลังรอคนดีๆอยู่เหมือนกันนะคับ รีบๆเคลียตัวเองให้เรียบร้อยนะ” ผมไม่รู้ว่าผมคิดไปเองหรือเปล่าในความคิดผมตอนนี้ผมคิดว่าพี่เค้าหมายถึงว่าเค้ากำลังรอผม ผมไม่รู้ว่าพี่พีจะคิดเกินเลยมากกว่าพี่น้องกับผมหรือเปล่าแต่ผมขอบอกไว้ตรงนี้เลยนะคับว่าตอนนี้ผมรักพี่พีเข้าให้แล้ว ส่วนความรู้สึกที่ผมมีให้แฟนตอนนี้ผมก็ยังรักเค้านะคับ เพียงแต่มันน้อยลงกว่าเดิม
เรื่องที่ผมเล่ามาทั้งหมดผมรู้ตัวเองว่าผมก็เป็นคนไม่ดีนักหรอกคับมีแฟนแล้วแต่ก็ยังไม่รู้จักพอยังหาคนคุยไปเรื่อยเปื่อย มันก็เลยกลายเป็นว่าพอเรามีคนสองคนเข้ามาในชีวิตพร้อมกันมันจะเกิดข้อเปรียบเทียบระหว่างคนสองคนนี้แล้วมันจะทำให้ตัวเราเองสับสนและก็เลือกไม่ถูกว่าควรจะไปทางไหน ผมไม่รู้ว่าผมควรจะทำยังไงกับเรื่องนี้ต่อไปดี ตอนนี้ผมคิดไม่ออกเลยคับมืดแปดด้านจิงๆคับ ผมอยากได้คำปรึกษาจากหลายๆคน มันอาจจะเป็นแรงจูงใจให้ผมคิดออกว่าผมควรจะทำอย่างไรต่อ