โครงการรักที่พักใจ บทที่ 3 พนักงานคนใหม่ 1 (เปลี่ยนชื่อเรื่อง A millionaire's girlfriend)

กระทู้สนทนา

โครงการรักที่พักใจ
บทที่ 3
พนักงานคนใหม่ (1)


    
           ดวงตาคมสวยจ้องมองป้ายชื่อพนักงานในมือก่อนจะยกมันขึ้นคล้องคอ ให้ตายเถอะ จากทายาทประธานกรรมการบริษัทธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ชั้นนำในเมืองไทย ดีกรีหนุ่มนักเรียนนอก ปริญญาโทบริหารธุรกิจ University of San Diego ประเทศสหรัฐอเมริกา ทั้งที่เพิ่งกลับมากจากเมืองนอกแท้ๆ ชีวิตกลับพลิกผันต้องตกมาอยู่ในฐานะพนักงานตำแหน่งเล็กๆ ในบริษัทเฮือนฮอมฮัก บริษัทหนึ่งในเครือ SM Cooperation ด้วยคำสั่งประกาศิตของบิดาตน

              ‘กลับบ้านเมาหัวราน้ำทุกวัน ฉันไม่เข้าใจแกเป็นอะไรของแก’ มานะ เรืองรัตนวิริยะกุล นายใหญ่แห่ง SM Cooperation กล่าวอย่างโกรธเกรี้ยวเพราะทนพฤติกรรมลูกชายคนเดียวของตนไม่ไหว

              ‘โตจนปานนี้แล้ว ฉันส่งแกไปเรียนไกลถึงเมืองนอกเมืองนา หวังให้กลับมาช่วยกันพัฒนาบริษัท แต่ดู ดูแกทำ’ ยิ่งคิดยิ่งโมโห เกือบสองเดือนหลังจากที่พีชญะกลับจากเมืองนอก ก็เอาแต่เที่ยวเตร่ ทำตัวเป็นเพลบอยควงผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า ไม่รู้จักโตแบบนี้เขาจะวางใจฝากบริษัทและชีวิตพนักงานกว่าหมื่นชีวิตไว้ในมือของลูกชายตนได้อย่างไร เห็นทีต้องส่งไปดัดนิสัยกับลูกพี่ลูกน้องของตน ตัดความช่วยเหลือด้านการเงินทุกอย่าง ให้ใช้ชีวิตอย่างมนุษย์เงินเดือนธรรมดาคนหนึ่ง

              ‘ฉันจะส่งแกไปอยู่กับลุงวัลลพที่เชียงใหม่ ไปทำงานกับเค้าที่นั่น เป็นผู้เป็นคนเมื่อไหร่ค่อยกลับมา’ ท่านประธานใหญ่ก้าวออกจากประตูก่อนจะปิดมันดังปัง ทิ้งลูกชายตัวดีที่ยังนอนสลึมสลือด้วยฤทธิ์น้ำเมาอยู่บนเตียงในห้องนอนตามลำพัง
    พีชญะจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าพ่อของตนพูดอะไรไว้บ้าง ตื่นมาอีกทีก็พบว่าเสื้อผ้าของตนถูกเก็บพับใส่กระเป๋าเรียบร้อยแล้ว

               ‘นี่มันอะไรกัน ทำไมกระเป๋าเสื้อผ้าผมถึงมากองอยู่ตรงนี้’

              ‘คุณท่านสั่งให้ผมจัดเสื้อผ้าให้คุณหนูเองครับ’ ลุงเงิน พ่อบ้านเก่าแก่ตอบคำถามด้วยท่าทางนอบน้อม

               ‘จัดทำไม ผมไม่ได้จะไปไหนซักหน่อย ลุงเอาไปเก็บที่เดิมเถอะ’

                ‘ไม่ได้ครับคุณหนู คุณท่านสั่งไว้ว่าให้ผมจัดกระเป๋าให้คุณหนู เพราะคุณหนูต้องเดินทางไปทำงานที่เชียงใหม่’

               ‘ไปทำงานที่เชียงใหม่’ คิ้วหนายกสูงขึ้นด้วยความสงสัย ก่อนจะหัวเราะออกมา ‘พูดเล่นใช่ไหมเนี้ย มุขนี้ไม่ขำนะลุง ผมไม่ให้ผ่าน’   

               ‘คุณหนูจำไม่ได้หรือครับว่าเมื่อคืนคุณท่านเข้ามาในห้องนี้ และกล่าวอะไรกับคุณหนูไว้บ้าง’
    ชายหนุ่มส่ายหัวช้าๆ แต่แล้วคำพูดของพ่อตนก็ผุดขึ้นมาในหัว “ให้ตายเถอะ นี่เราไม่ได้ฝันหรอกเหรอ” เขาพึมพำกับตัวเอง

                ‘เที่ยวบินของคุณหนูจะออกตอนหกโมงเย็นครับ’

               ‘ไม่ ไม่ ผมจะไม่ไปไหนทั้งนั้น ผมต้องคุยกับพ่อให้รู้เรื่องก่อน’

                ‘คุณท่านเดินทางไปสิงคโปร์เมื่อตอนเช้าแล้วครับ’

                พีชญะหยิบมือถือขึ้นมากดเบอร์โทรหาพ่อของตน และแน่นอนคำตอบที่ได้คือ เขาต้องเดินทางไปทำงานที่เชียงใหม่ ห้ามให้ใครรู้ว่าเขาเป็นลูกชายประธานบริษัท ให้อยู่ในฐานะพนักงานธรรมดาคนหนึ่งในนาม นายพีชญะ พงษ์พัฒน์ตระกูล ลุงวัลลพได้เตรียมที่พักไว้ให้แล้ว บัตรสำคัญทางการเงินทุกอย่างทุกอายัด เหลือไว้เพียง ATM  บัญชีเดียวที่มีเงินอยู่ในนั้นเพียงสามหมื่นบาท และเขาต้องออกเดินทางภายในวันนี้

                ‘ถ้าผมไม่ทำตามที่พ่อสั่งล่ะ’

                ‘แกกล้าเรอะ’ เสียงตะคอกผ่านดังสนั่นจนชายหนุ่มต้องเลื่อนโทรศัพท์ออกห่างจากหูของตน ‘ฉันจะตัดแกออกจากกองมรดก แม้แต่สตางค์แดงเดียวฉันก็จะไม่ให้แก’

                ‘พ่ออย่าคิดนะว่าขู่ผมได้’

                ‘ฉันไม่ได้ขู่’

               ‘นี่พ่อเอาจริงงั้นสิ’

               ‘เออ’ น้ำเสียงหนักแน่น เขารู้ดีว่าหากพ่อของตนได้ตัดสินใจอะไรลงไปแล้ว ไม่มีวันเปลี่ยนใจง่ายๆ

               พีชญะกลืนน้ำลายอึกใหญ่ ก่อนจะพูดอ้อมแอ้ม ‘ได้ แต่ผมมีข้อแม้’

               ‘ว่ามา’

               ‘ผมขอเอาไอ้ต้วมเตี้ยมไปใช้ได้ไหม’

               ‘ตามใจแก’  

               
           สูทสีดำถูกหยิบขึ้นมาสวม “แล้วผมจะพิสูจน์ให้พ่อเห็นว่าผมไม่ได้ห่วยอย่างที่พ่อคิด” เขาเหยียดยิ้มให้แก่ชายในกระจกเงา แล้วร่างสูงก็ก้าวออกจากห้อง



                เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นปลุกหญิงสาวให้ตื่นจากการหลับใหล ก่อนจะใช้มือควานหาโทรศัพท์สะเปะสะปะ หลังจากเหตุการณ์เมื่อคืนปุณยภาก็ต้องอยู่ปลอบใจเพื่อนสาวคนสนิทอยู่ค่อนคืน กว่าจะกลับถึงคอนโดของตนเองก็ปาเข้าไปเกือบตีสี่แล้ว

                 “หือ...” เสียงงัวเงียถูกกรอกผ่านเครื่องโทรศัพท์

                 “ไอ้รัน แกอยู่ไหน” เสียงกึ่งสาวกึ่งหนุ่มตะคอกถาม    

                  “หือ...”

                   “อย่าบอกนะว่าแกยังไม่ตื่นน่ะ นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้วยะ” ตาปรือค่อยๆ ปรับโฟกัสเพื่อจ้องมองเข็มนาฬิกาข้างเตียง

                   “เจ็ด...โมง...ครึ่ง” น้ำเสียงยังคงงัวเงีย

                  “ใช่ ก็เจ็ดโมงครึ่งน่ะสิยะ”

                  “ห๊ะ เจ็ดโมงครึ่ง ตายแล้ว...” ตาโตเบิกกว้าง เหมือนสมองของเธอจะเริ่มทำงานแล้ว “พี่นัตโตะ รันขอโทษ คงไปรับไม่ได้แล้ว ไปเองนะ แค่นี้ก่อนนะพี่” ปุณยภากดวางสายไปอย่างรวดเร็ว ก่อนจะรีบวิ่งเข้าห้องน้ำและปฏิบัติภารกิจส่วนตัวอย่างว่องไว ชุดยูนิฟอร์มหญิงสีฟ้าอ่อนตามด้วยป้ายชื่อพนักงานถูกหยิบขึ้นสวมใส่ ผมยาวถูกมันไว้อย่างลวกๆ เธอรีบวิ่งออกจากห้องอย่างรวดเร็วโดยไม่ลืมหยิบหมวกกันน็อคคู่ใจ

                ฝนที่เทลงมาอีกตอนเช้ามืดทำให้ลานจอดรถของคอนโดสูงแปดชั้นซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการของบริษัทเฮือนฮอมฮักเจิ่งนองไปด้วยแอ่งน้ำถึงแม้ว่าฝนจะหยุดตกไปแล้วก็ตาม

                “ไอ้ต้วมเตี้ยมเอ้ย แกจะมารวนอะไรตอนนี้ ฉันรีบไปทำงานอยู่นะเว้ย” เจ้าของรถเต่ารุ่นคุณปูไฟท้ายแตกบ่นกระปอดประแปด

                 “สัญญาว่าเย็นนี้จะพาไปทำตา จะทำให้หล่อเหมือนเดิมเลย แต่ช่วยเป็นติดหน่อยได้ไหม” หากเจ้าเต่าทองเหล็กคันนี้ฟังภาษาคนรู้เรื่องก็คงดี หลังจากที่ใช้ความพยายามสตาร์ทรถอยู่นานแต่ไม่เป็นผล สุดท้ายก็ต้องเปิดกระโปรงหลังรถเพื่อตรวจเช็คเครื่องในเจ้าเต่าทองหลังตุง

                 ในขณะที่ร่างสูงกำลังก้มๆ เงยๆ ตรวจดูสภาพเครื่องยนต์อยู่นั้นเอง จู่ๆ เขาก็ต้องผงะเมื่อรับรู้ได้ถึงความเย็นของสายน้ำที่กระเด็นมาโดนเสื้อและกางเกงจนเปียก เขารีบหันหน้าไปมองและตะโกนตามมอเตอร์ไซค์ตัวการ
    
              “เฮ้ นี่คุณ เฮ้” แต่เสียงที่ตะโกนไปนั้นคงดังไม่เพียงพอ หรือเจ้าของมอเตอร์ไซค์คันดังกล่าวไม่สนใจจะรับผิดชอบต่อความผิดที่ได้สร้างขึ้น สายตาคมสวยจ้องมองไปยังป้ายทะเบียนรถ แล้วได้แต่กัดฟันด้วยความหงุดหงิด
    
             “ยายนักมวย....”
    
    
    
    
ปล.  จขกท เปลี่ยนชื่อเรื่องนะคะ จากครั้งที่แล้วมีเพื่อนสมาชิกพันทิปแนะนำว่าขื่อเรื่องดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ซึ่ง จขกท ก็เห็นด้วยเลยไปนั่งคิดนอนคิด จนในที่สุดก็ได้ชื่อใหม่มา ที่ใช้ชื่อนี้เพราะพระเอกเป็นทายาทบริษัทธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ค่ะ และนางเอกก้ทำงานที่นี่ด้วย
ชื่อเดิม A millionaire's girlfriend เปลี่ยนเป็น "โครงการรักที่พักใจ" ขอขอบคุณ คุณป้าทุยบ้านทุ่ง อีกครั้งค่ะ

ปล. 2  ยังไงอ่านตอนนี้แล้วก็ช่วยแนะนะวิจารณ์ด้วยนะคะ จขกท จะได้นำไปปรับปรุงนิยายตัวเองให้ดียิ่งขึ้นค่ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่