[นิยาย] A Millionaire’s Girlfriend ตอนที่ 2 ( รบกวนช่วยวิจารณ์ด้วยนะคะ) (นักเขียนมือสมัครเล่น)

กระทู้สนทนา

A Millionaire’s Girlfriend
บทที่ 2
ภาระกิจพิชิตกิ๊ก



            แสงไฟหลากสีส่องประกายวูบวาบราวกับเริงระบำไปกับเสียงเพลงจังหวะคึกคักขับให้บรรยากาศสลัวให้ดูเร้าร้อนขึ้น นักท่องราตรีต่างโยกย้ายเรือนร่างไปตามจังหวะดนตรีกันอย่างเมามันด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์หลากชนิด ณ มุมหนึ่งของผับ กรวิชช์และมณฑิตากำลังนั่งคลอเคลียกันอย่างสนิทสนม

          “มณนึกว่าคืนนี้พี่วิชช์จะไม่ออกมาพบมณซะแล้ว” มณฑิตายกแขนขึ้นโอบรอบคอชายหนุ่มคู่ควงไว้อย่างหลวมๆ

          “ทำไมมณถึงคิดอย่างนั้นละคะ พี่คิดถึงมณมากขนาดไหนมณไม่รู้เหรอ” กรวิชช์จ้องตาคู่สวยด้วยแววตาหยาดเหยิ้ม ก่อนจะค่อยๆ เลื่อนใบหน้าลงไปจูบไหลเปลือยของหญิงสาว

          “มณรู้ค่ะ แต่มณกลัวว่าเจ้าของพี่เขาจะไม่ยอมให้มาน่ะสิคะ”

           “อย่าพูดแบบนี้อีก พี่เคยบอกแล้วใช่ไหม ว่าเวลาอยู่กับพี่อย่าพูดถึงผู้หญิงคนอื่น” ชายหนุ่มช้อนใบหน้าของหญิงสาวขึ้นจ้องตาของตนเอง “และนี่คือการลงโทษ” ริมฝีปากอวบอิ่มถูกประกบด้วยริมฝีปากเรียวบางอย่างเร้าร้อน

           ฉากรักระหว่างนักแสดงหนุ่มสาวถูกจับจ้องดวงตาคู่สวยที่บัดนี้เอ่อล้นไปด้วยน้ำตา นี่เป็นครั้งที่สามที่เธอจับได้ว่าคนรักของตัวเองนอกใจ แต่ไม่เคยมีครั้งไหนที่เธอจับได้คาหนังคาเขาขนาดนี้ ความเจ็บปวดจากการโดนคนรักหักหลังซ้ำแล้วซ้ำเล่าทำให้ลลนารู้สึกเหมือนมีเข็มนับพันนับหมื่นเล่มทิ่มแทงหัวใจ มือบางยกขึ้นเช็ดคราบน้ำตา ในขณะที่เท้าขยับก้าวเดินไปข้างหน้าแต่ลลนาต้องชะงักเมื่อแขนของเธอถูกรั้งไว้โดยรุ่นพี่ที่ยืนอยู่ข้างๆ

             “พี่ฝน ปล่อยน้ำ”

             “ไม่ น้ำ...ใจเย็นๆ เย็นไว้ก่อนลูก เย็นไว้ก่อน” พกาวรรณกระชับแขนรุ่นน้องแน่นขึ้น
    “ปล่อย พี่ฝน น้ำบอกให้ปล่อยน้ำ”

               “ไม่”
           ไอ้รัน ทำไมยังมาไม่ถึงซักทีนะ

               พกาวรรณกระชับแขนรุ่นน้องแน่นขึ้น ภาวานาในใจขอให้หญิงสาวที่เธอโทรศัพท์ไปตามตัวเดินทางมาถึงโดยเร็ว

              “ถ้าพี่เป็นน้ำพี่จะเย็นไหวไหม” พกาวรรณหยุดคิดชั่วครู่ก่อนจะส่ายศีรษะถี่ๆ “เพราะงั้น ปล่อยแขนน้ำเดียวนี้” ลลนามองหน้ารุ่นพี่เขม็ง นิ้วมือที่เกาะกุมท่อนแขนของคนตัวสูงกว่าไว้แน่นค่อยๆ คลี่ออก

               น้ำก้าวเดินเข้าไปหาชายหนุ่มหญิงสาวที่กำลังพลอดรักกันตรงหน้าอย่างช้าๆ ก่อนจะหยุดตรงหน้าของคนทั้งสองที่ไม่ได้รับรู้ถึงการมาเยือนของใครบางคน ลลนาก้มลงกระชากผมหญิงสาวแล้วตบลงบนใบหน้าของเธออย่างแรง แรงจนฝ่ายที่ถูกตบรับรู้ได้ถึงรสชาติความคาวของเลือด
    
             กรวิชช์ที่ผงะด้วยความตกใจ รวบรวมสติได้ทันรีบโอบตัวแฟนสาวของตนจากด้านหลังของเธอไว้แน่นก่อนที่ฝ่ามือเรียวบางจะฝากรอยที่ระลึกไว้บนใบหน้าคู่ขาของตนเป็นครั้งที่สอง

                 “ทำอะไรลงไปรู้ตัวไหมน้ำ” ลลนาสลัดออกจากอ้อมแขนของชายหนุ่ม เธอหันไปจ้องตาเขาอย่างเหลืออด

                 “รู้สิ ทำไมจะไม่รู้ล่ะ น้ำก็แค่ตบสั่งสอนพวกชอบยุ่งกับคนของคนอื่นไง” ดวงตาคู่สวยจ้องมองชายคนรักด้วยแววตาขุ่นเคือง      

                 “แต่น้ำทำเกินไปแล้วนะ”

                  “ทำเกินไปงั้นเหรอ พี่วิชช์หยุดพูดไปเลยดีกว่านะ กับพี่น่ะน้ำจะคิดบัญชีทีหลัง” แต่ตอนนี้ขอจัดการกับแมวขโมยตัวนี้ก่อนละกัน ลลนาเดินตรงไปยังหญิงมณฑิตาอีกครั้งแต่ก็ต้องชะงักเมื่อถูกรั้งโดยแขนแกร่งของกรวิชช์
    
                “พอซักทีเถอะน้ำ ไม่อายคนอื่นบ้างรึไง” เมื่อลลนากวาดสายตามองไปยังบริเวณนอบๆ ก็พบว่าตนเองถูกจับตามองนักท่องราตรีทั้งชายหญิงหลายสิบชีวิต

                    “ทำไมน้ำจะต้องอายด้วย คนที่ต้องอายควรจะเป็นพี่กับผู้หญิงหน้าหนาคนนั้นต่างหาก” ลลนาตวัดสายตากลับไปจ้องมองหญิงสาวหุ่นเย้ายวนตรงหน้าด้วยสายตาชิงชัง เธอพยายามสะบัดตัวให้หลุดจากการเกาะกุมของชายหนุ่มแต่ไม่เป็นผล
    
                “ปากดีนักนะ” มณฑิตาก้าวเดินเข้ามาหาลลนาอย่างช้าๆ “ฉันชักอยากจะรู้แล้วล่ะสิ ว่าระหว่างหน้าเธอกับหน้าฉัน หน้าใครมันจะหนากว่ากัน” พูดจบหญิงสาวก็ฝากรอยประทับไว้บนหน้าเรียวสวยนั้นสุดแรง พกาวรรณที่ยืนอยู่มาไกลรีบเข้ามาดึงตัวมณฑิตาให้ออกห่างจากเพื่อนรุ่นน้องของเธอ แต่ก็ไม่เป็นผลนักเมื่อเธอตัวเล็กกว่ามณฑิตามาก ลลนาเองก็หลุดจากการเกาะกุมของแฟนหนุ่ม เมื่อต่างฝ่ายต่างเป็นอิสระสองสาวจึงเปิดศึกตบกันอุตลุด ถึงแม้พกาวรรณและกรวิชช์จะพยายามห้ามทัพขนาดไหนแต่ก็ต้องโดนลูกหลงจนเจ็บตัวไปพอๆ กัน

                     ปุณยภาพยายามแทรกตัวฝ่าวงล้อมกลุ่มไทยมุงเข้ามาจนถึงตัวของผู้ก่อเหตุทั้งสองคน เธอรีบเดินตรงไปยังคนทั้งคู่ หญิงสาวร่างอวบรวบรวมแรงทั้งหมดที่มีคว้าตัวมนฑิตาที่กำลังนั่งคร่อมอยู่บนร่างของลลนาเอาไว้แล้วออกแรงเหวี่ยงจนมนฑิตาเซถลาไปด้านข้าง

                      “หยุด พอได้แล้ว ฉันขอเตือนไว้ก่อนเลยนะ ทั้งสองคนเลย ถ้าไม่หยุดละก็ ฉันจัดชุดใหญ่ให้แน่” ปุณยภาชี้นิ้วเป็นเชิงปรามไปยังหญิงสาวทั้งสองคน ถ้าอยู่ในอารมณ์ปกติเธอคงไม่โหดขนาดนี้ แต่เพราะเรื่องวุ่นๆ ที่เกิดขึ้น ทำให้ระบบความคิดของเธอรวนไปหมด

                      “ทำไมมาช้าจังยายรัน พี่โทรไปหาตั้งนาน แล้วนี่แขนไปโดนอะไรมา” พกาวรรณเอ่ยถามสาวพลังช้าง (นางเอกเคืองนะคะ มาว่าฉันเป็นสาวพลังช้าง ฮ่าๆ)

                       “พอดีมีเรื่องนิดหน่อยน่ะพี่” ปุณยภาเอ่ยขึ้นขณะพยุงเพื่อนสนิทให้ลุกขึ้นยืน ดูจากสภาพแล้วรุ่งริ่งไม่ต่างจากคู่กรณีซึ่งตอนนี้อยู่ในอ้อมแขนของกรวิชช์ซักเท่าไหร่

                       “แกไม่น่าทำแบบนี้เลยนะ แค่ผู้ชายคนเดียวมีค่าให้แกต้องเปลืองตัวขนาดนี้เลยหรอ” น้ำมองหน้าเพื่อนรักด้วยน้ำตานองหน้า เพราะว่าโกรธจนขาดสติจึงทำให้เธอลงมือทำเรื่องงี่เง่าแบบนี้

                       “แล้วแกจะเอายังไงต่อไป”
                   ลลนาหันหน้าไปมองหนุ่มคนรักที่กำลังประคองกอดหญิงสาวคู่ขาของเขา
          
                     “ฉันพอแล้วล่ะ ฉันเจ็บมามากพอแล้ว จากนี้จะไม่มีคำว่าเราอีกต่อไป” ลลนาพยายามเอ่ยคำพูดอย่างช้าๆ ชัดถ้อยชัดคำ

                       “ดีแล้วล่ะ ไม่เป็นไรนะ ฉันอยู่ข้างแกเสมอ” ฉันรอวันนี้ของแกมานานมากละ วันที่แกจะได้หลุดพ้นจากผู้ชายเส็งเคร็งแบบนี้สักที ปุณยภากอดให้กำลังใจเพื่อนสนิทหวังว่าอ้อมกอดคงทำให้เพื่อนรู้สึกมีกำลังใจขึ้นมาบ้าง

                       “น่าประทับใจจริงนะ” น้ำเสียงประชดประชันที่ดังขึ้นเรียกความสนใจของเพื่อนสนิทให้คลายอ้อมแขนแล้วหันกลับไปมอง “อย่างไงก็ตาม ฉันก็ต้องขอบใจเธอนะที่รู้ตัวว่าควรจะออกไปจากชีวิตของเราสองคนสักที ของเก่าๆ คนเก่าๆ ยิ่งอยู่นานก็ยิ่งผุยิ่งพัง”

                    ปุณยภาถึงกับต้องเป่าลมออกปากเพื่อระงับอารมณ์ แต่ก็เหมือนไม่ได้ช่วยอะไรเท่าไหร่ คืนนี้เธอคงเจอเรื่องวุ่นวายเยอะมากเกินไป “ของเก่าเก็บบางชิ้นยิ่งเก็บไว้นานยิ่งมีคุณค่า แต่ของของเล่นใหม่ๆ สีสันสดใสแต่เน่าในบางชิ้นนี่สิ แค่เพียงเฉียดเข้าใกล้กลิ่นคาวเน่าเหม็นยังติดตัวเลย ไม่มีคุณค่า ไม่มีราคา ไม่น่าจดจำ”

                       “นี่แกว่าฉันเหรอ”

                    “เฮอะ พูดตรงขนาดนี้ คนมีสมองเขาคงฟังเข้าใจ ไม่ต้องแปลความให้วุ่นวายหรอกนะ”

                       “นี่แก” มนฑิตาง้างมือทำท่าจะเดินไปหาปุณยภา แต่ก็ต้องชะงัก เมื่อถูกเป้าหมายชี้หน้ากลับ

                       “เข้ามาสิ แล้วอย่าหาว่าฉันไม่เตือนนะ”
    
                    “พี่วิชช์คะ ช่วยมณด้วยสิคะ” หญิงสาวเดินเข้าไปกอดแขนออดอ้อนชายคนรัก

                    “นี่แหวนของพี่ เอาคืนไปซะ แล้วจากนี้ถือว่าเราเลิกแล้วต่อกัน อย่าพบ อย่าเจอ อย่ามาข้องเกี่ยวกันอีก” ลลนาถอดแหวนแทนใจที่กรวิชช์เคยมอบให้กับเธอ ก่อนจะโยนมันไปให้กับชายหนุ่ม

                        “ไม่นะน้ำ พี่ไม่ยอมนะ น้ำจะทำกับพี่แบบนี้ไม่ได้” กรวิชช์ผละตัวออกจากมณฑิรา ก่อนจะเดินเข้าไปหาลลนา แต่ก็ถูกปุณยภาขวางทางไว้

                        “อย่ามายุ่งกับเพื่อนของรันอีก ปล่อยเพื่อนรันไปเถอะ รันขอละ”

                    “นี่เป็นเรื่องของพี่กับน้ำ แค่สองคน คนนอกอย่างเธอไม่เกี่ยว อย่ามายุ่ง” กรวิชช์ออกแรงผลักสาวร่างอวบให้พ้นทาง ก่อนจะเอื้อมมือดึงลลนาเข้ามากอดไว้ในอ้อมแขน

                        “พี่ขอโทษน้ำ พี่จะไม่ทำอย่างนี้อีกแล้ว พี่รักน้ำมาก ยกโทษให้พี่เถอะนะ”

                         “คนรักกันเค้าไม่ทำร้ายกันแบบนี้หรอก ปล่อยน้ำเดี๋ยวนี้นะ น้ำบอกให้ปล่อยไง” ลลนาพยายามสะบัดตัวให้หลุดพ้นจากอ้อมกอดของชายหนุ่ม แต่ยิ่งเธอดิ้นแรงมากเท่าไหร่ อ้อมแขนของเขายิ่งรัดแรงมากขึ้นเท่านั้น
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่