ลองเขียนนิยายครั้งแรก ช่วยวิจารณ์ทีค่ะ Millionaire’s Girlfriend (บทนำ)

กระทู้สนทนา
Millionaire’s Girlfriend
                                                                         บทนำ (แรกพบ)

           สายฝนคะนองหนักหน่วงเมื่อยามค่ำเริ่มอ่อนแรงลง กลายเป็นเพียงละอองน้ำพร่างพรมพริ้วตามสายลมเหน็บหนาว ไม่บ่อยนักที่ฝนจะตกในช่วงฤดูที่แสนเหน็บหนาวเช่นนี้ สายฝน ความหนาว และเพลงเศร้าถูกบรรเลงขับกล่อมเพลงแล้วเพลงเล่าด้วยเสียงใสกังวาน หากหลับตาฟังเสียงเพลงที่บรรเลงขับกล่อมอยู่ในขณะนี้ภาพในจิตนาการของผู้คนส่วนมากก็คงจะเห็นเป็นหญิงสาวร่างสูงบาง หน้าตาน่ารักน่าทะนุถนอม หากแต่ความเป็นจริงแล้ว...

               ‘ไอ้รัน เสียงแกนี่มันทรยศหน้าตาจริงๆ เลยว่ะ’ เสียงหยอกเย้ายั่วกลั้วหัวเราะชวนให้หงุดหงิดจากชายหนุ่มร่างสูงโปรงในชุดนักศึกษาเอ่ยขึ้นหลังจากฟังเสียงเพลงที่ขับร้องโดยเพื่อนสนิทร่างอวบของเขา

                ‘เป็นไง คิดว่าจะผ่านไหม’ ปุณยภาเพิกเฉยต่อการหยอกเย้าของเพื่อนสนิท จะว่าเธอชินกับพฤติกรรมของเขาก็ว่าได้ ใช่เธอไม่ใช่คนสวย ไม่ได้บอบบางตามสมัยนิยม โอเค น้ำหนักเธออาจจะเกินค่ามาตรฐาน BMI มาซักหน่อย แต่แล้วยังไงล่ะ ตราบใดที่เธอยังมีความสุขกับการดำเนินชีวิตในแต่ละวัน เรื่องของรูปลักษณ์ภายนอกย่อมไม่มีผลต่อจิตใจของเธอ ในเมื่อเธอเองก็ไม่ใช่ผู้หญิงรักสวยรักงามอะไรอยู่แล้ว
        
                ‘ก็อาจจะได้อะนะ เสียงแกก็ถือว่าใช้ได้ พี่เต้เค้าอาจจะรับแกเข้าทำงานนะ’ ปริวัตถ์เหยียดยิ้มอย่างมีเสศนัย ‘แต่เวลาแกร้องเพลงบนเวทีเนี่ย พี่เค้าคงต้องจัดไฟบนเวทีให้สะหลัวๆ หน่อยนะ เพราะนักร้องแบบ...’

               โป้ก!!!

                ‘โอ๊ย!!’ ชายหนุ่มรีบกุมศีรษะตัวหลังจากโดนหมัดปริศนา

                ‘สมน้ำหน้า กวนโมโหดีนัก’ เจ้าของหมัดปริศนาเอ่ยพร้อมส่งค้อนวงกว้างให้กับชายหนุ่ม ‘เสียงแกเพราะขนาดนี้ พี่เต้เค้าไม่ปฏิเสธแกแน่ เชื่อฉันสิ’ ปุณยภายิ้มตอบยิ้มกว้างจากเพื่อนสาวร่างบางที่ส่งมาให้   
  
               ‘ยายปีศาจ’ ใบหน้าสวยหวานหันขวับไปทางต้นเสียงที่ทำหน้ายียวนชวนให้ปล่อยหมัดอีกรอบ

                ‘หรือจะเอา หะ’ ไม่พูดเปล่า ลลนาเตรียมง้างหมัดขึ้นอีกรอบ ดีที่กรรมการห้ามไว้ได้ทัน

                ‘พอๆ พอได้แล้ว เธอสองคนนี่นะ เจอกันเมื่อไหร่เป็นต้องเปิดศึกกันทุกทีสิน่า’ สาวร่างอวบได้แต่ถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย ปีกว่าแล้วนับตั้งแต่ทั้งสามคนเจอกัน ณ มหาวิทยาลัยแห่งนี้ ทั้งที่ทั้งสามคนต่างเรียนกันคนละคณะ แต่กลับมาเป็นเพื่อสนิทกันเพราะว่าลงเรียนวิชาเดียวกันและเจอกันในวันแรกของการเปิดภาคเรียน หนุ่มวิศวะปากจัดกับสาวมนุษย์จีนหมัดหนักมักจะเปิดศึกกันทุกครั้งที่โอกาสเอื้ออำนวย ไม่รู้เป็นอะไร ปุณยภาเลยได้แต่โทษเวรกรรมที่นำพาเพื่อนรักสองคนของเธอให้มาเจอกับ เจ้ากรรมนายเวรงั้นเหรอ อาจจะใช่

                 เพลงแล้วเพลงเล่าถูกบรรเลงขับกล่อมแขกในร้านอาหารพื้นเมืองชื่อดังในจังหวัดเชียงใหม่ เสียงกีตาร์คลาสสิคและเสียงกังวานใสของหญิงสาวร่างอวบหยุดลง นี้คือเพลงสุดท้ายของเธอในค่ำคืนนี้  เสียงปรบมือจากแขกทั้งร้านดังขึ้น หญิงสาวยิ้มรับพร้อมกับยกมือไหว้ขอบคุณอย่างนอบน้อม เธออาจไม่ใช่คนสวยจนเด่นสะดุดตา แต่ยามเธออยู่บนเวที เสียงร้องพร้อมรอยยิ้มใสซื่อก็มีเสน่ห์อยู่ไม่น้อย

                “ฝีมือไม่ตกเลยนะ” เตชินหรือพี่เต้เจ้าของร้านเอ่ยชมนักร้องเก่าประจำร้านอาหารของตน

                “ตอนแรกคิดว่าจะไม่รอดซะแล้ว ฮ่าๆ ไม่ได้ร้องตั้งนาน ตื่นเต้นเหมือนกันนะเนี้ย ใจงี้เต้นตึกๆๆๆ” หญิงสาวเอ่ยกลั้วหัวเราะ กว่าสองปีแล้วตั้งแต่เธอเรียนจบและได้ทำงานในบริษัทเฮือนฮอมฮัก บริษัทในเครือบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง SM Cooperation ซึ่งประกอบธุรกิจประเภท ค้าอสังหาริมทรัพย์ โดยขายบ้านจัดสรรพร้อมที่เป็นส่วนใหญ่โครงการที่ทำจะเป็นโครงการในกรุงเทพและจังหวัดอื่นๆ ทั่วประเทศ จึงทำให้เธอไม่มีเวลาว่างมากพอสำหรับการรับจ๊อบร้องเพลงที่ร้านอาหารแห่งนี้อีกเลย

                “ยังไงพี่ก็ต้องขอบใจรันมากนะ ถ้าวันนี้ไม่ได้รันมาช่วยร้องเพลงให้ล่ะ พี่แย่แน่เลย” เพราะนักร้องประจำร้านเกิดอุบัติเหตุขึ้นเมื่อตอนหัวค่ำ จึงทำให้เจ้าของร้านต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้าโดยการขอร้องปุณยภาให้มาทำหน้าที่แทน และเธอก็ไม่เคยทำให้เค้าผิดหวังเลยสักครั้ง

               “โอ๊ะ ขอบใจอะไรกันพี่ คนกันเอง เมื่อก่อนถ้ารันไม่ได้ทำงานที่นี้ ก็แย่เหมือนกันนะ” รอยยิ้มใสซื่อถูกส่งออกไปยังคนฟัง เธอมาทำงานที่ร้านนี้ตั้งแต่ช่วงปีสองเทอมสอง หลังจากทำงานว่างจากการเรียนและรับสอนพิเศษตามบ้านลูกคนมีฐานนะทุกวันแล้ว ทุกคืนวันเสาร์ทุกคนมักจะได้พบเธอพร้อมกีตาร์คลาสสิคคู่ใจ ณ ร้านอาหารแห่งนี้เสมอๆ ทั้งที่เธอก็เติบโตขึ้นมาในครอบครัวชาวสวนฐานะปานกลาง มีพี่ชายเป็นข้าราชการถึงสองคน แถมเธอยังได้ทุนเรียนอีกด้วย ไม่จำเป็นจะต้องทำงานพิเศษแบบนี้เลย

                ‘รันไม่เห็นจะต้องทำงานเยอะขนาดนี้เลยนะ เรียนก็หนักแถมยังต้องรักษาเกรดอีก ไม่เหนื่อยบ้างรึไง’ ลลนาเคยเอ่ยคำพูดนี้กับเธอ ‘เราแค่ชอบทำงานน่ะ เวลาเห็นยอดเงินในบัญชีเพิ่มขึ้น เรามีความสุขมากเลยล่ะ เหมือนขี้งกเนอะ ฮ่าๆ’ สมกับเป็นสาวบริหาร เธอบริหารทั้งเงินและเวลาได้อย่างคุ้มค่าเสมอตลอดระยะเวลาที่เรียนในรั้วมหาวิทยาลัย จนจบมหาวิทยาลัยพร้อมด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง บริษัทหลายแห่งยื่นข้อเสนอให้เธอไปทำงานด้วย แต่เธอเลือกที่จะทำงานบริษัทในเครือ SM Cooperation เจ้าของทุนการศึกษาที่เธอได้รับนั่นเอง

                หลังจากล่ำลาเจ้าของร้านเสร็จ หญิงสาวก็เตรียมตัวก้าวขึ้นขี่มอเตอร์ไซด์คู่กาย หากแต่เสียงโทรศัพท์มือถือกลับดังขึ้นเสียก่อน

                “หะ อะไรนะ โอ๊ยให้ตายเถอะพี่ฝน ไอ้พี่วิชช์มันก่อเรื่องอีกแล้วเหรอ” ปุณยภาถอดหายใจแรงด้วยความเหน็ดหน่าย “ได้ๆ รันจะรีบไปที่นั้นเดี๋ยวนี้เลย พี่ห้ามน้ำไว้ก่อนนะ อย่าพึ่งให้น้ำเข้าไปข้างในนะ” หญิงสาวรีบบิดมอเตอร์ไซด์เร่งความเร็วเร่งไปให้ถึงที่หมายก่อนเพื่อนสาวเลือดร้อนของเธอจะแผลงฤทธิ์จัดการแฟนตัวแสบและคู่ขาคนใหม่ของเขา หวังว่าครั้งนี้เธอจะไม่ต้องทำหน้าที่เป็นกรรมการห้ามมวยระหว่างลลนาและกรวิชช์ จะเรียกว่าเป็นคู่ชกก็คงไม่ถูกนักเพราะทุกครั้งกรวิชช์จะยืนเป็นกระสอบทรายให้ลลนาได้ลงลงทัณฑ์เสียมากกว่า โชคดีที่ฝนหยุดตกแล้ว หากแต่ความเหน็บหนาวกลับไม่ลดดีกรีลงแม้แต่น้อย ระยะทางแค่สี่กิโลเมตรจากร้านอาหารไปถึงผับเป้าหมายอาจดูเหมือนไม่ไกลกันนัก แต่ในสภาพอากาศแบบนี้แล้วเธอกลับรู้สึกว่ามันช่างไกลเหลือเกิน
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่