
สัวสดีรอบบ้านค่ะญาติๆซวี่
มาแล้วค่ะหลังจากดองไว้หลายวันถึงเวลานำมาเปิดบ้านใหม่ค่ะ บ้านข้างล่างร้อยเร็วเหลือเกินน่ายินดีมว้ากกก



บทสนทนาของหมอโหวกับซุปเปอร์สตาร์เพื่อนต่างวัย (ใครคือซุปตาร์คนนั้นก็เดากันเอง เห่ ๆ)
คุยกับดาราใหญ่คนหนึ่งในเรื่องแก่นแท้ของอาชีพนักแสดง
เขาว่า “ช่วงที่แล้วผมได้พบปะกับแฟนคลับที่ติดตามตัวเองมาสิบกว่าปี มีคนที่อายุมากๆขั้นคุณยาย และก็มีแฟนคลับที่ป่วยนั่งรถเข็นมาพบเขาด้วย คนที่ป่วยพอเจอเขาปั๊บก็ตื้นตันใจมาก บอกกับเขาว่า ระหว่างที่ป่วยอยู่นั้น สิ่งที่ช่วยปลอบประโลมใจเธอมากที่สุดก็คือดูละครที่ผมแสดง เธอบอกว่า สามารถมาได้เห็นผม รู้สึกว่าอาการเจ็บป่วยเหมือนจะหายเป็นปลิดทิ้งเลย ผมยืนฟังแฟนคลับพูดแบบนั้นอยู่บนเวที คิดในใจว่าตัวเองมีดีมีความสามารถอะไรหรือ ถึงให้ความรู้สึกแบบนั้นกับคนอื่นได้ ตัวเองก็ตื้นตันใจจนน้ำตาแทบจะไหล บอกตามตรงนะ ช่วงนาทีตรงนั้นผมรู้สึกว่าเป็นช่วงนาทีที่สวยงามที่สุดในอาชีพนักแสดง”
ผมว่า “นี่ก็คือแก่นแท้ของอาชีพนักแสดงไง”
“แก่นแท้?”
“การนำความสุขให้กับคนอื่นก็คือ慈 การลดความทุกข์ให้กับคนอื่นก็คือ悲 “慈悲” (สองตัวนี้รวมกันแปลว่าความเมตตากรุณาค่ะ ภาษาไทยไม่แข็งแรงกลัวแปลผิดความหมาย ตีความกันเองละกันนะ)

ดังนั้นอาชีพที่สามารถนำความสุขและลดความทุกข์ให้กับคนอื่นได้ ถือว่าเป็นอาชีพที่มีความเมตตากรุณา นี่เป็นอาชีพที่สุดวิเศษอาชีพนึงเลย”
“เมตตากรุณา?” เขาคิดอยู่ชั่วครู่ ทำท่าเหมือนได้ค้นพบดินแดนใหม่อย่างนั้นแหละ

(เปิ้นตั้นได้น่ารักนิ) “ที่ผ่านมาผมไม่เคยคิดอย่างนี้เลยอ่ะ ในแวดวงบันเทิงดูเหมือนคนมากมายคิดแต่เรื่องกอบโกยเงินทอง หรือมีชื่อเสียงโด่งดังสำคัญที่สุด ทุกคนมักชอบเปรียบเทียบกันไปมา”
“อาชีพนี้ การกอบโกยชื่อเสียงและเงินทองย่อมสำคัญแน่นอน แต่สามารถทำให้คุณทุ่มเทแบบไม่คำนึงถึงขาดทุนกำไร มีพลังผลักดันให้ก้าวไปข้างหน้าไม่หยุด อย่างนี้แล้วพลังเงินใหญ่กว่าหรือพลังเมตตากรุณาใหญ่กว่าล่ะ”
ดาราหย่ายคิดอยู่ชั่วครู่ “ผมไม่รู้หรอกว่าคนอื่นคิดยังไง แต่สำหรับผมแล้ว พลังความเมตตากรุณาใหญ่กว่า ถ้าหากคิดแต่จะกอบโกยเงินทอง รับงานต่อเนื่องไม่หยุดหย่อน ถึงสุดท้าย นานๆเข้าความกระตือรือร้นในการทำงานก็จะค่อยๆหมดไป คิดย้อนกลับมา พอคิดถึงตัวเอง สามารถมีโอกาสนำความเปลี่ยนแปลงสิ่งที่ดีขึ้นเหล่านี้ให้กับคนอื่นได้ จะรู้สึกมีพลังผลักดันอย่างหนึ่งเกิดขึ้น รู้สึกว่าตัวเองต้องขยันมากยิ่งขึ้น ทำตัวเองให้ดียิ่งขึ้น” (แค่นี้ก็ดีเหลือล้นแล้วจ้า)

“ทำแบบนี้ก็ถูกต้องแล้ว” ผมพูด “เพราะโลกของจิตวิญญานไม่เหมือนโลกของวัตถุ เมื่อให้คนอื่นไปตัวเองก็หมด แต่พลังของโลกจิตวิญญาณ คุณให้คนอื่นยิ่งมาก ตัวเองก็ยิ่งได้กลับมามาก นี่ก็คือความอุดมของโลกจิตวิญญาณ เป็นกติกาสำคัญที่สุดในเกมส์ไงล่ะ.
“เมตตากรุณา......” เขาพูดย้ำอีกครั้ง ยิ้มออกมาเหมือนได้รับของรางวัลอย่างนั้นแหละ “ผมไม่เคยคิดเลยจริงๆ ว่าตัวเองจะโชคดีขนาดนี้ ทำงานที่มีเมตตากรุณาแบบนี้เลยอ่ะ” (ตานี่น่ารักได้อีก)
ผมหัวเราะ ที่จริงขอแค่ใส่ใจกับงานที่ตัวเองทำ แก่นแท้ของงานที่พวกเราทุกคนทำอยู่ ล้วนมีเมตตากรุณาทั้งนั้น ข้อสรุปสุดท้ายผมไม่ได้พูดกับซุปตาร์ท่านนั้น ผมคิดในใจว่า ยังไงผมก็ต้องเหลือความลับไว้บ้าง ไว้คุยกับเพื่อนๆFBของผมน่ะ
แปะรูปคนน่ารักประกอบหน่อย ชอบทรงผมนี้ที่สุดไม่ยาวไปไม่สั้นไป หล่ออออออ เห็นครั้งแรกตลึงตึ่งตึงเรย
คืนนี้หวั่นอันค่ะ

Let 's Talk About Jerry 22/8/2013 (บทสนทนาของหมอโหวกับซุปเปอร์สตาร์เพื่อนต่างวัย)
มาแล้วค่ะหลังจากดองไว้หลายวันถึงเวลานำมาเปิดบ้านใหม่ค่ะ บ้านข้างล่างร้อยเร็วเหลือเกินน่ายินดีมว้ากกก
บทสนทนาของหมอโหวกับซุปเปอร์สตาร์เพื่อนต่างวัย (ใครคือซุปตาร์คนนั้นก็เดากันเอง เห่ ๆ)
คุยกับดาราใหญ่คนหนึ่งในเรื่องแก่นแท้ของอาชีพนักแสดง
เขาว่า “ช่วงที่แล้วผมได้พบปะกับแฟนคลับที่ติดตามตัวเองมาสิบกว่าปี มีคนที่อายุมากๆขั้นคุณยาย และก็มีแฟนคลับที่ป่วยนั่งรถเข็นมาพบเขาด้วย คนที่ป่วยพอเจอเขาปั๊บก็ตื้นตันใจมาก บอกกับเขาว่า ระหว่างที่ป่วยอยู่นั้น สิ่งที่ช่วยปลอบประโลมใจเธอมากที่สุดก็คือดูละครที่ผมแสดง เธอบอกว่า สามารถมาได้เห็นผม รู้สึกว่าอาการเจ็บป่วยเหมือนจะหายเป็นปลิดทิ้งเลย ผมยืนฟังแฟนคลับพูดแบบนั้นอยู่บนเวที คิดในใจว่าตัวเองมีดีมีความสามารถอะไรหรือ ถึงให้ความรู้สึกแบบนั้นกับคนอื่นได้ ตัวเองก็ตื้นตันใจจนน้ำตาแทบจะไหล บอกตามตรงนะ ช่วงนาทีตรงนั้นผมรู้สึกว่าเป็นช่วงนาทีที่สวยงามที่สุดในอาชีพนักแสดง”
ผมว่า “นี่ก็คือแก่นแท้ของอาชีพนักแสดงไง”
“แก่นแท้?”
“การนำความสุขให้กับคนอื่นก็คือ慈 การลดความทุกข์ให้กับคนอื่นก็คือ悲 “慈悲” (สองตัวนี้รวมกันแปลว่าความเมตตากรุณาค่ะ ภาษาไทยไม่แข็งแรงกลัวแปลผิดความหมาย ตีความกันเองละกันนะ)
“เมตตากรุณา?” เขาคิดอยู่ชั่วครู่ ทำท่าเหมือนได้ค้นพบดินแดนใหม่อย่างนั้นแหละ
“อาชีพนี้ การกอบโกยชื่อเสียงและเงินทองย่อมสำคัญแน่นอน แต่สามารถทำให้คุณทุ่มเทแบบไม่คำนึงถึงขาดทุนกำไร มีพลังผลักดันให้ก้าวไปข้างหน้าไม่หยุด อย่างนี้แล้วพลังเงินใหญ่กว่าหรือพลังเมตตากรุณาใหญ่กว่าล่ะ”
ดาราหย่ายคิดอยู่ชั่วครู่ “ผมไม่รู้หรอกว่าคนอื่นคิดยังไง แต่สำหรับผมแล้ว พลังความเมตตากรุณาใหญ่กว่า ถ้าหากคิดแต่จะกอบโกยเงินทอง รับงานต่อเนื่องไม่หยุดหย่อน ถึงสุดท้าย นานๆเข้าความกระตือรือร้นในการทำงานก็จะค่อยๆหมดไป คิดย้อนกลับมา พอคิดถึงตัวเอง สามารถมีโอกาสนำความเปลี่ยนแปลงสิ่งที่ดีขึ้นเหล่านี้ให้กับคนอื่นได้ จะรู้สึกมีพลังผลักดันอย่างหนึ่งเกิดขึ้น รู้สึกว่าตัวเองต้องขยันมากยิ่งขึ้น ทำตัวเองให้ดียิ่งขึ้น” (แค่นี้ก็ดีเหลือล้นแล้วจ้า)
“ทำแบบนี้ก็ถูกต้องแล้ว” ผมพูด “เพราะโลกของจิตวิญญานไม่เหมือนโลกของวัตถุ เมื่อให้คนอื่นไปตัวเองก็หมด แต่พลังของโลกจิตวิญญาณ คุณให้คนอื่นยิ่งมาก ตัวเองก็ยิ่งได้กลับมามาก นี่ก็คือความอุดมของโลกจิตวิญญาณ เป็นกติกาสำคัญที่สุดในเกมส์ไงล่ะ.
“เมตตากรุณา......” เขาพูดย้ำอีกครั้ง ยิ้มออกมาเหมือนได้รับของรางวัลอย่างนั้นแหละ “ผมไม่เคยคิดเลยจริงๆ ว่าตัวเองจะโชคดีขนาดนี้ ทำงานที่มีเมตตากรุณาแบบนี้เลยอ่ะ” (ตานี่น่ารักได้อีก)
ผมหัวเราะ ที่จริงขอแค่ใส่ใจกับงานที่ตัวเองทำ แก่นแท้ของงานที่พวกเราทุกคนทำอยู่ ล้วนมีเมตตากรุณาทั้งนั้น ข้อสรุปสุดท้ายผมไม่ได้พูดกับซุปตาร์ท่านนั้น ผมคิดในใจว่า ยังไงผมก็ต้องเหลือความลับไว้บ้าง ไว้คุยกับเพื่อนๆFBของผมน่ะ
แปะรูปคนน่ารักประกอบหน่อย ชอบทรงผมนี้ที่สุดไม่ยาวไปไม่สั้นไป หล่ออออออ เห็นครั้งแรกตลึงตึ่งตึงเรย
คืนนี้หวั่นอันค่ะ