เดือนก่อนพึ่งมีเด็กน้อยมัธยมมาขอเปิดบิลเกินราคากับผม เมื่อวานนี้มีมาอีกแล้วหนักกว่าเก่าอีก!!
เมื่อวานหลังจากเลิกงานผมก็กลับบ้านช่วยงานที่ร้านเครื่องเขียน ผมนั่งอยู่หน้าเคาท์เตอร์คิดเงิน
ส่วนภรรยาผมนั่งดูทีวีอยู่หลังเคาท์เตอร์คิดเงิน พักหนึ่งก็ลูกค้ารายหนึ่งเดินเข้ามา
ลูกค้ารายนี้เป็นผู้หญิง อายุราวสี่สิบกว่าๆ เดินวนไปวนมาอยู่ในร้านพักหนึ่ง
หลังจากนั้นแกก็เดินมาคุยกับผม
ลูกค้า : ร้านพึ่งเปิดเหรอ? ไม่เคยเห็น
ผม : ครับ ... พึ่งเปิดได้สามเดือน
ลูกค้า : พี่ทำงานอยู่ที่ xxx ... พี่ซื้อพวกสินค้าเครื่องเขียนแบบนี้เยอะ
ปกติซื้ออยู่ในเมือง แต่มันไกลก็เลยอยากจะมาซื้อที่นี่
ผม : ยินดีครับผม
ลูกค้า : แต่ปกติพี่ซื้อเครดิตนะ
ผม : เหรอครับ อืมมมมมมมห์
ลูกค้า : ไม่ยากหรอก . . . แต่ร้านในเมืองที่พี่ซื้อหน่ะ เขามีค่าน้ำร้อนน้ำชาให้พี่นะ
ผม : . . . . . .
ลูกค้า : ร้านน้องล่ะมีมั้ย? พี่จะได้ได้มาซื้อที่นี่ ใกล้ดี
ผม : เอ่อ คือ . . . . คงไม่ได้หรอกครับ
(ผมชี้มือไปที่ป้ายที่แปะไว้หลังคอมฯ “ไม่รับเปิดบิลเกินราคา”)
ลูกค้า : . . . . . . . (แกงงและนิ่งไปแป๊ปหนึ่งแล้วเริ่มก็ชักสีหน้า)
ลูกค้า : แต่ก็อย่างว่าล่ะ ปกติพี่หน่ะซื้อเยอะ ถ้าซื้อเครดิตที่นี่เยอะๆ
ร้านนี้เงินจะพอหมุนหรือเปล่าก็ไม่รู้เนอะ!!! (กล่าวจบแล้วก็เดินออกไป)
ผม : . . . . . . .
การเรียกรับสิบบนไม่ใช่เรื่องใหม่ในสังคมนี้ และ นี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมเจอ
คนคนนี้คงว่าทุกคนจะเป็นเหมือนเขา ที่
“ชอบคดโกง” อยู่เป็นนิจ
อีกทั้ง เธอคงจะโมโหเพราะโดนเด็กหนุ่มหักหน้าเธอเอาดื้อๆ แบบไม่ยั้งไมตรี
จึงพาลพาโลมาดูแคลนผม ซึ่งเป็นการแสดงออกถึงความรู้สึกนึกคิดของคนผู้นี้ได้เป็นอย่างดี
ฝากถึงผู้ประกอบการทุกท่าน ถ้า
“เลือกได้” อย่าทำเลยครับ ถูกผิดรู้อยู่แก่ใจ
การมีนอกมีในมันอาจจะทำให้ขายของได้ก็จริง ... แต่สำหรับผม มันไม่สบายใจ
ผมขอซื้อขายแบบตรงไปตรงมาดีกว่า สบายใจกว่ากันเยอะ!!! ถึงอย่างนั้น
ผมก็ยังมั่นใจว่า ...
ถึงร้านผมจะไม่ขายคนกลุ่มนี้ ร้านผมก็จะอยู่ได้!!!
ผมโดนเรียกรับสินบนและถูกแถมท้ายด้วยการดูแคลน!!!
เมื่อวานหลังจากเลิกงานผมก็กลับบ้านช่วยงานที่ร้านเครื่องเขียน ผมนั่งอยู่หน้าเคาท์เตอร์คิดเงิน
ส่วนภรรยาผมนั่งดูทีวีอยู่หลังเคาท์เตอร์คิดเงิน พักหนึ่งก็ลูกค้ารายหนึ่งเดินเข้ามา
ลูกค้ารายนี้เป็นผู้หญิง อายุราวสี่สิบกว่าๆ เดินวนไปวนมาอยู่ในร้านพักหนึ่ง
หลังจากนั้นแกก็เดินมาคุยกับผม
ลูกค้า : ร้านพึ่งเปิดเหรอ? ไม่เคยเห็น
ผม : ครับ ... พึ่งเปิดได้สามเดือน
ลูกค้า : พี่ทำงานอยู่ที่ xxx ... พี่ซื้อพวกสินค้าเครื่องเขียนแบบนี้เยอะ
ปกติซื้ออยู่ในเมือง แต่มันไกลก็เลยอยากจะมาซื้อที่นี่
ผม : ยินดีครับผม
ลูกค้า : แต่ปกติพี่ซื้อเครดิตนะ
ผม : เหรอครับ อืมมมมมมมห์
ลูกค้า : ไม่ยากหรอก . . . แต่ร้านในเมืองที่พี่ซื้อหน่ะ เขามีค่าน้ำร้อนน้ำชาให้พี่นะ
ผม : . . . . . .
ลูกค้า : ร้านน้องล่ะมีมั้ย? พี่จะได้ได้มาซื้อที่นี่ ใกล้ดี
ผม : เอ่อ คือ . . . . คงไม่ได้หรอกครับ
(ผมชี้มือไปที่ป้ายที่แปะไว้หลังคอมฯ “ไม่รับเปิดบิลเกินราคา”)
ลูกค้า : . . . . . . . (แกงงและนิ่งไปแป๊ปหนึ่งแล้วเริ่มก็ชักสีหน้า)
ลูกค้า : แต่ก็อย่างว่าล่ะ ปกติพี่หน่ะซื้อเยอะ ถ้าซื้อเครดิตที่นี่เยอะๆ
ร้านนี้เงินจะพอหมุนหรือเปล่าก็ไม่รู้เนอะ!!! (กล่าวจบแล้วก็เดินออกไป)
ผม : . . . . . . .
การเรียกรับสิบบนไม่ใช่เรื่องใหม่ในสังคมนี้ และ นี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมเจอ
คนคนนี้คงว่าทุกคนจะเป็นเหมือนเขา ที่ “ชอบคดโกง” อยู่เป็นนิจ
อีกทั้ง เธอคงจะโมโหเพราะโดนเด็กหนุ่มหักหน้าเธอเอาดื้อๆ แบบไม่ยั้งไมตรี
จึงพาลพาโลมาดูแคลนผม ซึ่งเป็นการแสดงออกถึงความรู้สึกนึกคิดของคนผู้นี้ได้เป็นอย่างดี
ฝากถึงผู้ประกอบการทุกท่าน ถ้า “เลือกได้” อย่าทำเลยครับ ถูกผิดรู้อยู่แก่ใจ
การมีนอกมีในมันอาจจะทำให้ขายของได้ก็จริง ... แต่สำหรับผม มันไม่สบายใจ
ผมขอซื้อขายแบบตรงไปตรงมาดีกว่า สบายใจกว่ากันเยอะ!!! ถึงอย่างนั้น
ผมก็ยังมั่นใจว่า ... ถึงร้านผมจะไม่ขายคนกลุ่มนี้ ร้านผมก็จะอยู่ได้!!!