คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 7
เป็นเรา เราก็ทำแบบนั้นนะ
ไม่เห็นจำเป็น ต้องไปนั่งโกหกว่า เราไม่ได้มาสายในวันนั้น
แต่..... มันต้องมีประเด็นอยู่
ที่ออฟฟิตเรา ตอนนั้นเรายังเป็นเด็กใหม่ แต่ทำงานดีไม่เคยไปทำงานสาย
แต่ มีหลายคนที่ไปทำงานสาย หัวหน้าเลยออกกฏว่า หากใครมาทำงานเลยเวลา 8 โมง จะถูกหักค่าจ้างไปตามสัดส่วน คิดทีละครึ่ง ชม.
เราก็ถามไปคำนึงว่า แล้วถ้าเราทำงานเลยเวลาไป 1 นาที จะได้ค่าจ้างเพิ่มขึ้น ครึ่ง ชม. ด้วยไหม?
คำตอบคือ ไม่ได้
เราจึงบอกว่า งั้นต่อไปนี้ ถึงเวลา 5 โมงป้บ จะหยุดปั้บ เพราะการตรงต่อเวลาเป็นเรื่องจำเป็น
หัวหน้ายังคงยืนยันตามนั้น ต่อมา เอาเข้าจริงๆ คนที่ทำงานตรงเวลา มีมากกว่า คนที่มาสาย
ปรกติ คนมาสาย 2-3 คน และคนละไม่เกิน ครึ่งชม.
แต่คนที่ทำงานล่วงเวลาให้ "โดยไม่ได้คิดโอที" เพราะที่นี่ไม่มีอยู่แล้ว มันคือหลายคนไง และงานบางอย่าง ก็คือ ควรเสร็จไปเป็นวันๆ ฉนั้น การที่ เขาได้เวลาของคนมาสายไปไม่กี่ชม.
(ซึ่ง เขามาตรงเวลา แต่ก็เริ่มงานสายอยู่ดีเพราะเอาแต่คุยกัน)
ระยะหลัง จึงต้องยอมเอากฏนี้ออกไป เพราะ เวลาเขาอยากได้รายงาน ณ วันนั้น แต่เลย 5 โมงเย็นก็ไม่มีใครทำให้แล้ว เป็นต้น
ดังนั้น หากเรามาสายวันนึง (ออฟฟิต ณ ตอนนี้ ไม่มีการหักเงิน) เราจะถือว่า วันเดียว ใน1 ปี หรือ 5-6 ครั้งต่อปี มันเกิดขึ้นได้ ไม่ใช่เป็นทุกวัน ไม่ใช่เป็นนิสัย ฉนั้น หากจะหักเงินเราวันนี้ เราก็ยอมให้ เพราะเราพลาดเอง แม้จะไม่ได้เป็นเพราะเราทำผิด ก็ตาม
ก็เหมือยบางที ที่เขาต้องให้เบี้ยเลี้ยงเรา ณ วันนั้น เพราะต้องทำงานล่วงเวลา แต่มองไปมองมา เพราะเราทำไม่เสร็จในเวลาเองไม่ใช่เหรอ?
ต่างคน ต่างมุมมอง ใช่ไหมคะ?
หัวหน้าเขาก็บ่นๆ นะ ว่า การทำโทษคนมาสายเนี่ย ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเรา ทำไม เราต้องเป็นเดือดเป็นร้อนด้วย เพราะเราเข้างาน 7 โมงทุกวัน
เราก็บอกว่า เพราะถ้าวันไหนเราบังเอิญต้องมาสาย เราก็จะโดนทำโทษเหมือนๆคนอื่น ไม่มีทางได้ละเว้นเช่นกันไม่ใช่เหรอ?
ฉนั้น เราก็ต้องรักษาสิทธิเราตั้งแต่วันนี้ เพื่อจะได้ไม่รู้สึกเสียเปรียบ ในวันที่เราแก้ไขอะไรไม่ได้
ไม่เห็นจำเป็น ต้องไปนั่งโกหกว่า เราไม่ได้มาสายในวันนั้น
แต่..... มันต้องมีประเด็นอยู่
ที่ออฟฟิตเรา ตอนนั้นเรายังเป็นเด็กใหม่ แต่ทำงานดีไม่เคยไปทำงานสาย
แต่ มีหลายคนที่ไปทำงานสาย หัวหน้าเลยออกกฏว่า หากใครมาทำงานเลยเวลา 8 โมง จะถูกหักค่าจ้างไปตามสัดส่วน คิดทีละครึ่ง ชม.
เราก็ถามไปคำนึงว่า แล้วถ้าเราทำงานเลยเวลาไป 1 นาที จะได้ค่าจ้างเพิ่มขึ้น ครึ่ง ชม. ด้วยไหม?
คำตอบคือ ไม่ได้
เราจึงบอกว่า งั้นต่อไปนี้ ถึงเวลา 5 โมงป้บ จะหยุดปั้บ เพราะการตรงต่อเวลาเป็นเรื่องจำเป็น
หัวหน้ายังคงยืนยันตามนั้น ต่อมา เอาเข้าจริงๆ คนที่ทำงานตรงเวลา มีมากกว่า คนที่มาสาย
ปรกติ คนมาสาย 2-3 คน และคนละไม่เกิน ครึ่งชม.
แต่คนที่ทำงานล่วงเวลาให้ "โดยไม่ได้คิดโอที" เพราะที่นี่ไม่มีอยู่แล้ว มันคือหลายคนไง และงานบางอย่าง ก็คือ ควรเสร็จไปเป็นวันๆ ฉนั้น การที่ เขาได้เวลาของคนมาสายไปไม่กี่ชม.
(ซึ่ง เขามาตรงเวลา แต่ก็เริ่มงานสายอยู่ดีเพราะเอาแต่คุยกัน)
ระยะหลัง จึงต้องยอมเอากฏนี้ออกไป เพราะ เวลาเขาอยากได้รายงาน ณ วันนั้น แต่เลย 5 โมงเย็นก็ไม่มีใครทำให้แล้ว เป็นต้น
ดังนั้น หากเรามาสายวันนึง (ออฟฟิต ณ ตอนนี้ ไม่มีการหักเงิน) เราจะถือว่า วันเดียว ใน1 ปี หรือ 5-6 ครั้งต่อปี มันเกิดขึ้นได้ ไม่ใช่เป็นทุกวัน ไม่ใช่เป็นนิสัย ฉนั้น หากจะหักเงินเราวันนี้ เราก็ยอมให้ เพราะเราพลาดเอง แม้จะไม่ได้เป็นเพราะเราทำผิด ก็ตาม
ก็เหมือยบางที ที่เขาต้องให้เบี้ยเลี้ยงเรา ณ วันนั้น เพราะต้องทำงานล่วงเวลา แต่มองไปมองมา เพราะเราทำไม่เสร็จในเวลาเองไม่ใช่เหรอ?
ต่างคน ต่างมุมมอง ใช่ไหมคะ?

หัวหน้าเขาก็บ่นๆ นะ ว่า การทำโทษคนมาสายเนี่ย ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเรา ทำไม เราต้องเป็นเดือดเป็นร้อนด้วย เพราะเราเข้างาน 7 โมงทุกวัน
เราก็บอกว่า เพราะถ้าวันไหนเราบังเอิญต้องมาสาย เราก็จะโดนทำโทษเหมือนๆคนอื่น ไม่มีทางได้ละเว้นเช่นกันไม่ใช่เหรอ?
ฉนั้น เราก็ต้องรักษาสิทธิเราตั้งแต่วันนี้ เพื่อจะได้ไม่รู้สึกเสียเปรียบ ในวันที่เราแก้ไขอะไรไม่ได้
แสดงความคิดเห็น
การที่ผมทำแบบนี้มัน "โง่" จริงๆหรือ
มีคนที่รู้เรื่องผมหลายคนต่างมาบอกว่าผม "โง่" ที่ดันไปแสกนนิ้วให้เสียประวัติ ผมก็ งง อ้าวนี่ตรูโง่หรือเนี้ยที่ทำตามความถูกต้องไม่หลอกลวงบริษัท แต่ผมก็ไม่ได้ติดใจอะไรนะเพราะเรื่องนี้มันเกี่ยวกับความคิดเห็นส่วนบุคคลและผมก็ไม่ได้ไปบอกทาง จนท ฝ่ายบุคคลด้วยว่ามีใครบ้างที่แอบอ้าง
แค่อยากถามว่าสมัยนี้คนเราต้องซิกแซก หาลู่ทางเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวโดยไม่สนใจความถูกต้องแล้วหรือ??