นายสมชัย สัจจพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังเตรียมหารือกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อช่วยการแก้ปัญหาเงินกู้นอกระบบ หลังจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ วันที่ 6 ส.ค.ที่ผ่านมา ให้แก้ปัญหาดังกล่าว คาดว่ารายละเอียดของแผนงานจะแล้วเสร็จใน 1-2 เดือนนี้ เบี้องต้นจะให้นิติบุคคลปล่อยกู้ให้ประชาชนได้ตั้งแต่วงเงิน 30,000-50,000 บาท ดอกเบี้ยมากกว่า 15% ต่อปี โดยอยู่ระหว่างการพิจารณาว่า อัตราดอกเบี้ยสูงสุดไม่ควรเกินเท่าไหร่ เพื่อให้เกิดความชัดเจน
“การให้นิติบุคคลปล่อยกู้ได้นั้น ต้องใช้ประกาศ คณะปฏิวัติ ปว.58 โดยไม่ต้องออกกฎหมายใหม่ แต่ทั้งนี้มีเงื่อนไขว่า นิติบุคคลที่ปล่อยกู้ให้ประชาชนนั้น ไม่สามารถระดมเงินฝาก เหมือนสถาบันการเงินทั่วไปได้ ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้ประชาชนเข้ามาอยู่ในระบบได้ และเชื่อว่าจะได้รับการตอบรับจากนิติบุคคล เนื่องจากให้คิดดอกเบี้ยเหมือนกับธนาคารพาณิชย์”
สำหรับความคืบหน้าการออกกฏหมายการทวงถามหนี้นั้น ได้ผ่านครม.แล้ว และกำลังเสนอเรื่องเข้าที่ประชุมสภาผู้แทนราษฏร คาดว่าจะทำให้การติดตามทวงหนี้ มีความเป็นธรรมกับลูกหนี้มากขึ้น ไม่มีปัญหาการใช้ความรุนแรง หรือประจานให้เกิดความเสียหายเหมือนเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน
ส่วนการแก้ไขหนี้ครัวเรือนที่ปรับตัวสูงขึ้นในช่วงนี้ กระทรวงการคลังกำลังรวบรวมข้อมูลของแต่ละหน่วยงาน ทั้ง ธปท. สำนักงานคณะกรรมการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ว่าตัวเลขที่แท้จริงเป็นอย่างไร เพราะที่ผ่านมาข้อมูลไม่ตรงกัน แต่จากดูข้อมูลเบื้องต้น ปัญหาหนี้ครัวเรือนยังไม่น่ากังวล เพราะรายได้ของครัวเรือนก็ปรับตัวเพิ่มขึ้นเช่นกัน ขณะที่หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ของสถาบันการเงินอยู่ระดับต่ำที่ไม่เกิน 2% ของหนี้ทั้งระบบ.
http://www.dailynews.co.th/businesss/225552
http://bit.ly/ชมรมผู้ไม่ใฝ่ใจบริโภคนิยมวัตถุนิยม
"คลัง"นัด"ธปท."ถกแก้หนี้นอกระบบ
“การให้นิติบุคคลปล่อยกู้ได้นั้น ต้องใช้ประกาศ คณะปฏิวัติ ปว.58 โดยไม่ต้องออกกฎหมายใหม่ แต่ทั้งนี้มีเงื่อนไขว่า นิติบุคคลที่ปล่อยกู้ให้ประชาชนนั้น ไม่สามารถระดมเงินฝาก เหมือนสถาบันการเงินทั่วไปได้ ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้ประชาชนเข้ามาอยู่ในระบบได้ และเชื่อว่าจะได้รับการตอบรับจากนิติบุคคล เนื่องจากให้คิดดอกเบี้ยเหมือนกับธนาคารพาณิชย์”
สำหรับความคืบหน้าการออกกฏหมายการทวงถามหนี้นั้น ได้ผ่านครม.แล้ว และกำลังเสนอเรื่องเข้าที่ประชุมสภาผู้แทนราษฏร คาดว่าจะทำให้การติดตามทวงหนี้ มีความเป็นธรรมกับลูกหนี้มากขึ้น ไม่มีปัญหาการใช้ความรุนแรง หรือประจานให้เกิดความเสียหายเหมือนเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน
ส่วนการแก้ไขหนี้ครัวเรือนที่ปรับตัวสูงขึ้นในช่วงนี้ กระทรวงการคลังกำลังรวบรวมข้อมูลของแต่ละหน่วยงาน ทั้ง ธปท. สำนักงานคณะกรรมการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ว่าตัวเลขที่แท้จริงเป็นอย่างไร เพราะที่ผ่านมาข้อมูลไม่ตรงกัน แต่จากดูข้อมูลเบื้องต้น ปัญหาหนี้ครัวเรือนยังไม่น่ากังวล เพราะรายได้ของครัวเรือนก็ปรับตัวเพิ่มขึ้นเช่นกัน ขณะที่หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ของสถาบันการเงินอยู่ระดับต่ำที่ไม่เกิน 2% ของหนี้ทั้งระบบ.
http://www.dailynews.co.th/businesss/225552
http://bit.ly/ชมรมผู้ไม่ใฝ่ใจบริโภคนิยมวัตถุนิยม