สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1
หุ่นจะไม่สวยค่ะ คือดูเป็นคนผอมแต่ไม่มีกล้ามเนื้อ แล้วจะอ้วนง่าย เราที่ผ่านมาไม่เคยเวทเทรนนิ่งเลยเพราะเราผอมมาตลอด ไม่รู้จะทำทำไม เคยอ้วนปีนึงแล้วลดจนไม่อ้วนอีกเลย(คาร์ดิโอ+ควบคุมอาหาร) ใส่เสื้อผ้าอะไรก้อได้ แต่หน้าท้องจะป่องตามการกิน กินเยอะก้อป่องมากแล้วก้อไปคาร์ดิโอออก
ทีนี้สองปีก่อน เราชักอยากใส่บิกินี่สวยๆ เพราะเราไปพักพูลวิลล่า ปรากฎ หุ่นที่เราเคยคิดว่าสวย ใส่บิกินี่ไม่สวยเลย T_T มันเกินตามขอบๆหมด ปีก่อนเราเลยฮึด เวทเทรนนิ่ง 8 เดือน หุ่นเราเฟิร์มขึ้น เคยเปิดหน้าท้องถ่ายรูป มีแต่คนชม และเราเพิ่งสังเกตพี่ที่สนิทกัน เต้นกับเราประจำ ภายนอกเขาหุ่นดีทุกอย่าง แต่พอจะเปิดหน้าท้องถ่ายรูปเหมือนเรา ปรากฎว่าเขาทำไม่ได้ เพราะท้องยื่น! เรากับเขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าเขามีเลย เพราะไม่เคยสนใจกันมาก่อน จนตอนนี้เขาฮึดอยากหน้าท้องเฟิร์มเหมือนเราแล้ว
ข้อดีของเวทเทรนนิ่งนะคะ
1. จะทำให้กระชับทั้งตัว ใส่เสื้อผ้าสวยขึ้นมาก แขนขาหน้าท้องหลังเรียวสวย เอวเราเล็กลง 1-2 นิ้ว
2. จะดูสวยในระยะนาน อย่างเรากินข้าวเสร็จพักนึงก้อใส่บิกินี่ว่ายน้ำเล่นได้แล้ว ขณะที่คนอื่นไม่กล้าเพราะเพิ่งกิน พุงป่อง
ยากกว่าคาร์ดิโอจริงค่ะ หลายครั้งเราทำในคลาสแล้วเครียด+เหนื่อยมาก เราถามตัวเองว่า ฉันมาทำอะไรที่นี่ มาทรมานตัวเองทำไม แต่พอเห็นหุ่นตัวเองแล้วมีความสุขอยากกระโดดกอดครู 555 สู้กับใจตัวเองตลอด แล้วมีแต่คนชม เรายิ่งภูมิใจเพราะมันไม่ได้มาง่ายๆ
ตอนนี้หุ่นเราก้อยังไม่ได้อย่างที่ต้องการ 100% เราอยากกล้ามหน้าท้องชัดกว่านี้ อยากก้นเด้งกว่านี้ และต้นขาเฟิร์มกว่านี้ มาสู้ด้วยกันนะคะ ^_^
เป็นกำลังใจให้นะคะ
ทีนี้สองปีก่อน เราชักอยากใส่บิกินี่สวยๆ เพราะเราไปพักพูลวิลล่า ปรากฎ หุ่นที่เราเคยคิดว่าสวย ใส่บิกินี่ไม่สวยเลย T_T มันเกินตามขอบๆหมด ปีก่อนเราเลยฮึด เวทเทรนนิ่ง 8 เดือน หุ่นเราเฟิร์มขึ้น เคยเปิดหน้าท้องถ่ายรูป มีแต่คนชม และเราเพิ่งสังเกตพี่ที่สนิทกัน เต้นกับเราประจำ ภายนอกเขาหุ่นดีทุกอย่าง แต่พอจะเปิดหน้าท้องถ่ายรูปเหมือนเรา ปรากฎว่าเขาทำไม่ได้ เพราะท้องยื่น! เรากับเขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าเขามีเลย เพราะไม่เคยสนใจกันมาก่อน จนตอนนี้เขาฮึดอยากหน้าท้องเฟิร์มเหมือนเราแล้ว
ข้อดีของเวทเทรนนิ่งนะคะ
1. จะทำให้กระชับทั้งตัว ใส่เสื้อผ้าสวยขึ้นมาก แขนขาหน้าท้องหลังเรียวสวย เอวเราเล็กลง 1-2 นิ้ว
2. จะดูสวยในระยะนาน อย่างเรากินข้าวเสร็จพักนึงก้อใส่บิกินี่ว่ายน้ำเล่นได้แล้ว ขณะที่คนอื่นไม่กล้าเพราะเพิ่งกิน พุงป่อง
ยากกว่าคาร์ดิโอจริงค่ะ หลายครั้งเราทำในคลาสแล้วเครียด+เหนื่อยมาก เราถามตัวเองว่า ฉันมาทำอะไรที่นี่ มาทรมานตัวเองทำไม แต่พอเห็นหุ่นตัวเองแล้วมีความสุขอยากกระโดดกอดครู 555 สู้กับใจตัวเองตลอด แล้วมีแต่คนชม เรายิ่งภูมิใจเพราะมันไม่ได้มาง่ายๆ
ตอนนี้หุ่นเราก้อยังไม่ได้อย่างที่ต้องการ 100% เราอยากกล้ามหน้าท้องชัดกว่านี้ อยากก้นเด้งกว่านี้ และต้นขาเฟิร์มกว่านี้ มาสู้ด้วยกันนะคะ ^_^
เป็นกำลังใจให้นะคะ
ความคิดเห็นที่ 12
ขออนุญาตคิดต่างจากคนอื่นนิดนึงนะครับ
คือผมน่ะคิดว่า การออกกำลังกาย แบบ คาดิโอ กับ เวทเทรนนิ่ง มันมีเป้าหมายหลักต่างกัน
การคาดิโอคือการออกกำลังที่เน้นเพิ่มประสิทธิภาพระบบปอดหัวใจเป็นหลัก ส่วนเวทเทรนนิ่งเป็นการออกกำลังที่เน้นบริหารกล้ามเนื้อ
แน่นอน ดีที่สุดควรจะทำทั้งสองอย่าง
แต่ การออกกำลังควรเน้นที่สุขภาพเป็นหลัก ความสวยหล่อควรจะมาอันดับสอง
ถ้ามีเวลาจำกัด ควรเล่น คาอิโอไว้ก่อน
ส่วนที่พูดกันว่าเล่นคาดิโออย่างเดียว หุ่นจะไม่ดี จะไม่เฟิร์ม ไม่น่าจะเป็นคำพูดที่ถูกต้องซะทีเดียว
ขอให้ไปดู พวกนักวิ่งจ็อกกิ้ง พวกนักขี่จักรยาน ที่ไม่ได้เล่นเวทเทรนนิ่ง พวกนี้ส่วนมากก็เฟิร์มนะครับ ไม่ได้เหี่ยวได้ย้วยแต่ประการใด
เพียงแต่การเวทเทรนนิ่ง จะไปเสริม หรือแก้ไข รูปร่าง หรือเสริมความแข็งแรงแข็งแกร่ง เฉพาะจุด ตามที่ผู้เล่นต้องการ
เช่นถ้าไหล่ตก ก็ไปเสริมกล้ามไหล่ยกไหล่ให้สูงขึ้น หรือ ถ้าพุงย้วย ก็ไปเสริมกล้ามท้องให้หน้าท้องกระชับแบนราบ
แต่การคาดิโอในหลายๆแบบ ก็มีการบริหารร่างกายครบเกือบทุกส่วน และช่วยเสริมรูปร่างให้ดีขึ้น เช่นว่ายน้ำ โยคะ เต้นแอโรบิค
อย่างไรก็ตามถ้า ออกกำลังเพื่อ เสริม หรือแก้ไขรูปร่าง ยังไงก็ต้องเวทเทรนนิ่งล่ะครับ
ยิ่งคนเริ่มมีอายุ(อย่างผม) เนื้อตัวมันจะไม่แน่นเหมือนกับวัยรุ่น ถ้าได้เล่นเวทมันก็จะช่วยให้กล้ามเนื้อกระชับแน่น ดูเด็กลงในพริบตา
หลายๆคนที่เล่นเวทปรับปรุงรูปร่าง จะดูดีฟิตเฟิร์ม ดูหล่อดูสวย ขึ้นทันตา และเป็นการหล่อสวยแบบเฮลตี้ด้วย
ผมว่านะ เสียเงินค่าสมาชิกฟิตเนสไปแล้ว จะมาเล่นแต่เครื่องวิ่ง จักรยาน เครื่องเดินวงรี ทำไม
ไปเล่นเครื่อง เวทเทรนนิ่งเหอะ ราคาเครื่องละตั้งเป็นแสนๆ เราไม่มีเงินซื้อไปเล่นที่บ้านหรอก (หรือบางคนอาจมี แต่ก็หาที่ตั้งยาก)
เล่นให้คุ้มกับเงินเถอะครับ เอามันให้เต็มที่ไปเลย
คือผมน่ะคิดว่า การออกกำลังกาย แบบ คาดิโอ กับ เวทเทรนนิ่ง มันมีเป้าหมายหลักต่างกัน
การคาดิโอคือการออกกำลังที่เน้นเพิ่มประสิทธิภาพระบบปอดหัวใจเป็นหลัก ส่วนเวทเทรนนิ่งเป็นการออกกำลังที่เน้นบริหารกล้ามเนื้อ
แน่นอน ดีที่สุดควรจะทำทั้งสองอย่าง
แต่ การออกกำลังควรเน้นที่สุขภาพเป็นหลัก ความสวยหล่อควรจะมาอันดับสอง
ถ้ามีเวลาจำกัด ควรเล่น คาอิโอไว้ก่อน
ส่วนที่พูดกันว่าเล่นคาดิโออย่างเดียว หุ่นจะไม่ดี จะไม่เฟิร์ม ไม่น่าจะเป็นคำพูดที่ถูกต้องซะทีเดียว
ขอให้ไปดู พวกนักวิ่งจ็อกกิ้ง พวกนักขี่จักรยาน ที่ไม่ได้เล่นเวทเทรนนิ่ง พวกนี้ส่วนมากก็เฟิร์มนะครับ ไม่ได้เหี่ยวได้ย้วยแต่ประการใด
เพียงแต่การเวทเทรนนิ่ง จะไปเสริม หรือแก้ไข รูปร่าง หรือเสริมความแข็งแรงแข็งแกร่ง เฉพาะจุด ตามที่ผู้เล่นต้องการ
เช่นถ้าไหล่ตก ก็ไปเสริมกล้ามไหล่ยกไหล่ให้สูงขึ้น หรือ ถ้าพุงย้วย ก็ไปเสริมกล้ามท้องให้หน้าท้องกระชับแบนราบ
แต่การคาดิโอในหลายๆแบบ ก็มีการบริหารร่างกายครบเกือบทุกส่วน และช่วยเสริมรูปร่างให้ดีขึ้น เช่นว่ายน้ำ โยคะ เต้นแอโรบิค
อย่างไรก็ตามถ้า ออกกำลังเพื่อ เสริม หรือแก้ไขรูปร่าง ยังไงก็ต้องเวทเทรนนิ่งล่ะครับ
ยิ่งคนเริ่มมีอายุ(อย่างผม) เนื้อตัวมันจะไม่แน่นเหมือนกับวัยรุ่น ถ้าได้เล่นเวทมันก็จะช่วยให้กล้ามเนื้อกระชับแน่น ดูเด็กลงในพริบตา
หลายๆคนที่เล่นเวทปรับปรุงรูปร่าง จะดูดีฟิตเฟิร์ม ดูหล่อดูสวย ขึ้นทันตา และเป็นการหล่อสวยแบบเฮลตี้ด้วย
ผมว่านะ เสียเงินค่าสมาชิกฟิตเนสไปแล้ว จะมาเล่นแต่เครื่องวิ่ง จักรยาน เครื่องเดินวงรี ทำไม
ไปเล่นเครื่อง เวทเทรนนิ่งเหอะ ราคาเครื่องละตั้งเป็นแสนๆ เราไม่มีเงินซื้อไปเล่นที่บ้านหรอก (หรือบางคนอาจมี แต่ก็หาที่ตั้งยาก)
เล่นให้คุ้มกับเงินเถอะครับ เอามันให้เต็มที่ไปเลย
ความคิดเห็นที่ 6
เราไม่เล่นทั้ง cardiovascular training ไม่เล่นทั้ง weight training เพราะมันทำให้ร่างกายเราอยู่ภายใต้ severe stress จนตัวแข็งทื่อ ไม่ยืดหยุ่น (ทำให้กระแสลมปราณในร่างแปรปรวนผิดธรรมชาติ) แต่เรา keep fit และทำให้ร่างกาย slim และยืดหยุ่นมากๆ ทำให้เคลื่อนไหวตัวเหมือนกระแสน้ำ เหมือนดั่งคำสอนเต๋าที่ว่า When in stillness be like a mirror and when in motion be like a river. ซึ่งบรรลุผลได้ด้วยการฝึกโยคะ วรยุทธ์จีน และฝึกสมาธิเดินลมปราณ โดยให้ร่างกาย relax completely ปราศจาก physical stress และปราศจาก mental stress ทั้งปวง
อีกเหตุผลก็คืออาจารย์ชาวจีนที่สอนวรยุทธ์จีนเราห้ามเล่น weight training โดยอาจารย์เราสอนว่ามนุษย์เราเมื่อ relax completely ร่างกายและจิตใจจะอยู่ในสภาพอันทรงพลังมากที่สุด อีกทั้ง weight training จะพัฒนา biceps ให้ใหญ่เทอะทะ ทำให้แขนเราออกอาวุธช้าในการต่อสู้ เพราะการต่อย (เตะ ถึบ ฟันศอก ใช้ฝ่ามือ สันมือ ปลายนิ้วมือ ท่อนแขน หัวไหล่ หรือส่วนใดๆของร่างกายเพื่อเป็นอาวุธ) จู่โจมเพื่อทำให้คู่ต่อสู้ล้มลงไปได้ทันที ม้นไม่ได้ใช้พลังจากกล้ามเป็นมัดๆในการออกอาวุธ หากแต่ต้องใช้สมาธิและพลังลมปราณ (ซึ่งพัฒนาจากจิตที่ฝึกมาจนสงบ) และความเร็วในการออกอาวุธ จู่โจมไปทึ่จุดอ่อนบนร่างกายคู่ต่อสู้ให้แม่นยำตรงเป้าราวกับจับวาง
^
หมายเหตุ การเคลื่อนไหวตัวและออกอาวุธในการต่อสู้โดยไม่อาศัยกล้ามเนื้อเป็นมัดๆ ทำได้โดยการส่งพลังจาก dantian (ศูนย์รวมกำลังภายในที่ตำแหน่งประมาณ 1.3 นิ้วใต้สะดือ ซึ่งเป็นจุด center of gravity ทำให้ใช้ gravitational force ช่วยให้ตัวเองทรงตัวได้ดีเยี่ยมและเพิ่มพลังและความรวดเร็วในการออกอาวุธ ตามที่ตำนานจีนกล่าวไว้ว่า Zhang Sanfeng (เจ้าสำนัก Wudang (คนไทยเรียกบู๊ตึง)) แม้จะอายุเกิน 100 ปีไปแล้ว แต่ก็เคลื่อนไหวตัวและออกอาวุธได้รวดเร็วและทรงพลังมากๆ ในขณะที่ relax completely เพราะเขาอาศัย (แรงดีดเหมือนคันศร) จากความโค้งเหมือนหลังเต่าของกระดูกสันหลังเขา (โดยธรรมชาติแล้วหลังคนต้องไม่ตรงเด๊ะๆแข็งทื่อ) และขาอันเรียวยาวเหมือนนกกระเรียนของเขา (ซึ่งก็เป็นคุณลักษณะเด่นของคนที่อายุยืนมากๆและแข็งแรงทรงพลังไปตลอดชีวิต (เพราะเต่ากับนกกระเรียนอายุยืนมากๆ))
paradoxes เกี่ยวกับสุขภาพและการลดน้ำหนักก็คือ การรำมวยจีนช้าๆ ขณะ relax completely โดยมีสมาธิและจิตที่สงบมากๆ หรือยืนฝึกสมาธิท่า horse stance (ท่ายืนย่อตัวเหมือนที่เห็นในหนังกำลังภายใน) หรือแม้กระทั่งนั่งสมาธิ โดยกำหนดลมปราณให้ถูกต้องตามธรรมชาติโดยปราศจาก stress (แบบที่เต๋าสอนเรื่อง non-action action (การกระทำโดยไม่กระทำ)) กลับกลายเป็นสร้างพลังงานความร้อนสูงมากๆจนถึงกับ burn fat ออกไปได้เป็นจำนวนมากจนเหงื่อออกท่วมตัวและร้อนระอุ (ซึ่งถ้าฝึกแบบนี้บนหิมะจะเห็นไอตัวแผ่กระจายออกจากร่างในวงกว้าง) ซึ่งการฝึกวิธี non-action action แบบ relax completely จะเป็นการ burn fat อย่างรวดเร็วทันใจทำให้ร่างกายยืดหยุ่นเคลื่อนไหวตัวได้ลื่นไหลราวกับกระแสน้ำ ได้มากกว่าการฝึก cardiovascular training กับ weight training (ซึ่งกดดันร่างกายให้อยู่ภายใต้ stress นานๆ) ตั้งหลายเท่า!
อีกเหตุผลก็คืออาจารย์ชาวจีนที่สอนวรยุทธ์จีนเราห้ามเล่น weight training โดยอาจารย์เราสอนว่ามนุษย์เราเมื่อ relax completely ร่างกายและจิตใจจะอยู่ในสภาพอันทรงพลังมากที่สุด อีกทั้ง weight training จะพัฒนา biceps ให้ใหญ่เทอะทะ ทำให้แขนเราออกอาวุธช้าในการต่อสู้ เพราะการต่อย (เตะ ถึบ ฟันศอก ใช้ฝ่ามือ สันมือ ปลายนิ้วมือ ท่อนแขน หัวไหล่ หรือส่วนใดๆของร่างกายเพื่อเป็นอาวุธ) จู่โจมเพื่อทำให้คู่ต่อสู้ล้มลงไปได้ทันที ม้นไม่ได้ใช้พลังจากกล้ามเป็นมัดๆในการออกอาวุธ หากแต่ต้องใช้สมาธิและพลังลมปราณ (ซึ่งพัฒนาจากจิตที่ฝึกมาจนสงบ) และความเร็วในการออกอาวุธ จู่โจมไปทึ่จุดอ่อนบนร่างกายคู่ต่อสู้ให้แม่นยำตรงเป้าราวกับจับวาง
^
หมายเหตุ การเคลื่อนไหวตัวและออกอาวุธในการต่อสู้โดยไม่อาศัยกล้ามเนื้อเป็นมัดๆ ทำได้โดยการส่งพลังจาก dantian (ศูนย์รวมกำลังภายในที่ตำแหน่งประมาณ 1.3 นิ้วใต้สะดือ ซึ่งเป็นจุด center of gravity ทำให้ใช้ gravitational force ช่วยให้ตัวเองทรงตัวได้ดีเยี่ยมและเพิ่มพลังและความรวดเร็วในการออกอาวุธ ตามที่ตำนานจีนกล่าวไว้ว่า Zhang Sanfeng (เจ้าสำนัก Wudang (คนไทยเรียกบู๊ตึง)) แม้จะอายุเกิน 100 ปีไปแล้ว แต่ก็เคลื่อนไหวตัวและออกอาวุธได้รวดเร็วและทรงพลังมากๆ ในขณะที่ relax completely เพราะเขาอาศัย (แรงดีดเหมือนคันศร) จากความโค้งเหมือนหลังเต่าของกระดูกสันหลังเขา (โดยธรรมชาติแล้วหลังคนต้องไม่ตรงเด๊ะๆแข็งทื่อ) และขาอันเรียวยาวเหมือนนกกระเรียนของเขา (ซึ่งก็เป็นคุณลักษณะเด่นของคนที่อายุยืนมากๆและแข็งแรงทรงพลังไปตลอดชีวิต (เพราะเต่ากับนกกระเรียนอายุยืนมากๆ))
paradoxes เกี่ยวกับสุขภาพและการลดน้ำหนักก็คือ การรำมวยจีนช้าๆ ขณะ relax completely โดยมีสมาธิและจิตที่สงบมากๆ หรือยืนฝึกสมาธิท่า horse stance (ท่ายืนย่อตัวเหมือนที่เห็นในหนังกำลังภายใน) หรือแม้กระทั่งนั่งสมาธิ โดยกำหนดลมปราณให้ถูกต้องตามธรรมชาติโดยปราศจาก stress (แบบที่เต๋าสอนเรื่อง non-action action (การกระทำโดยไม่กระทำ)) กลับกลายเป็นสร้างพลังงานความร้อนสูงมากๆจนถึงกับ burn fat ออกไปได้เป็นจำนวนมากจนเหงื่อออกท่วมตัวและร้อนระอุ (ซึ่งถ้าฝึกแบบนี้บนหิมะจะเห็นไอตัวแผ่กระจายออกจากร่างในวงกว้าง) ซึ่งการฝึกวิธี non-action action แบบ relax completely จะเป็นการ burn fat อย่างรวดเร็วทันใจทำให้ร่างกายยืดหยุ่นเคลื่อนไหวตัวได้ลื่นไหลราวกับกระแสน้ำ ได้มากกว่าการฝึก cardiovascular training กับ weight training (ซึ่งกดดันร่างกายให้อยู่ภายใต้ stress นานๆ) ตั้งหลายเท่า!
แสดงความคิดเห็น
ถ้าลดน้ำหนักโดยคาร์ดิโออย่างเดียว ไม่มีเวทเทรนนิ่ง ผลจะเป็นอย่างไรอะคะ
จาก 72 kg ตอนนี้เหลือ 62 kg ใช้เวลาประมาณ 5-6 เดือน ควบคุมอาหาร ลดแป้ง เน้นโปร เลือกกินมากกว่าเดิมเยอะ
ออกกำลังกายโดยการ วิ่ง ปั่นจักรยานRPM Eliptical รวมๆ วันละหนึ่งชั่วโมงครึ่ง 3-4 วัน/สัปดาห์
มีเล่นแมชชีนเวทบ้าง พวก total abdominal, Abductor, Adductor, Chest press อย่างละ 3-4 เซตต่อครั้ง
คือรู้สึกว่ามันยากกว่าการคาร์ดิโอเยอะเลยอะค่ะ บางทีมันก็เลยรู้สึกว่าไม่อยากทำ T^T
ถ้าเกิดเราคาร์ดิโออย่างเดียว ไม่มีเวทเทรนนิ่งจะได้ไหมคะ ผลจะเป็นอย่างไรอะคะ