จริงๆ แล้วเงินเดิมพันก็ไม่ได้สูงอะไรมากมายหรอก แค่หมื่นเดียวเอง ...
ที่มาของเงินเดิมพันคือ ตอนนี้เรากับสามีน้ำหนักขึ้นเอาๆ จนเสื้อผ้าเก่าๆ ใส่แทบไม่ได้แล้ว สามีน่ะไม่เท่าไหร่ ใครๆ เห็นก็บอกแต่ว่า เริ่มมีมาดอาเสี่ยแล้วนะ แต่สำหรับเรานั่นน่ะสิ ใครเห็นก็หาว่าท้องอีกคนแล้วเหรอ มีอยู่วันหนึ่งก่อนเข้าพรรษา ก็นั่งกินข้าวกันสี่คนพ่อแม่ลูก อยู่ดีๆ ลูกแฝดน้องวัย 3 ขวบก็ถามพ่อว่า "พ่อกินเหล้ามั้ย" พ่อไม่ตอบแต่กลายเป็นว่าอายลูกแทน ก็เลยเปรยขึ้นว่า เดี๋ยวเข้าพรรษาปีนี้จะ งดเหล้าเข้าพรรษานะ เรางี้ยิ้มแก้มปริเลย ยินดีปรีดาไปด้วย
ผ่านไป 3 วัน ตัวสามีเองเริ่มจะลังเลว่าจะงดเหล้าเข้าพรรษาได้มั้ย จริงๆ แล้วเค้าก็ไม่ได้เป็นคนกินอะไรเยอะนักหรอก แต่ความที่มีเพื่อนเยอะ สังสรรค์ก็ค่อนข้างบ่อยและปฏิเสธไม่ค่อยได้ ดันเปลี่ยนใจว่า "เดี๋ยวจะไม่งดเหล้าเข้าพรรษาแล้ว เอาเป็นว่าเรามาลดหุ่นกันตอนช่วงเข้าพรรษาดีมั้ย" เริ่มชั่ง นน.วันเข้าพรรษา พอถึงวันออกพรรษามาดูกันว่าใครลดนน.ได้มากกว่าเป็นผู้ชนะ โดยการวางเดิมพันเป็นเงิน 10000 บาท
เราบอกว่าต่างฝ่ายต่างหาวิธีลดน้ำหนักเองนะ เป็นอันตกลง จากวันที่ชั่งน้ำหนัก เราก็พยายามควบคุมความอยาก น้ำหวาน น้ำอัดลม งดหมด ตักข้าวแต่ละมื้อแค่ครึ่งทัพพี ที่เหลือกินกับ เน้นน้ำพริกและผักมากขึ้น แต่ก็ดูไม่ค่อยเป็นผลสำเร็จซักเท่าไหร่ น้ำหนักทั้งสองฝ่ายยังคงที่
ทีนี้เราก็เลยวางแผนการเอาเงินเดิมพัน ด้วยความที่ได้เปรียบเพราะว่าเราเป็นผู้กุมอำนาจในการจ่ายตลาดและทำกับข้าวทั้งหมด เราก็เลยเลือกทำแต่กับข้าวที่สามีเราชอบมากๆ และก็มีกับข้าวที่ควบคุมน้ำหนักอีกนิดหน่อย ถึงเวลากินเราก็ทำเป็นนั่งกินไปด้วย วิ่งไปทำงานบ้านไปด้วยไม่ให้ผิดสังเกต สามีเราเห็นกับข้าวที่ชอบก็กินแบบลืมข้อตกลงกันไปเลยทีเดียว แทบจะกินเยอะขึ้นมากกว่าเดิมซะอีก ส่วนเราก็ปฏิบ้ติตัวตามแนวทางลดน้ำหนักเช่นเดิม แถมตื่นเช้าขึ้นเพื่อมาแอบออกกำลังกายโดยไม่ให้สามีรู้อีก (ร้ายไปไหมเนี่ย)
ซ้ำร้าย ยังโทรชวนเพื่อนสามีมาสังสรรค์ที่บ้านซะอีก แถมทำกับแกล้มที่อร่อยหลายๆ อย่าง ทั้งที่แต่ก่อนแทบจะไม่ได้ทำเลย สามีเราก็กินใหญ่เลยล่ะสิทีนี้ เพราะเวลาไปกินตามร้านหรือนอกบ้านจะไม่ค่อยกินหรือดื่มมาก กลัวเมาแล้วกลับบ้านไม่ถูก พอได้กินที่บ้าน พ่อคุณเลยจัดเต็มที่เลย จนเค้าบ่นว่าเริ่มอึดอัด แล้วคงนึกขึ้นได้ เมื่อวานชวนชั่งน้ำหนัก ปรากฎว่าเค้าขึ้นไปอีก 1 กิโล ส่วนเราลดมาครึ่งกิโลแล้ว เย้!!!!
เมื่อเช้าเราก็ทำอาหารโปรดให้เค้าอีก เค้าก็กินข้าวไปแล้ว 1 จาน ให้เราไปตักเพิ่มอีก อยู่ดีๆก็พูดว่า "นี่เป็นแผนการของเธอใช่ไหม ที่ทำอาหารอร่อยซะทุกมื้อเลย แล้วจะลดน้ำหนักยังไงล่ะนี่" ตอนนี้สั่งห้ามเราทำกับข้าวอร่อยๆ แล้วล่ะ เย็นนี้คงจะซื้อน้ำพริกจิ้มผักต้มแทน ฮือๆๆๆ
สามีจับได้ว่าเราหักหลังเพื่อเอาเงินเดิมพัน^_^
ที่มาของเงินเดิมพันคือ ตอนนี้เรากับสามีน้ำหนักขึ้นเอาๆ จนเสื้อผ้าเก่าๆ ใส่แทบไม่ได้แล้ว สามีน่ะไม่เท่าไหร่ ใครๆ เห็นก็บอกแต่ว่า เริ่มมีมาดอาเสี่ยแล้วนะ แต่สำหรับเรานั่นน่ะสิ ใครเห็นก็หาว่าท้องอีกคนแล้วเหรอ มีอยู่วันหนึ่งก่อนเข้าพรรษา ก็นั่งกินข้าวกันสี่คนพ่อแม่ลูก อยู่ดีๆ ลูกแฝดน้องวัย 3 ขวบก็ถามพ่อว่า "พ่อกินเหล้ามั้ย" พ่อไม่ตอบแต่กลายเป็นว่าอายลูกแทน ก็เลยเปรยขึ้นว่า เดี๋ยวเข้าพรรษาปีนี้จะ งดเหล้าเข้าพรรษานะ เรางี้ยิ้มแก้มปริเลย ยินดีปรีดาไปด้วย
ผ่านไป 3 วัน ตัวสามีเองเริ่มจะลังเลว่าจะงดเหล้าเข้าพรรษาได้มั้ย จริงๆ แล้วเค้าก็ไม่ได้เป็นคนกินอะไรเยอะนักหรอก แต่ความที่มีเพื่อนเยอะ สังสรรค์ก็ค่อนข้างบ่อยและปฏิเสธไม่ค่อยได้ ดันเปลี่ยนใจว่า "เดี๋ยวจะไม่งดเหล้าเข้าพรรษาแล้ว เอาเป็นว่าเรามาลดหุ่นกันตอนช่วงเข้าพรรษาดีมั้ย" เริ่มชั่ง นน.วันเข้าพรรษา พอถึงวันออกพรรษามาดูกันว่าใครลดนน.ได้มากกว่าเป็นผู้ชนะ โดยการวางเดิมพันเป็นเงิน 10000 บาท
เราบอกว่าต่างฝ่ายต่างหาวิธีลดน้ำหนักเองนะ เป็นอันตกลง จากวันที่ชั่งน้ำหนัก เราก็พยายามควบคุมความอยาก น้ำหวาน น้ำอัดลม งดหมด ตักข้าวแต่ละมื้อแค่ครึ่งทัพพี ที่เหลือกินกับ เน้นน้ำพริกและผักมากขึ้น แต่ก็ดูไม่ค่อยเป็นผลสำเร็จซักเท่าไหร่ น้ำหนักทั้งสองฝ่ายยังคงที่
ทีนี้เราก็เลยวางแผนการเอาเงินเดิมพัน ด้วยความที่ได้เปรียบเพราะว่าเราเป็นผู้กุมอำนาจในการจ่ายตลาดและทำกับข้าวทั้งหมด เราก็เลยเลือกทำแต่กับข้าวที่สามีเราชอบมากๆ และก็มีกับข้าวที่ควบคุมน้ำหนักอีกนิดหน่อย ถึงเวลากินเราก็ทำเป็นนั่งกินไปด้วย วิ่งไปทำงานบ้านไปด้วยไม่ให้ผิดสังเกต สามีเราเห็นกับข้าวที่ชอบก็กินแบบลืมข้อตกลงกันไปเลยทีเดียว แทบจะกินเยอะขึ้นมากกว่าเดิมซะอีก ส่วนเราก็ปฏิบ้ติตัวตามแนวทางลดน้ำหนักเช่นเดิม แถมตื่นเช้าขึ้นเพื่อมาแอบออกกำลังกายโดยไม่ให้สามีรู้อีก (ร้ายไปไหมเนี่ย)
ซ้ำร้าย ยังโทรชวนเพื่อนสามีมาสังสรรค์ที่บ้านซะอีก แถมทำกับแกล้มที่อร่อยหลายๆ อย่าง ทั้งที่แต่ก่อนแทบจะไม่ได้ทำเลย สามีเราก็กินใหญ่เลยล่ะสิทีนี้ เพราะเวลาไปกินตามร้านหรือนอกบ้านจะไม่ค่อยกินหรือดื่มมาก กลัวเมาแล้วกลับบ้านไม่ถูก พอได้กินที่บ้าน พ่อคุณเลยจัดเต็มที่เลย จนเค้าบ่นว่าเริ่มอึดอัด แล้วคงนึกขึ้นได้ เมื่อวานชวนชั่งน้ำหนัก ปรากฎว่าเค้าขึ้นไปอีก 1 กิโล ส่วนเราลดมาครึ่งกิโลแล้ว เย้!!!!
เมื่อเช้าเราก็ทำอาหารโปรดให้เค้าอีก เค้าก็กินข้าวไปแล้ว 1 จาน ให้เราไปตักเพิ่มอีก อยู่ดีๆก็พูดว่า "นี่เป็นแผนการของเธอใช่ไหม ที่ทำอาหารอร่อยซะทุกมื้อเลย แล้วจะลดน้ำหนักยังไงล่ะนี่" ตอนนี้สั่งห้ามเราทำกับข้าวอร่อยๆ แล้วล่ะ เย็นนี้คงจะซื้อน้ำพริกจิ้มผักต้มแทน ฮือๆๆๆ