ลดน้ำหนัก..อย่ามัวแต่มองตาชั่ง ผมเพิ่งเข้าใจวันนี้เอง

กระทู้สนทนา
ผมเองน้ำหนักตัวมากกว่าปกติค่า BMI อยู่ที่ 32.65 แต่เพราะการเพิ่มของน้ำหนักตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป
ไม่ได้ขึ้นทีเดียวหลายๆกิโล ทำให้เราแทบไม่รับรู้การเปลี่ยนแปลงแม้ว่าจะมองกระจกทุกวัน
จนเมื่อต้นเดือนนี้ ต้องไปเฝ้าแม่ที่โรงพยาบาล แม่นอนห้องรวม ทำให้ผมเองเจอคนป่วยหลายๆท่านที่น้ำหนักตัวมากแล้วทำให้ลำบากในการรักษา
หรือการช่วยเหลือจากพยาบาล แม้แม่เตือนผมอยู่เสมอเรื่องการลดน้ำหนักแต่ไม่เคยสนใจจนวันที่ต้องมานั่งอยู่โรงพยาบาลเพื่อเฝ้าแม่
ผมเดินไปหาพยาบาลแล้วถามว่าผมสามารถวัดความดันได้หรือเปล่า เพราะเห็นที่เตียงแทบทุกเตียงมีเครื่องวัดชีพจรพร้อมความดัน
พยาบาลยิ้มแล้วบอกว่าเดี๋ยวจะวัดให้ ผลที่ได้ความดันอยู่ที่ 151/121 อัตราการเต้นหัวใจอยู่ที่ 90 ครั้ง/นาที
พยาบาลบอกว่าผลไม่ค่อยดี ความดันค่อนข้างสูงซึ่งอาจจะเกิดเพราะน้ำหนักตัวมากเกินไป
ผมกลับเข้ามาห้องลดน้ำหนักนี้อีกครั้งหลังจากที่เข้าๆออกๆหลายครั้ง
แต่ครั้งนี้คงต้องทำให้สำเร็จเพราะสิ่งที่ผมกลัวคือโรคร้ายที่อาจจะเข้ามาเมื่อไหร่ก็ได้ หากผมยังไม่ยอมกลับมาดูแลสุขภาพ
หลังได้ข้อมูลการออกกำลังกาย สิ่งที่ผมตั้งใจทำคือการกระโดดเชือกเพราะทำได้ง่ายแต่ด้วยน้ำหนักตัวที่มากทำให้กระโดดนิดหน่อยก็ปวดหน้าแข้ง
แต่ปัจจุบันสามารถกระโดดได้เป็นพันโดยปวดนิดหน่อยพอทนได้ สลับกับการไปว่ายน้ำแล้วปั่นจักรยานอยู่กับที่ครั้งละ 1 ชั่วโมง
แล้วก็ซื้อเครื่องวัดความดันมาไว้ที่บ้าน 1 เครื่อง ผมออกกำลังกายมายังไม่ถึงเดือน แต่ผลการวัดความดันกลับมาอยู่ในเกณฑ์ที่ใกล้ปกติมากที่ 127/78 หัวใจเต้นที่ 73 ครั้ง/นาที ทั้งๆที่น้ำหนักตัวลดลงแค่ 3 กิโลกรัมเท่านั้นเอง ค่า BMI แทบไม่กระดิกอยู่ที่ 31.67 ไม่ใช่เครื่องชั่งเท่านั้นที่บอกเราน้ำหนักเรามากหรือน้อย แต่เครื่องวัดความดัน/ชีพจรต่างหากที่บอกเราว่าสุขภาพเราดีหรือแย่แค่ไหน ตอนนี้เลิกสนใจตาชั่งแล้วมาวัดความดัน/ชีพจรแทนทุกสัปดาห์ ทำให้มีความสุขในการออกกำลังกายมากกว่าเดิมอีกด้วย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่