วันอังคารที่ 23 กรกฎาคม 2556 เวลา 11:15:14 น.
ผู้เข้าชม : 40 คน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้นบริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ HMPRO ล่าสุด ณ เวลา 10.56 น. อยู่ที่ 12.50 บาท บวก 0.50 บาท หรือ 4.17% มูลค่าการซื้อขาย 205.57 ล้านบาท ทั้งนี้ ราคาหุ้น HMPRO เริ่มไต่ระดับขึ้นจากระดับราคา 10 บาท เมื่อวันที่ 7 ก.ค.56 และสามารถยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 25 วันที่ระดับราคา 12.04 บาทได้ในวันนี้ หรือปรับตัวขึ้นแล้วกว่า 25%
ขณะที่ในเชิงพื้นฐาน ล่าสุด HMPRO ซื้อขายที่ระดับ P/E ที่ 35.73 เท่า สูงเป็นอันดับที่ 12 ในจำนวนหุ้น 17 บริษัทและ P/BV ที่ 9.29 เท่า และข้อมูลจาก www.settrade.com ระบุว่า บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) จำนวน 8 แห่ง แนะนำ “ซื้อ” HMPRO แนะนำ “ถือ” จำนวน 1 แห่ง ราคาเป้าหมายเฉลี่ยที่ 16.63 บาท หรือมีอัพไซด์จากราคาปิดประมาณ 33%
บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้ (23 ก.ค. 56) แนะนำ “ซื้อ” HMPRO (เป้าพื้นฐาน 19.5 บาท) 1) คาดกำไรไตรมาส 2 โตไม่ต่ำกว่า 15% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน 2) คาดราคาหุ้นปรับลงแรงสะท้อนความกังวลเรื่องการบริโภคในประเทศไปพอสมควรแล้ว 3) มี Upside risk จากการขายสินทรัพย์เข้ากองทุนอสังหาริมทรัพย์ (มีโอกาสประกาศในปีนี้)
บล.เอเซีย พลัส ระบุในบทวิเคราะห์วันที่ 18 ก.ค.ว่า แนวโน้มกำไรในช่วงที่เหลือของปีเชื่อว่า ยังเติบโตต่อเนื่องจากผลของการเปิดสาขาใหม่ที่ยังมีแผนเปิดอีก 7 แห่งใน 2H56 และทำจุดสูงสุดในไตรมาสสุดท้ายของปี แม้จะมีปัจจัยกังวลเกี่ยวกับกำลังซื้อที่ชะลอตัว แต่ฝ่ายวิจัยยังมีมุมมองเชิงบวกและเชื่อว่าจะไม่กระทบต่อ HMPRO อย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจาก 1) ฐานลูกค้าเป็นกลุ่มผู้มีรายได้ปานกลางถึงสูง 2) โครงสร้างรายได้หลักปัจจุบันกว่า 55% เกิดจากลูกค้าในต่างจังหวัดซึ่งยังมีกำลังซื้อในระดับที่สูง สะท้อนจากสาขาใหม่ที่พึ่งเปิดช่วงต้นปี คือ จันทบุรี (เปิด ก.พ.) และชุมพร (เปิดมี.ค.) ถึงจุดคุ้มทุนและมีกำไรแล้วทั้งสิ้น อย่างไรก็ตาม ปัจจัยเสี่ยง ที่อาจส่งผลกระทบต่อประมาณการ คือ ผลขาดทุนของการเปิดสาขารูปแบบ Mega Home ในช่วงปลาย 4Q56 ราว 2 แห่ง (ลดลงจากแผนเดิมที่ 3 แห่ง) ที่ยังไม่ถึงจุดคุ้มทุนในช่วง 1-2 ปีแรก และอาจมีผลขาดทุนมากกว่าสมมติฐานของฝ่ายวิจัยซึ่งในเบื้องต้นอาจส่งผลให้กำไรทั้งปี 2556 น้อยกว่าประมาณการปัจจุบันราว 11%
อย่างไรก็ตามยังคงประมาณการไว้เนื่องจากยังมีประเด็นบวกนอกเหนือประมาณการ จากแนวโน้มการบันทึกกำไรพิเศษจากการจัดตั้งกองทุนอสังหาริมทรัพย์ (Property fund) สาขาหัวหิน ราว 1 – 2 พันล้านบาท คิดเป็น EPS ที่เพิ่มขึ้น 0.12 - 0.24 บาท โดยคาดจะเห็นความชัดเจนช่วงปลาย 4Q56 ว่าจะสามารถจัดตั้งทันในปีนี้ หรือเลื่อนเป็นปีหน้า ซึ่งฝ่ายวิจัยจะติดตามและนำเสนอต่อไป
HMPRO เด้งกลับแล้ว 25% ทะลุ 12 บ.สำเร็จ! ลุ้นกองทุนอสังหาฯ ปลายปีนี้
ผู้เข้าชม : 40 คน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้นบริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ HMPRO ล่าสุด ณ เวลา 10.56 น. อยู่ที่ 12.50 บาท บวก 0.50 บาท หรือ 4.17% มูลค่าการซื้อขาย 205.57 ล้านบาท ทั้งนี้ ราคาหุ้น HMPRO เริ่มไต่ระดับขึ้นจากระดับราคา 10 บาท เมื่อวันที่ 7 ก.ค.56 และสามารถยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 25 วันที่ระดับราคา 12.04 บาทได้ในวันนี้ หรือปรับตัวขึ้นแล้วกว่า 25%
ขณะที่ในเชิงพื้นฐาน ล่าสุด HMPRO ซื้อขายที่ระดับ P/E ที่ 35.73 เท่า สูงเป็นอันดับที่ 12 ในจำนวนหุ้น 17 บริษัทและ P/BV ที่ 9.29 เท่า และข้อมูลจาก www.settrade.com ระบุว่า บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) จำนวน 8 แห่ง แนะนำ “ซื้อ” HMPRO แนะนำ “ถือ” จำนวน 1 แห่ง ราคาเป้าหมายเฉลี่ยที่ 16.63 บาท หรือมีอัพไซด์จากราคาปิดประมาณ 33%
บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้ (23 ก.ค. 56) แนะนำ “ซื้อ” HMPRO (เป้าพื้นฐาน 19.5 บาท) 1) คาดกำไรไตรมาส 2 โตไม่ต่ำกว่า 15% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน 2) คาดราคาหุ้นปรับลงแรงสะท้อนความกังวลเรื่องการบริโภคในประเทศไปพอสมควรแล้ว 3) มี Upside risk จากการขายสินทรัพย์เข้ากองทุนอสังหาริมทรัพย์ (มีโอกาสประกาศในปีนี้)
บล.เอเซีย พลัส ระบุในบทวิเคราะห์วันที่ 18 ก.ค.ว่า แนวโน้มกำไรในช่วงที่เหลือของปีเชื่อว่า ยังเติบโตต่อเนื่องจากผลของการเปิดสาขาใหม่ที่ยังมีแผนเปิดอีก 7 แห่งใน 2H56 และทำจุดสูงสุดในไตรมาสสุดท้ายของปี แม้จะมีปัจจัยกังวลเกี่ยวกับกำลังซื้อที่ชะลอตัว แต่ฝ่ายวิจัยยังมีมุมมองเชิงบวกและเชื่อว่าจะไม่กระทบต่อ HMPRO อย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจาก 1) ฐานลูกค้าเป็นกลุ่มผู้มีรายได้ปานกลางถึงสูง 2) โครงสร้างรายได้หลักปัจจุบันกว่า 55% เกิดจากลูกค้าในต่างจังหวัดซึ่งยังมีกำลังซื้อในระดับที่สูง สะท้อนจากสาขาใหม่ที่พึ่งเปิดช่วงต้นปี คือ จันทบุรี (เปิด ก.พ.) และชุมพร (เปิดมี.ค.) ถึงจุดคุ้มทุนและมีกำไรแล้วทั้งสิ้น อย่างไรก็ตาม ปัจจัยเสี่ยง ที่อาจส่งผลกระทบต่อประมาณการ คือ ผลขาดทุนของการเปิดสาขารูปแบบ Mega Home ในช่วงปลาย 4Q56 ราว 2 แห่ง (ลดลงจากแผนเดิมที่ 3 แห่ง) ที่ยังไม่ถึงจุดคุ้มทุนในช่วง 1-2 ปีแรก และอาจมีผลขาดทุนมากกว่าสมมติฐานของฝ่ายวิจัยซึ่งในเบื้องต้นอาจส่งผลให้กำไรทั้งปี 2556 น้อยกว่าประมาณการปัจจุบันราว 11%
อย่างไรก็ตามยังคงประมาณการไว้เนื่องจากยังมีประเด็นบวกนอกเหนือประมาณการ จากแนวโน้มการบันทึกกำไรพิเศษจากการจัดตั้งกองทุนอสังหาริมทรัพย์ (Property fund) สาขาหัวหิน ราว 1 – 2 พันล้านบาท คิดเป็น EPS ที่เพิ่มขึ้น 0.12 - 0.24 บาท โดยคาดจะเห็นความชัดเจนช่วงปลาย 4Q56 ว่าจะสามารถจัดตั้งทันในปีนี้ หรือเลื่อนเป็นปีหน้า ซึ่งฝ่ายวิจัยจะติดตามและนำเสนอต่อไป