อ่านการ์ตูน ได้ประโยชน์ในการทำงาน จริงๆ นะ

ผมตั้งใจเขียนกระทู้นี้  เพราะพอดีเพิ่งเข้ามาอ่านในห้องนี้ เพราะอยากหาข้อมูลเกี่ยวกับ การ์ตูน big book ที่สะสม
ซึ่งตอนนี้ SLAM DUNK ออกมาครบแล้ว ห่อปกใสอย่างดี ฮ่าๆ  อีกอันที่รอก็มี HIKARU NO GO
แล้วก็มีอีกหลายๆ เรื่องที่อยากเก็บ อยากรู้ว่าจะมีอะไรที่อยากออกมาไหม เลยมาลองหาอ่านห้องนี้ดู

เข้าเรื่องว่า ผมได้อ่านเจอกระทู้หนึ่ง ถามสิ่งที่ได้จากการ์ตูน
แน่นอนว่านอกเหนือจากความสุขจากการอ่าน การจินตนาการ ได้ปลดปล่อยความรู้สึก อารมณ์
(อย่าคิดมากครับ...ตัวอย่างเช่นเสียน้ำตาให้กับฉากของ ผีซ่าส์กับฮานาดะ  ทัช ฯลฯ)

ทีนี้ผมอยากให้เห็นประโยชน์ของการ์ตูนที่มีต่อการทำงาน
รายละเอียดต่างๆ อาจไม่เป๊ะนะครับ  ผมเขียนเอาจากความทรงจำล้วนๆ  ถ้าตรงไหนผิดไปจากที่การ์ตูนเขียน แสดงว่าเป็นจินตนาการผมที่รับเอาไปปรุงแต่งนะครับ ฮ่าๆ
(รายละเอียดต่างๆ ผมพยายามระวังสปอยล์ ก็อาจมีข้ามๆ หรือสรุปๆ นะครับ)

ตัวอย่าง 1 BAMBINO
พระเอกเป็นพ่อครัวอาหารอิตาลีที่กำลังฝึกฝีมือในร้านแห่งหนึ่ง
พระเอกทำสิ่งที่ผิดพลาด  ผู้จัดการเรียกไปอบรม ถามประมาณว่า  "เธอรู้ไหม ว่าใครจ่ายเงินเดือนให้เธอ"

<ในใจคิด  เจ้าของร้าน?? ลูกค้า???>

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

ในบริษัท มีทั้งคนที่เกาะกินองค์กรไปวันๆ มีทั้งคนที่ผลักดันองค์กรไปข้างหน้า
เมื่อไรก็ตามที่ผมเห็นเด็กใหม่ที่เข้ามาในองค์กร เขาเข้ามาด้วยความหวัง แต่เหนื่อยหน่ายและผิดหวังกับคน กับระบบในองค์กร
แล้วเขาอยู่ระหว่างทางแยกว่าจะเลือกเป็นแบบไหน


ผมจะยิงคำถามเดียวกับผู้จัดการใส่
ไม่เคยมีใครตอบผมด้วยวาจา  เกือบทั้งหมดมีแต่สายตาลุกโชนสู้กลับมา

ผมรู้..
สิ่งที่เขารังเกียจยิ่งกว่าคนที่เกาะกินองค์กรไปวันๆ...คือภาพตัวเขาเองที่เกาะกินองค์กรไปวันๆ

แม้ท้ายที่สุดหลายคนลาออกไปเริ่มกับบริษัทใหม่  แต่อย่างน้อยผมเชื่อว่าทัศนคติกำหนดพฤติกรรม
การที่ปลูกฝังทัศนคติที่ดี จะนำไปสู้พฤติกรรมที่ดี และชีวิตเขาก็จะดีเอง ...แน่นอนว่าทัศนคตินั้นเขาเลือกเอง


ตัวอย่าง 2 IRYU TEAM MEDICAL DRAGON
พระเอกเป็นเทพหมอศัลย์ ที่กลับจากต่างประเทศแต่ละทิ้งฝีมือ จนมีคนมาชวนมาเป็นหมอรักษาคนไข้สำหรับงานวิจัย
สิ่งที่ยากในการทำงานไม่ใช่แค่ ความยากของการรักษา แต่มีทั้งการเมือง การขัดผลประโยชน์ ของวงการแพทย์ญี่ปุ่น

ในการสร้างทีมแพทย์สำหรับงานวิจัยนี้  พระเอกเลือก หมอฝึกหัดคนนึงที่ดูฝีมือต่ำสุดเข้าทีม

ซึ่งในที่สุด หมอฝึกหัดคนนี้ก็แสดงให้เห็นว่าทำไมถึงถูกเลือก

ผมทำงานที่ได้รับมอบหมาย  ทำงานได้ดีจนก้าวหน้า พอทำไปนานเข้า งานที่ต้องทำก็มากขึ้นเรื่อยๆ
ในที่สุด ถ้าผมทำเองทั้งหมดคนเดียว ผมต้องทำไม่ได้ และไม่สามารถทำในสิ่งที่มากขึ้น ยากขึ้น

ผมต้องหาคนมาทำงานในสิ่งที่ผมเคยทำ  แล้วค่อยๆ ผ่องถ่าย
จากนั้นผมก็ไปทำในสิ่งที่มากขึ้น ยากขึ้นได้

ไม่เพียงเท่านั้น  การสอนให้คนอื่นทำในสิ่งที่ตัวเองเคยทำ  เป็นการฝึกฝนตัวเองได้ในหลายๆ สิ่ง

----------------------------------------------------------------------------
จริงๆ ตัวอย่างมีอีกมากมาย แต่ขอปิดท้ายด้วย

ตัวอย่าง 3 หงสาจอมราชันย์

ขอแยกเป็นกลุ่มๆ นะครับ

3.1  ตัวละครในเรื่องสามก๊ก ในเรื่องนี้  มีแง่มุมที่ไม่เหมือนจากที่เคยอ่าน  พออ่านตามที่เรื่องนี้รู้สึกเหมือนกับว่า เข้าใจคำว่า คน มากขึ้น
ซึ่งในการทำงานเป็นแบบเดียวกัน  มีหลายคนเขาแสดงออกว่าเขาเป็นในสิ่งที่อยากให้เราคิดว่าเขาเป็น  (ถ้าใครงง อ่านซ้ำอีกรอบ)
แม้ไม่ได้อยู่ในสงครามหรือสนามรบ  แต่คนไม่น้อยระวัง หรือซ่อน หรือสร้าง เกี่ยวกับเรื่องพวกนี้มาก
ในขณะที่หลายคนก็แสดงออกแท้ๆ ในสิ่งที่เป็น
การเข้าใจในเรื่องเหล่านี้ ช่วยให้ชีวิตการทำงานดีขึ้นนะ

3.2 สมัยเรียน อาจารย์เคยสอนว่า  เทพย่อมอยู่กับเทพ  มารย่อมอยู่กับมาร
ในเรื่องหงสาฯ  ก็มีบอกไว้ว่า  สัตว์อยู่รวมกันเป็นฝูง  สิ่งของอยู่รวมกันเป็นหมวดหมู่
หรืออีกนิด อย่าง JoJo ล่าข้ามศตวรรษ ก็มีคำพูดคลาสสิกว่า "ผู้ใช้แสตนด์ย่อมถูกชักนำให้มาพบกัน"  (อันนี้ออกแนวเขียนบทจะได้เอาแสตนด์มาอัดกันมากกว่า ฮ่าๆๆ)

ความหมายคือ  คนนิสัยแบบเดียวกัน คิดคล้ายๆ กัน ย่อมถูกใจหรือชักนำมาสู่กัน
คนที่เบื่อคนขี้นินทา  ก็คงไม่ค่อยอยากจะเสวนาเข้าจับกลุ่มนินทาชาวบ้าน
คนที่ไม่กินเหล้า  หลังเลิกงาน เพื่อนขี้เหล้าชวนไปเมาก็คงไม่อยากไป

สิ่งเหล่านี้เป็น Informal Group ในการทำงาน  แต่ก็จะส่งผลเกี่ยวกับงานได้
เช่น  การทำงานร่วมกับกลุ่มคนที่ไม่คุ้นเคย อาจไม่สนิท ไม่ราบรื่น  การหยิบยกเรื่องที่มีส่วนร่วมตรงกันจะช่วยสร้างความคุ้นเคยได้
ตัวอย่างเช่นประเภทไม่ชอบทำงานกับสาววัยสูง  แต่พอชวนคุยเรื่องละคร หรือนิยาย กลายเป็นว่าคุยกันถูกคน (แต่ถ้าเราไม่ชอบละคร นิยาย อาจมีเรื่องอื่นอีกนะ เช่น  ออกกำลังกาย สิ่งของฯลฯ)

สำหรับบางกลุ่มเรารู้ว่าข้อไม่ดีที่เราไม่ชอบ  เราก็หลบเลี่ยงได้ง่าย เช่น  กลุ่มขี้นินทา  เราก็หลีกเลี่ยงไม่ให้ข้อมูลส่วนตัว  ไม่พูดถึงบุคคลที่ 3 โดยไม่จำเป็นไม่ระวัง

3.3  คนเก่ง ไม่โอ้อวด  ซัดตูมเดียวเลย จะดีกว่า ฮ่าๆ
ในเรื่องหงสาฯ  หลายตัวละครเวอร์ชั่นนี่เข้าข่ายเทพแทบทุกตัว  แต่หลายตัวละครซุ่มซ่อนความเก่งไว้ ในขณะที่หลายตัวละคร ขี้โม้โอ้อวด

ความแตกต่างที่เห็นชัดคือ เสน่ห์

เสน่ห์ ดังว่านี้ถือเป็น Power อย่างหนึ่ง ไม่ใช่พละกำลังที่มากกว่า  หรือปัญญาที่ฉลาดกว่าเท่านั้น
แต่มันดึงดูดได้!!

ถ้าใครเคยทำงานกับคนที่มีเสน่ห์ จะรู้สึกได้เลยว่า มันน่าทำงานด้วยจริงๆ


3.4  ความเก่งถ้าจำแนกเป็น  กำลัง  ปัญญา วิสัยทัศน์
ถ้ากำลังถ้าทัดเทียมกัน ก็เอาชนะกันด้วยปัญญา
ถ้าปัญญาทัดเทียมกัน ก็เอาชนะด้วยวิสัยทัศน์

ในเรื่องหงสา หลายฉากหลายตอน แสดงถึง สุดยอดวิสัยทัศน์
บางคนมีวิสัยทัศน์ยาวนานหลายสิบปี

เรื่องนี้ถ้าให้เขียนจะยาวมาก  เอาเป็นว่า
ผมเชื่อว่าคนเก่งเดินกันสลอน  คนเก่งและมีเสน่ห์มีน้อยลงมาหน่อย
คนเก่งที่มีเสน่ห์และมีวิสัยทัศน์ จะต้องเป็นคนที่พิเศษสุด และโดดเด่นกว่าใคร

(ผมพยายามมองในชั้นในการทำงานในขอบเขตคำว่า อาชีพการงาน  ซึ่งจริงๆ มันจะเห็นชัดมากในชั้นการทำธุรกิจ - (สงคราม การชิงความเป็นใหญ่ในการ์ตูน))



-----------------------------
จริงๆ มีอีกมากมายไม่รู้จบ ที่จะหยิบยกตัวอย่างได้ แต่เอาพอให้เห็นภาพที่จะสื่อว่า การ์ตูนมีประโยชน์ในการทำงานมากๆ เลยนะ

ใครไม่เชื่อบอกไปเลยว่า  ตอนเล็กๆ เรียนหนังสือ มานะ มานี ชูใจ ปิติ  นั่นแหล่ะการ์ตูน (โมเม ไปเลย ฮ่าๆ เล่ม 1 ภาพเยอะกว่าตัวอักษรอีก)
อ่านหนังสือออก ก็รับเอาสรรพความรู้มหาศาลได้

จบแบบแถๆ

ปิดท้ายด้วยตัวต้นเหตุ  ซึ่งศัตรูของการอ่านการ์ตูนคือเงินที่จ่ายไปนี่เอง
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  หนังสือการ์ตูน การ์ตูน
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่