สวัสดีครับเพื่อนห้อง MBK
ผมเห็นช่วงนี้ มีผู้ใช้บริการบ่นถึงเรื่องของ dtac มากมายนัก
ซึ่งองค์กรนี้
เคยเป็นองค์กรที่ผมเคยชื่นชมมาก่อน(เมื่อ 4 ปีที่แล้ว) และก็เกิดความรู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลง
เริ่มจากที่บ้านผมนั้น เคยใช้บริการ WorldPhone 1800 ซึ่งสมัยนั้นผมยังเด็กอยู่เลยครับ อยู่ต่างจังหวัดครับ
เวลาที่พ่อไปจ่ายค่ารายเดือน ต้องไปจ่ายที่ธนาคารกรุงเทพอย่างเดียวในตอนนั้น (บ้านนอกครับ ไม่ใช่จังหวัดใหญ่ด้วย)
โทรศัพท์ Motorola รุ่นฝาพลิป มีเสาเล็กๆ ดึงให้ยาว หน้าจอแบบเดียวกับเครื่องคิดเลขเลยครับ ไฟสีส้ม
หลังจากนั้น เมื่อผมย่างเข้าวัยรุ่น ได้เห็นว่า การตลาดของบริษัทนี้รุกหน้าไปมาก เพื่อให้แข่งขันกับอีกเจ้าคือเอไอเอส
โดยตอนนั้น จำได้กับคำว่า "
แล้วอะไรๆ จะ D ขึ้น" เป็นคำโฆษณาที่ดังไปทั่ว ให้ทุกๆคนแปลกใจ
ว่าอะไรวะ??? มันจะดีขึ้น!
สรุปเป็นการเปลี่ยนแบรนด์ จาก TAC มาเป็น DTAC ครับ (ได้หุ้นส่วน เทเลนอร์ จากนอร์เวย์ เพราะเศรษฐกิจช่วงปี 2540)
และตัวผมเอง ก็ได้ใช้บริการ Dprompt ซึ่งเป็นระบบเติมเงินของค่ายนี้ (เดิมชื่อ Prompt) ซึ่งตอนนั้นก็ไม่ได้มีอะไรหวือหวามากนัก
จนมีการเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ ทั้งการรีแบรนด์ต่างๆ เพิ่มบริการที่หลากหลาย และการมาของยุค 2.5G ครับ
ยุคของ 2.5G นั้น ผมถือว่าเป็นยุคเด่นมากๆของ DTAC เลยทีเดียว ทั้งเรื่องการครอบคลุมของสัญญาณ(มี Orange มาแข่ง)
และการใช้งานที่เปลี่ยนจาก GPRS ไปเป็น EDGE ซึ่งให้ความเร็วที่สูงกว่าถึง 5 เท่า
โดยค่าย DTAC นั้นให้บริการ EDGE ได้
เร็วและแรงที่สุดในบรรดาผู้ให้บริการทั้งหมด จนเกิดกระแสการเปลี่ยนมาใช้ DTAC มากขึ้น
และยังคงเป็นเช่นนั้นอยู่นาน จนผู้ให้บริการอีกเจ้า(เอไอเอส) ต้องขนเทคโนโลยี EDGE+ มาสู้กันเลยทีเดียว
และสิ่งที่โดดเด่นที่สุดของ DTAC นั้น คงหนีไม่พ้นการให้บริการที่ประทับใจ ทั้งการให้บริการในร้านขาย DTAC Shop เอง
และการให้บริการของ
Call Center ซึ่งเรียกว่าสมัยนั้น ไม่มีใครให้บริการได้ดีเยี่ยม เที่ยบเท่าดีแทคได้เลยทีเดียว
ซึ่งการตอบปัญหาลูกค้า การแก้ปัญหาต่างๆ นั้นรวดเร็ว ฉับไว เงินหายสามารถคืนเงินได้ตอนนั้นเลย(สำหรับเติมเงินที่ยอดไม่เเยอะ)
ทั้งๆที่คู่แข่ง ตอบได้เพียงว่า จะนำเรื่องไปตรวจสอบ แล้วหายเงียบเป็นเป่าสาก
CallCenter ของดีแทค มีแม้กระทั่ง ลูกค้าสายหลุด จะรีบโทรกลับหาลูกค้าเองทันที (เจ้าอื่นไม่เคยมีครับ)
ซึ่งตอนนั้นเป็นอะไรที่ประทับใจสุดๆ และเราก็ได้มารู็คำตอบว่า ทั้งหลายเหล่านี้ ล้วนแล้วแต่มาจาก "ผู้บริหาร"
คุณ
ซิกเว่ เบกเก้ (ผมจำชื่อนี้ได้ในหัวสมองเลยทีเดียว) เป็นผู้บริการที่ใกล้ชิด และผูกพันธุ์กับคนไทยมากๆ แม้จะไม่ใช่คนไทย
ทุกอย่างที่ผู้บริหารท่านนี้ทำ ล้วนแล้วแต่มาจากความต้องการของผู้ใช้บริการล้วนๆ เรียกว่าลงพื้นที่ พูดคุยกันจริงๆ
และอีกท่าน ที่ทำให้ผู้ใช้ๆอย่างเราๆได้ยิ้มกันได้ คือ
คุณธนา ซึ่งเป็นผู้บริหารที่มีล๊อกอินพันทิป มาตอบปัญหา มาช่วยเหลือ และรับฟัง

โฆษณา " Call Center" ที่ต้องมองกระจกตอนพูดคุยกับลูกค้า ....มันเป็นแนวคิด จุดเล็กๆที่ใส่ใจมากๆ
เพราะเป็นการตรวจสอบตัวเองในขณะพูดคุยกับลูกค้า ทั้งน้ำเสียงต่างๆ อารมณ์ต่างๆ พนักงานจะได้รู้ตัวตลอดเวลา
บังคับ "ยิ้ม" กับกระจก มันทำให้พนักงานใจเย็น น้ำเสียงฟังดูน่าฟัง และคนฟังก็จะมีความสุข
โปรโมชั่น ตอบแทนลูกค้าของค่ายนี้ สมัยก่อนออกมาเยอะมากและใช้ได้จริงๆ จนคนรอบข้างผมต้องอิจฉา (เอไอเอส ยังไม่มีเซเรเนส)
จำได้ว่ารายเดือน ผมเคยใช้ Maximize มีบัตรออกมาให้ด้วย ได้ที่จอดรถส่วนตัวที่เซ็นทรัล และส่วนลดเพิ่ม 5% ที่เอ็มโพเรียม และห้างอื่นๆ
วันเกิด ผมได้โทรฟรี โทรหาใครก็ได้ไม่จำกัดตลอด 24 ชม. และแบบเติมเงิน เติมในวันเกิด ได้เงิน 2 เท่าครับ
มีบัตร Happy RED card, Happy Bank และยังมีสะสมแต้ม D4U ใช้บริการ 10 บาท ได้แต้ม 1 แต้ม ไว้แลกของต่างๆมากมายก่ายกอง
คิดเป็นวินาที มีใจดีให้ยืมสำหรับแบบเติมเงินด้วย วันแลกเงิน เงินแลกวัน ซึ่งเป็นเจ้าแรกๆที่ให้โปรแบบนี้
จนปัจจุบัน เรามองเห็นอะไรในดีแทคบ้าง???
ความเปลี่ยนไป ของ DTAC มันเห็นได้ชัดเจนขึ้น ถามว่าเพราะอะไร ผมตอบได้เต็มปากเลยว่า ทุกอย่างมาจากแนวคิดผู้บริหารทั้งสิ้น
เราจะสังเกตุว่า ตั้งแต่เปลี่ยนผู้บริหารใหม่แล้วนั้นมันเป็นอย่างไร? (เคยบริหารในมาเลย์ และปากีสถาน)
ความเข้าใจ ใส่ใจต่อลูกค้าลดลงอย่างมาก .....และการสร้างภาพนั้น นับวันยิ่งมากขึ้น!!!
การสร้างภาพ ของดีแทคก็เริ่มเกิดขึ้นครับ แรกๆที่ชัดเจนคือ การโหมกระหน่ำ โฆษณา Vodafone !!!!
จนเป็น talk of the town อยู่พักใหญ่ (คิดกันไปต่างๆนานาๆ จะเอาไอโฟนมาขายเร็วขึ้น??? เอาเครื่องโวดาโฟนมาขาย???)
สุดท้ายเป็นแค่การเป็นพันธมิตร ในการ Roaming สัญญาณ (เจ้าอื่นก็เป็น แถมเป็นกับค่ายใหญ่อื่นๆอีกมาก ไม่เคยเอามาโฆษณา)
แถมกล่าวด้วยคำที่ช่างดูยิ่งใหญ่มาก.... "ร่วมเป็นส่วนหหนึ่ง ของเครือข่ายการสื่อสาร บนมือถือที่ใหญ่ที่สุดในโลก"
อย่าเข้าใจผิดนะครับ ว่ามาใช้ดีแทคแล้ว จะได้ใช้สัญญาณคุณภาพดีแบบนั้น มันไม่มีในไทยครับ อยากใช้ก็บินไปใช้เอา!!!
ต่อมามีปัญหาใหญ่ เรื่องเครือข่ายล่มบ่อย ซึ่งปัญหานี้เป็นปัญหาใหญ่มากครับ ......มีโทรศัพท์ ไม่มีสัญญาณจะให้ไปเพื่อ???
ดังนั้น ดีแทคแก้ปัญหาพร้อมสร้างภาพไปเพื่อไม่ให้ลูกค้าหนีว่า ..."เปลี่ยน base ส่งสัญญาณใหม่ทั้งหมด"
และคำพูดสร้างภาพคำโตที่ว่า "เเทคโนโลยีดีที่สุดในโลก และรองรับการเปลี่ยนเป็น 3G+ 4G ได้ในทันที แค่ใส่ slot 10 นาที"
ซึ่งทุกวันนี้ มันไม่ได้เป็นดังคุยเลยครับ
สัญญาณที่ได้จากเทคโนโลยีที่ดีที่สุดในโลกนั้น ...สัญญาณแกว่ง ขาดหาย เน็ตไม่วิ่ง แถมยังล่มอยู่อีก!!!
แล้วที่บอกว่า 10 นาทีก็เปลี่ยนเป็น 4G ได้เลยนั้น พอประมาณคลื่น 2100 มาได้แล้ว ก็พยายามเงียบทันที เลี่ยงประเด็นนี้ทันที
etc. ยังมีหลายเหตุการณ์สร้างภาพของ dtac ยุคนี้นะครับ

ทุกวันนี้ ผมเลยไม่แปลกใจเลยที่หลายๆคนจะออกมาบ่นกันให้ได้ยิน
ทั้งๆที่ผู้ให้บริการก็ป่าวประกาศ ปาวๆ แต่ไม่มีอะไรดีขึ้นหรือเกิดขึ้นช้ามาก
การที่โปร TriNet ออกมาก่อนที่ทุกอย่างจะแล้วเสร็จหรือสามารถใช้งานได้จริงนั้น เพราะว่าต้องการรักษาฐานลูกค้าเอาไว้ ไม่ให้หนีไป
เพราะค่ายอื่นเดินหน้าเร็วมาก ทั้ง AIS และ TRUE ซึ่งใช้งานได้จริง และทันทีอีกด้วย (AIS 3G ใช้งานได้จริง ก่อนประกาศเปิดใช้จริง)
ตอนนี้ True มี 3G 850 ที่ครอบคลุม (จะได้มาด้วยวิธีใดก็ตาม) และกำลังขยาย 4G จากคลื่น 2100 ที่ได้มาไปเรื่อยๆ (ไม่ย่ำกับที่)
ส่วน AIS กำลังเร่งปิดช่องโหว่ของตัวเอง เรื่อง 3G ที่ของเก่าคลื่น 900 นั้นไม่สามารถรองรับผ้ใช้จำนวนมากได้ จึงเร่งเดินเครื่องติดตั้ง
ซึ่งตอนนี้ติดตั้งไปได้เยอะกว่ากำหนดการของเอไอเอสเองเสียอีก และใช่ว่าจะติดตั้งแต่ในตัวเมือง แค่เสาเดียวนะครับ
ทุกจังหวัดที่ติดตั้งแล้วนั้น กินพื้นที่เกิน 50% ของจังหวัดนั้นๆทั้งสิ้นครับ ติดเสร็จไม่กี่วันก็ปล่อยให้ใช้เลย ก่อนวันประกาศใช้จริงอีก
(
ล่าสุด ที่เกาะพยาม จ.ระนอง ห่างจากฝั่งออกไป 35 km. ตอนนี้ใช้ 3G 2100 ได้แล้วครับ ทั้งๆที่เกาะยังไม่มีไฟฟ้าใช้
โดยใช้แผงโซล่าเซลล์เอาครับ พอดีผมมีธุรกิจอยู่ที่เกาะนี้ครับ เลยดีใจสุดๆ ไม่ต้องใช้เน็ตผ่านดาวเทียม เดือนละ 2,500 บาท 1Mbps)
แล้ว DTAC ???? ปัจจุบันบอกว่าเริ่มทำอย่างต่อเนื่อง (เริ่มครับ แต่เริ่มช้ามาก) สัญญาณเดิมก็มีสัปทาน 850 อยู่แล้ว
แต่ดันไม่ติดตั้ง 3G ให้ครบถ้วนเสียตั้งแต่ตอนแรก และพอได้ 2100 มาก็ยังนิ่ง ไปเรื่อยๆอีก (AIS ทำได้ คุณทำไม่ได้???)
จนลูกค้าเริ่มจะตีจากนั่นแหล่ะครับ จึงรีบออกมาสร้างภาพกันไปก่อน โดยประกาศ TriNet และโหมกระหน่ำโฆษณาทุกช่องทาง
ออกโปรล่วงหน้า 2 เดือน พอถึงกำหนดที่ว่าตอนแรก กลับเลื่นไปอีก .....หลอกให้รอ ให้หวังกันทำไม??? เห็นใจคนรอบ้างมั๊ย???
ดีแทคเมื่อ ตอนเป็น DTAC Make it Easy สมัยนั้นคุณทำได้ดีมาก ทำให้เหล่าผู้ใช้บริการหลงรักคุณ ให้ใจกับคุณไป
แล้วทำไมตอนนี้ คุณกลับไม่สนใจใยดี เห็นเราเป็นอะไรครับ ....คุณเปลี่ยนไป!!! เราทำใจลำบากนะครับ
เพราะว่า "ค น รั ก เ ป ลี่ ย น ไ ป"
ไว้อาลัยให้แก่ดีแทคในยุคนี้ครับ ...อาเมน!
dtac : กับการบริหารงานยุคใหม่ "ยุคสร้างภาพ" ..... ไว้อาลัยให้กับบริษัทที่เคยชื่นชม
สวัสดีครับเพื่อนห้อง MBK
ผมเห็นช่วงนี้ มีผู้ใช้บริการบ่นถึงเรื่องของ dtac มากมายนัก
ซึ่งองค์กรนี้ เคยเป็นองค์กรที่ผมเคยชื่นชมมาก่อน(เมื่อ 4 ปีที่แล้ว) และก็เกิดความรู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลง
เริ่มจากที่บ้านผมนั้น เคยใช้บริการ WorldPhone 1800 ซึ่งสมัยนั้นผมยังเด็กอยู่เลยครับ อยู่ต่างจังหวัดครับ
เวลาที่พ่อไปจ่ายค่ารายเดือน ต้องไปจ่ายที่ธนาคารกรุงเทพอย่างเดียวในตอนนั้น (บ้านนอกครับ ไม่ใช่จังหวัดใหญ่ด้วย)
โทรศัพท์ Motorola รุ่นฝาพลิป มีเสาเล็กๆ ดึงให้ยาว หน้าจอแบบเดียวกับเครื่องคิดเลขเลยครับ ไฟสีส้ม
หลังจากนั้น เมื่อผมย่างเข้าวัยรุ่น ได้เห็นว่า การตลาดของบริษัทนี้รุกหน้าไปมาก เพื่อให้แข่งขันกับอีกเจ้าคือเอไอเอส
โดยตอนนั้น จำได้กับคำว่า "แล้วอะไรๆ จะ D ขึ้น" เป็นคำโฆษณาที่ดังไปทั่ว ให้ทุกๆคนแปลกใจ ว่าอะไรวะ??? มันจะดีขึ้น!
สรุปเป็นการเปลี่ยนแบรนด์ จาก TAC มาเป็น DTAC ครับ (ได้หุ้นส่วน เทเลนอร์ จากนอร์เวย์ เพราะเศรษฐกิจช่วงปี 2540)
และตัวผมเอง ก็ได้ใช้บริการ Dprompt ซึ่งเป็นระบบเติมเงินของค่ายนี้ (เดิมชื่อ Prompt) ซึ่งตอนนั้นก็ไม่ได้มีอะไรหวือหวามากนัก
จนมีการเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ ทั้งการรีแบรนด์ต่างๆ เพิ่มบริการที่หลากหลาย และการมาของยุค 2.5G ครับ
ยุคของ 2.5G นั้น ผมถือว่าเป็นยุคเด่นมากๆของ DTAC เลยทีเดียว ทั้งเรื่องการครอบคลุมของสัญญาณ(มี Orange มาแข่ง)
และการใช้งานที่เปลี่ยนจาก GPRS ไปเป็น EDGE ซึ่งให้ความเร็วที่สูงกว่าถึง 5 เท่า
โดยค่าย DTAC นั้นให้บริการ EDGE ได้เร็วและแรงที่สุดในบรรดาผู้ให้บริการทั้งหมด จนเกิดกระแสการเปลี่ยนมาใช้ DTAC มากขึ้น
และยังคงเป็นเช่นนั้นอยู่นาน จนผู้ให้บริการอีกเจ้า(เอไอเอส) ต้องขนเทคโนโลยี EDGE+ มาสู้กันเลยทีเดียว
และสิ่งที่โดดเด่นที่สุดของ DTAC นั้น คงหนีไม่พ้นการให้บริการที่ประทับใจ ทั้งการให้บริการในร้านขาย DTAC Shop เอง
และการให้บริการของ Call Center ซึ่งเรียกว่าสมัยนั้น ไม่มีใครให้บริการได้ดีเยี่ยม เที่ยบเท่าดีแทคได้เลยทีเดียว
ซึ่งการตอบปัญหาลูกค้า การแก้ปัญหาต่างๆ นั้นรวดเร็ว ฉับไว เงินหายสามารถคืนเงินได้ตอนนั้นเลย(สำหรับเติมเงินที่ยอดไม่เเยอะ)
ทั้งๆที่คู่แข่ง ตอบได้เพียงว่า จะนำเรื่องไปตรวจสอบ แล้วหายเงียบเป็นเป่าสาก
CallCenter ของดีแทค มีแม้กระทั่ง ลูกค้าสายหลุด จะรีบโทรกลับหาลูกค้าเองทันที (เจ้าอื่นไม่เคยมีครับ)
ซึ่งตอนนั้นเป็นอะไรที่ประทับใจสุดๆ และเราก็ได้มารู็คำตอบว่า ทั้งหลายเหล่านี้ ล้วนแล้วแต่มาจาก "ผู้บริหาร"
คุณ ซิกเว่ เบกเก้ (ผมจำชื่อนี้ได้ในหัวสมองเลยทีเดียว) เป็นผู้บริการที่ใกล้ชิด และผูกพันธุ์กับคนไทยมากๆ แม้จะไม่ใช่คนไทย
ทุกอย่างที่ผู้บริหารท่านนี้ทำ ล้วนแล้วแต่มาจากความต้องการของผู้ใช้บริการล้วนๆ เรียกว่าลงพื้นที่ พูดคุยกันจริงๆ
และอีกท่าน ที่ทำให้ผู้ใช้ๆอย่างเราๆได้ยิ้มกันได้ คือคุณธนา ซึ่งเป็นผู้บริหารที่มีล๊อกอินพันทิป มาตอบปัญหา มาช่วยเหลือ และรับฟัง
โฆษณา " Call Center" ที่ต้องมองกระจกตอนพูดคุยกับลูกค้า ....มันเป็นแนวคิด จุดเล็กๆที่ใส่ใจมากๆ
เพราะเป็นการตรวจสอบตัวเองในขณะพูดคุยกับลูกค้า ทั้งน้ำเสียงต่างๆ อารมณ์ต่างๆ พนักงานจะได้รู้ตัวตลอดเวลา
บังคับ "ยิ้ม" กับกระจก มันทำให้พนักงานใจเย็น น้ำเสียงฟังดูน่าฟัง และคนฟังก็จะมีความสุข
โปรโมชั่น ตอบแทนลูกค้าของค่ายนี้ สมัยก่อนออกมาเยอะมากและใช้ได้จริงๆ จนคนรอบข้างผมต้องอิจฉา (เอไอเอส ยังไม่มีเซเรเนส)
จำได้ว่ารายเดือน ผมเคยใช้ Maximize มีบัตรออกมาให้ด้วย ได้ที่จอดรถส่วนตัวที่เซ็นทรัล และส่วนลดเพิ่ม 5% ที่เอ็มโพเรียม และห้างอื่นๆ
วันเกิด ผมได้โทรฟรี โทรหาใครก็ได้ไม่จำกัดตลอด 24 ชม. และแบบเติมเงิน เติมในวันเกิด ได้เงิน 2 เท่าครับ
มีบัตร Happy RED card, Happy Bank และยังมีสะสมแต้ม D4U ใช้บริการ 10 บาท ได้แต้ม 1 แต้ม ไว้แลกของต่างๆมากมายก่ายกอง
คิดเป็นวินาที มีใจดีให้ยืมสำหรับแบบเติมเงินด้วย วันแลกเงิน เงินแลกวัน ซึ่งเป็นเจ้าแรกๆที่ให้โปรแบบนี้
จนปัจจุบัน เรามองเห็นอะไรในดีแทคบ้าง???
ความเปลี่ยนไป ของ DTAC มันเห็นได้ชัดเจนขึ้น ถามว่าเพราะอะไร ผมตอบได้เต็มปากเลยว่า ทุกอย่างมาจากแนวคิดผู้บริหารทั้งสิ้น
เราจะสังเกตุว่า ตั้งแต่เปลี่ยนผู้บริหารใหม่แล้วนั้นมันเป็นอย่างไร? (เคยบริหารในมาเลย์ และปากีสถาน)
ความเข้าใจ ใส่ใจต่อลูกค้าลดลงอย่างมาก .....และการสร้างภาพนั้น นับวันยิ่งมากขึ้น!!!
การสร้างภาพ ของดีแทคก็เริ่มเกิดขึ้นครับ แรกๆที่ชัดเจนคือ การโหมกระหน่ำ โฆษณา Vodafone !!!!
จนเป็น talk of the town อยู่พักใหญ่ (คิดกันไปต่างๆนานาๆ จะเอาไอโฟนมาขายเร็วขึ้น??? เอาเครื่องโวดาโฟนมาขาย???)
สุดท้ายเป็นแค่การเป็นพันธมิตร ในการ Roaming สัญญาณ (เจ้าอื่นก็เป็น แถมเป็นกับค่ายใหญ่อื่นๆอีกมาก ไม่เคยเอามาโฆษณา)
แถมกล่าวด้วยคำที่ช่างดูยิ่งใหญ่มาก.... "ร่วมเป็นส่วนหหนึ่ง ของเครือข่ายการสื่อสาร บนมือถือที่ใหญ่ที่สุดในโลก"
อย่าเข้าใจผิดนะครับ ว่ามาใช้ดีแทคแล้ว จะได้ใช้สัญญาณคุณภาพดีแบบนั้น มันไม่มีในไทยครับ อยากใช้ก็บินไปใช้เอา!!!
ต่อมามีปัญหาใหญ่ เรื่องเครือข่ายล่มบ่อย ซึ่งปัญหานี้เป็นปัญหาใหญ่มากครับ ......มีโทรศัพท์ ไม่มีสัญญาณจะให้ไปเพื่อ???
ดังนั้น ดีแทคแก้ปัญหาพร้อมสร้างภาพไปเพื่อไม่ให้ลูกค้าหนีว่า ..."เปลี่ยน base ส่งสัญญาณใหม่ทั้งหมด"
และคำพูดสร้างภาพคำโตที่ว่า "เเทคโนโลยีดีที่สุดในโลก และรองรับการเปลี่ยนเป็น 3G+ 4G ได้ในทันที แค่ใส่ slot 10 นาที"
ซึ่งทุกวันนี้ มันไม่ได้เป็นดังคุยเลยครับ
สัญญาณที่ได้จากเทคโนโลยีที่ดีที่สุดในโลกนั้น ...สัญญาณแกว่ง ขาดหาย เน็ตไม่วิ่ง แถมยังล่มอยู่อีก!!!
แล้วที่บอกว่า 10 นาทีก็เปลี่ยนเป็น 4G ได้เลยนั้น พอประมาณคลื่น 2100 มาได้แล้ว ก็พยายามเงียบทันที เลี่ยงประเด็นนี้ทันที
etc. ยังมีหลายเหตุการณ์สร้างภาพของ dtac ยุคนี้นะครับ
ทุกวันนี้ ผมเลยไม่แปลกใจเลยที่หลายๆคนจะออกมาบ่นกันให้ได้ยิน
ทั้งๆที่ผู้ให้บริการก็ป่าวประกาศ ปาวๆ แต่ไม่มีอะไรดีขึ้นหรือเกิดขึ้นช้ามาก
การที่โปร TriNet ออกมาก่อนที่ทุกอย่างจะแล้วเสร็จหรือสามารถใช้งานได้จริงนั้น เพราะว่าต้องการรักษาฐานลูกค้าเอาไว้ ไม่ให้หนีไป
เพราะค่ายอื่นเดินหน้าเร็วมาก ทั้ง AIS และ TRUE ซึ่งใช้งานได้จริง และทันทีอีกด้วย (AIS 3G ใช้งานได้จริง ก่อนประกาศเปิดใช้จริง)
ตอนนี้ True มี 3G 850 ที่ครอบคลุม (จะได้มาด้วยวิธีใดก็ตาม) และกำลังขยาย 4G จากคลื่น 2100 ที่ได้มาไปเรื่อยๆ (ไม่ย่ำกับที่)
ส่วน AIS กำลังเร่งปิดช่องโหว่ของตัวเอง เรื่อง 3G ที่ของเก่าคลื่น 900 นั้นไม่สามารถรองรับผ้ใช้จำนวนมากได้ จึงเร่งเดินเครื่องติดตั้ง
ซึ่งตอนนี้ติดตั้งไปได้เยอะกว่ากำหนดการของเอไอเอสเองเสียอีก และใช่ว่าจะติดตั้งแต่ในตัวเมือง แค่เสาเดียวนะครับ
ทุกจังหวัดที่ติดตั้งแล้วนั้น กินพื้นที่เกิน 50% ของจังหวัดนั้นๆทั้งสิ้นครับ ติดเสร็จไม่กี่วันก็ปล่อยให้ใช้เลย ก่อนวันประกาศใช้จริงอีก
(ล่าสุด ที่เกาะพยาม จ.ระนอง ห่างจากฝั่งออกไป 35 km. ตอนนี้ใช้ 3G 2100 ได้แล้วครับ ทั้งๆที่เกาะยังไม่มีไฟฟ้าใช้
โดยใช้แผงโซล่าเซลล์เอาครับ พอดีผมมีธุรกิจอยู่ที่เกาะนี้ครับ เลยดีใจสุดๆ ไม่ต้องใช้เน็ตผ่านดาวเทียม เดือนละ 2,500 บาท 1Mbps)
แล้ว DTAC ???? ปัจจุบันบอกว่าเริ่มทำอย่างต่อเนื่อง (เริ่มครับ แต่เริ่มช้ามาก) สัญญาณเดิมก็มีสัปทาน 850 อยู่แล้ว
แต่ดันไม่ติดตั้ง 3G ให้ครบถ้วนเสียตั้งแต่ตอนแรก และพอได้ 2100 มาก็ยังนิ่ง ไปเรื่อยๆอีก (AIS ทำได้ คุณทำไม่ได้???)
จนลูกค้าเริ่มจะตีจากนั่นแหล่ะครับ จึงรีบออกมาสร้างภาพกันไปก่อน โดยประกาศ TriNet และโหมกระหน่ำโฆษณาทุกช่องทาง
ออกโปรล่วงหน้า 2 เดือน พอถึงกำหนดที่ว่าตอนแรก กลับเลื่นไปอีก .....หลอกให้รอ ให้หวังกันทำไม??? เห็นใจคนรอบ้างมั๊ย???
ดีแทคเมื่อ ตอนเป็น DTAC Make it Easy สมัยนั้นคุณทำได้ดีมาก ทำให้เหล่าผู้ใช้บริการหลงรักคุณ ให้ใจกับคุณไป
แล้วทำไมตอนนี้ คุณกลับไม่สนใจใยดี เห็นเราเป็นอะไรครับ ....คุณเปลี่ยนไป!!! เราทำใจลำบากนะครับ
เพราะว่า "ค น รั ก เ ป ลี่ ย น ไ ป"
ไว้อาลัยให้แก่ดีแทคในยุคนี้ครับ ...อาเมน!