วันนี้เรา แม่ และน้องเอารถไปจอดไว้ที่แอพอทลิ้ง เพื่อต่อรถไฟ้าไปกินข้าว และช๊อปปิ้งกันตามประสา
พอกลับบ้าน มองดูที่รถ ช๊อค!!! ค่ะ รถเปิดไฟฉุกเฉินไว้อยู่ ในใจก็ภาวนาให้มันสตาร์ทติดเถอะ ไม่งั้นเเย่แน่
แต่สิ่งที่คิดก็เกิดขึ้น รถเราสตาร์ทไม่ติดค่ะ!! ใจแป้วเลย แล้วก็ทำอะไรกันไม่เป็นซักคน
เห็นสัญญาณไฟมันเตือนรูปแบตเตอรี่ขึ้นสีแดง ก็เลยคิดว่าเป็นที่แบตชัวร์ เราก็เลยลองหาสายพ่วงแบตในรถ
พอดีเราเคยเห็นว่ามันอยู่ในรถ แต่ก็หาไม่เจอ (รถคันนี้ปกติพ่อใช้ค่ะ แม่ใช้อีกคัน) ส่วนแม่ก็โบกรถแถวนั้นดู เพื่อขอความช่วยเหลือ
ซึ่งมีพี่คนนึงเค้าจอดรถ ละลงมาช่วยดู แต่พี่เค้าก็ไม่มีสวยพ่วง จึงทำอะไรไม่ได้ แต่พี่เค้าก็
ดีมากกกกกกกกกกกกกกก (ขอลากเสียง) อยู่รอเป็นเพื่อน เผื่อเค้าจะช่วยอะไรได้
ซักพักก็มีรถอีกคันนึงมาจอดใกล้ๆ แล้วโชคดีเค้ามีสายพ่วงอยู่ในรถ เค้าก็เลยมาช่วย พ่วงแบต(คิดว่าใช้คำถูกนะ เราก็ไม่ค่อยรู้)ให้
แต่รถก็ยังสตาร์ทไม่ติด พี่ๆ เค้าก็สันนิษฐานว่าไม่น่าจะใช่แบตเตอรี่หมดแล้วหละ น่าจะเป็นที่อย่างอื่น (เราก็จำไม่ได้) พี่คนเเรกเค้าก็อาสาอยู่รอเป็นเพื่อนจนกว่าช่างจะมา จนสุดท้ายแม่ตัดสินใจเรียกแทกซี่แถวนั้นกลับบ้านก่อน ค่อยให้พ่อมาดูอีกที พวกเราก็ขอบคุณพี่ๆ เค้าอีกครั้ง แล้วกลับบ้านกันค่ะ
ยังไงก็ขอบคุณพี่ๆ ทั้ง 2 คนมากๆเลยนะคะ ทั้งๆ ที่พึ่งเจอกัน แต่เค้าก็พร้อมที่จะหยิบยื่นน้ำใจให้

ขอบคุณจริงๆ ค่ะ
และก็ขอฝากเตือนทุกคนด้วยนะคะ เวลาลงจอดรถเสร็จเเล้ว อย่าลืมหันกลับไปตรวจสอบรถอีกครั้งว่าลืมอะไรหรือเปล่า เพราะมันอาจเกิดขึ้นกับทุกคนได้ค่ะ ปกติเราก็ตรวจทุกครั้ง ทั้งลองเปิดประตูรถตอนล๊อครถ และสำรวจความเรียบร้อยของรถ วันนี้ยอมรับว่าพลาดจริงๆค่ะ
ขอบคุณสำหรับน้ำใจที่หยิบยื่นให้คนแปลกหน้าค่ะ :)
พอกลับบ้าน มองดูที่รถ ช๊อค!!! ค่ะ รถเปิดไฟฉุกเฉินไว้อยู่ ในใจก็ภาวนาให้มันสตาร์ทติดเถอะ ไม่งั้นเเย่แน่
แต่สิ่งที่คิดก็เกิดขึ้น รถเราสตาร์ทไม่ติดค่ะ!! ใจแป้วเลย แล้วก็ทำอะไรกันไม่เป็นซักคน
เห็นสัญญาณไฟมันเตือนรูปแบตเตอรี่ขึ้นสีแดง ก็เลยคิดว่าเป็นที่แบตชัวร์ เราก็เลยลองหาสายพ่วงแบตในรถ
พอดีเราเคยเห็นว่ามันอยู่ในรถ แต่ก็หาไม่เจอ (รถคันนี้ปกติพ่อใช้ค่ะ แม่ใช้อีกคัน) ส่วนแม่ก็โบกรถแถวนั้นดู เพื่อขอความช่วยเหลือ
ซึ่งมีพี่คนนึงเค้าจอดรถ ละลงมาช่วยดู แต่พี่เค้าก็ไม่มีสวยพ่วง จึงทำอะไรไม่ได้ แต่พี่เค้าก็
ดีมากกกกกกกกกกกกกกก (ขอลากเสียง) อยู่รอเป็นเพื่อน เผื่อเค้าจะช่วยอะไรได้
ซักพักก็มีรถอีกคันนึงมาจอดใกล้ๆ แล้วโชคดีเค้ามีสายพ่วงอยู่ในรถ เค้าก็เลยมาช่วย พ่วงแบต(คิดว่าใช้คำถูกนะ เราก็ไม่ค่อยรู้)ให้
แต่รถก็ยังสตาร์ทไม่ติด พี่ๆ เค้าก็สันนิษฐานว่าไม่น่าจะใช่แบตเตอรี่หมดแล้วหละ น่าจะเป็นที่อย่างอื่น (เราก็จำไม่ได้) พี่คนเเรกเค้าก็อาสาอยู่รอเป็นเพื่อนจนกว่าช่างจะมา จนสุดท้ายแม่ตัดสินใจเรียกแทกซี่แถวนั้นกลับบ้านก่อน ค่อยให้พ่อมาดูอีกที พวกเราก็ขอบคุณพี่ๆ เค้าอีกครั้ง แล้วกลับบ้านกันค่ะ
ยังไงก็ขอบคุณพี่ๆ ทั้ง 2 คนมากๆเลยนะคะ ทั้งๆ ที่พึ่งเจอกัน แต่เค้าก็พร้อมที่จะหยิบยื่นน้ำใจให้
และก็ขอฝากเตือนทุกคนด้วยนะคะ เวลาลงจอดรถเสร็จเเล้ว อย่าลืมหันกลับไปตรวจสอบรถอีกครั้งว่าลืมอะไรหรือเปล่า เพราะมันอาจเกิดขึ้นกับทุกคนได้ค่ะ ปกติเราก็ตรวจทุกครั้ง ทั้งลองเปิดประตูรถตอนล๊อครถ และสำรวจความเรียบร้อยของรถ วันนี้ยอมรับว่าพลาดจริงๆค่ะ