เศรษฐกิจ : ข่าวทั่วไป
วันเสาร์ที่ 22 มิถุนายน 2556
โรดแม็พกระจาย2ล้านล้านสู่อีสาน
โรดแม็พกระจาย 2 ล้านล้านสู่อีสาน เชื่อมไทยเป็นศูนย์กลางการขนส่ง : ทีมข่าวภูมิภาค ... รายงาน
การจัดนิทรรศการ “Thailand 2020 ก้าวใหม่ เชื่อมไทยสู่โลก” ที่จ.นครราชสีมา ระหว่างวันที่ 6-9 มิถุนายน ที่ผ่านมา โดยกระทรวงคมนาคม คือภาพด้านหนึ่งในการนำเสนอแผนงานตามแนวทางพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่ง เพื่อสร้างอนาคตประเทศ (ไทยแลนด์ 2020) ภายใต้งบลงทุน 2 ล้านล้านบาท ระหว่างปี 2556-2563 ที่มีการบรรจุโครงการลงทุนที่จะเกิดขึ้นกับพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งจะเกิดขึ้นนับจากนี้ไป ประกอบด้วย สาขาการขนส่งทางราง แบ่งเป็น รถไฟทางคู่ : สายมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ ระยะทาง 132 กิโลเมตร, สายชุมทางถนนจิระ-ขอนแก่น ระยะทาง 185 กิโลเมตร, สายขอนแก่น-หนองคาย ระยะทาง 174 กิโลเมตร, สายชุมทางถนนจิระ-อุบลราชธานี ระยะทาง 309 กิโลเมตร รถไฟสายใหม่ : สายบ้านไผ่-นครพนม ระยะทาง 347 กิโลเมตร รถไฟความเร็วสูง : สายกรุงเทพฯ-หนองคาย ระยะทาง 615 กิโลเมตร
สาขาการขนส่งทางถนน จะเกิด โครงข่ายทางหลวงเชื่อมโยงระหว่างประเทศ รวม 6 โครงการ เป็นระยะทางรวม 148 กิโลเมตร กระจายอยู่ที่ จ.บึงกาฬ มุกดาหาร นครพนม ศรีสะเกษ หนองคาย และสุรินทร์, โครงการขยายถนน 4 ช่องจราจร รวม 13 โครงการ ระยะทาง 846 กิโมตร กระจายใน 14 จังหวัด คือ ขอนแก่น อุดรธานี เลย สกลนคร กาฬสินธุ์ ชัยภูมิ ยโสธร ศรีสะเกษ อุบลราชธานี ร้อยเอ็ด สุรินทร์ หนองบัวลำภู นครพนม และอำนาจเจริญ
โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางปะอิน-สระบุรี-นครราชสีมา ระยะทาง 196 กิโลเมตร, โครงการบูรณะทางหลวงสายหลักระหว่างภาค ดำเนินการที่ทางหลวงหมายเลข 2 (ถนนมิตรภาพ) รวม 39 โครงการ ระยะทาง 269 กิโลเมตร ใน 4 จังหวัด คือ หนองคาย ขอนแก่น อุดรธานี และนครราชสีมา, สถานีขนส่งสินค้า กระจาย 5 จังหวัด ได้แก่ หนองคาย มุกดาหาร ขอนแก่น นครราชสีมา และอุบลราชธานี, โครงการก่อสร้างสะพานและอุโมงค์ข้ามทางรถไฟ ดำเนินการรวม 17 แห่ง ใน 5 จังหวัด ได้แก่ นครราชสีมา อุดรธานี ขอนแก่น ศรีสะเกษ และบุรีรัมย์
ขณะเดียวกันเมื่อประเมินจากสาขาการลงทุนข้างต้นนั้น โครงการลงทุนที่มีบทบาทของการเป็นยุทธศาสตร์สำคัญเพื่อสร้างโอกาสต่อการพัฒนาเศรษฐกิจให้เกิดขึ้น ได้แก่ ทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางปะอิน-สระบุรี-นครราชสีมา แนวเส้นทาง เป็นการเชื่อมโยงกรุงเทพฯ กับพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ วงเงินลงทุน 84,600 ล้านบาท ผลตอบแทนทางเศรษฐศาสตร์ (ERR) เฉลี่ย 19% ประโยชน์ที่จะได้รับคือ ลดปริมาณการจราร จากทางหลวงหมายเลข 1 ทางหลวงหมายเลข 2 ช่วยให้การเดินทางระหว่างกรุงเทพฯ กับภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นไปอย่างคล่องตัว สามารถเชื่อมต่อการเดินทางไปยังประเทศลาว และกลุ่มประเทศอินโดจีน รองรับการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน
โครงการรถไฟความเร็วสูง สายกรุงเทพฯ-หนองคาย แนวเส้นทาง เชื่อมโยงกรุงเทพฯ กับพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เริ่มต้นจากสถานีกลางบางซื่อ (กรุงเทพฯ) ผ่านปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา สระบุรี นครราชสีมา ขอนแก่น อุดรธานี หนองคาย วงเงินลงทุน 170,450 ล้านบาท ส่วนประโยชน์ที่จะได้รับช่วยให้การเดินทางไปยังภาคตะวันออกเฉียงเหนือรวดเร็วยิ่งขึ้น จากความเร็วเฉลี่ย 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง กระตุ้นให้เกิดการพัฒนาเมือง และสร้างโอกาสของการเป็นศูนย์กลางในภูมิภาค สร้างบรรยากาศของการท่องเที่ยวในภูมิภาค โครงการรถไฟทางคู่สายใหม่ (สายบ้านไผ่-มหาสารคาม-ร้อยเอ็ด-มุกดาหาร-นครพนม) แนวเส้นทางเชื่อมพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนกลางไปยังพรมแดนไทย-ลาว วงเงินลงทุนในโครงการ 42,106 ล้านบาท ผลตอบแทนทางเศรษฐศาสตร์ที่จะได้รับเฉลี่ย 16.69% ส่วนประโยชน์ที่จะได้จากโครงการนี้คือ ขยายโครงข่ายให้บริการขนส่งทางรถไฟซึ่งเดิมไม่มีรถไฟเข้าถึง
"รัฐบาลต้องการที่จะพัฒนาและปรับปรุงระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมทุกรูปแบบ เราต้องการเพิ่มประสิทธิภาพการเดินทางทั้งของประชาชนและการขนส่งสินค้า ทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ ให้มีความสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย เพราะนี่คือการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันด้านการค้ากับนานาประเทศ ทั้งเป็นการเตรียมความพร้อมให้ไทยต่อการเป็นศูนย์กลางขนส่งแห่งภูมิภาคอย่างสมบูรณ์แบบ เมื่อก้าวสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในช่วง 7 ปี ต่อจากนี้ไป จะเป็นการสร้างโอกาสใหม่ สร้างรายได้ใหม่ บนพื้นที่ใหม่ เกิดการเชื่อมต่อระหว่างเมืองเศรษฐกิจทั้งภายในและต่างประเทศได้อย่างรวดเร็วและมีต้นทุนที่ต่ำที่สุด" ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าว
เป้าหมายของ "ไทยแลนด์ 2020" สำหรับภาคตะวันออกเฉียงเหนือคือ การให้น้ำหนักกับ 20 จังหวัดของภูมิภาคนี้ ที่มีพื้นที่มากกว่า 168,856 ตารางกิโลเมตร มีประชากรมากกว่า 22 ล้านคน คิดเป็น 1 ใน 3 ของประชากรทั้งประเทศ การมีศักยภาพในการเชื่อมต่อการค้า-ลงทุนกับจีน เวียดนาม ลาว และกัมพูชา และนี่คือการทำให้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีความชัดเจนในแง่ของศูนย์กลางของภูมิภาค ที่จะเชื่อมเข้ากับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ส่วนหลักคิดในการพัฒนา คือการวางน้ำหนักที่จะกระจายการพัฒนาไปสู่จังหวัดหลักที่มีฐานะของเป็นหัวเมืองในภูมิภาค แบ่งเป็นเมืองศูนย์กลาง 5 แห่ง คือ ขอนแก่น อุดรธานี หนองคาย นครราชสีมา และอุบลราชธานี เมืองเหล่านี้ล้วนมีบทบาทของการเป็นศูนย์กลางในภูมิภาค ที่จะรองรับการกระจายความเจริญไปจากกรุงเทพฯ
เมืองเศรษฐกิจคู่ขนาน 6 แห่ง ได้แก่ เลย กาฬสินธุ์ ชัยภูมิ ร้อยเอ็ด บุรีรัมย์ และสุรินทร์ จังหวัดเหล่านี้จะมีฐานะของการเป็นเมืองที่อยู่ข้างเคียงของกลุ่มจังหวัดศูนย์กลาง ผลักดันให้เกิดประตูการค้าชายแดนสำคัญ 5 แห่ง ได้แก่ ด่านหนองคาย ด่านมุกดาหาร ด่านนครพนม ด่านช่องเม็ก (อุบลราชธานี) ด้านช่องจอม (สุรินทร์) ประตูการค้าเหล่านี้จะดึงดูดการค้า การลงทุน ที่มาจากเพื่อนบ้าน ทั้งลาว เวียดนาม และกัมพูชา
ด้านยุทธศาสตร์การพัฒนาพื้นที่กลุ่มจังหวัด ที่กำหนดเอาไว้ระหว่างปี 2557-2560 กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 1 จะเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยว อารยธรรมลุ่มน้ำโขง, กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 2 เกษตร และอุตสาหกรรมการเกษตร ท่องเที่ยวเชิงนิเวศ กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนกลาง ศูนย์รวบรวมและระบายสินค้า ศูนย์กลางอุตสาหกรรมการค้าและบริการ กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง 1 แหล่งผลิตข้าวหอมมะลิ มันสำปะหลัง ผ้าไหม และกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง 2 ผลิตข้าวหอมมะลิ การค้าชายแดน
"ขณะนี้หลายประเทศสนใจมาลงทุนที่ประเทศไทย วันนี้ทำเลที่ตั้งของประเทศไทยก็คือการเป็นศูนย์กลาง ความได้เปรียบของโครงข่ายคมนาคมเชื่อมโยงไปทุกภูมิภาค ซึ่งการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศจะทำให้ไทยถูกเชื่อมโยงเข้าสู่อาเซียนอย่างเต็มรูปแบบ" ประเสริฐ บุญชัยสุข รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าว
นี่จึงเป็นแผนงานในโครงการลงทุนของรัฐบาล ที่จะเกิดขึ้นกับภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
------------------------
(โรดแม็พกระจาย 2 ล้านล้านสู่อีสาน เชื่อมไทยเป็นศูนย์กลางการขนส่ง : ทีมข่าวภูมิภาค ... รายงาน)
ลิงค์ข่าว
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้http://www.komchadluek.net/detail/20130622/161521/%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%94%E0%B9%81%E0%B8%A1%E0%B9%87%E0%B8%9E%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%A22%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%B5%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%99.html#.UcUKRdiaNB0
โรดแม็พกระจาย 2 ล้านล้านสู่อีสาน เชื่อมไทยเป็นศูนย์กลางการขนส่ง
วันเสาร์ที่ 22 มิถุนายน 2556
โรดแม็พกระจาย2ล้านล้านสู่อีสาน
โรดแม็พกระจาย 2 ล้านล้านสู่อีสาน เชื่อมไทยเป็นศูนย์กลางการขนส่ง : ทีมข่าวภูมิภาค ... รายงาน
การจัดนิทรรศการ “Thailand 2020 ก้าวใหม่ เชื่อมไทยสู่โลก” ที่จ.นครราชสีมา ระหว่างวันที่ 6-9 มิถุนายน ที่ผ่านมา โดยกระทรวงคมนาคม คือภาพด้านหนึ่งในการนำเสนอแผนงานตามแนวทางพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่ง เพื่อสร้างอนาคตประเทศ (ไทยแลนด์ 2020) ภายใต้งบลงทุน 2 ล้านล้านบาท ระหว่างปี 2556-2563 ที่มีการบรรจุโครงการลงทุนที่จะเกิดขึ้นกับพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งจะเกิดขึ้นนับจากนี้ไป ประกอบด้วย สาขาการขนส่งทางราง แบ่งเป็น รถไฟทางคู่ : สายมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ ระยะทาง 132 กิโลเมตร, สายชุมทางถนนจิระ-ขอนแก่น ระยะทาง 185 กิโลเมตร, สายขอนแก่น-หนองคาย ระยะทาง 174 กิโลเมตร, สายชุมทางถนนจิระ-อุบลราชธานี ระยะทาง 309 กิโลเมตร รถไฟสายใหม่ : สายบ้านไผ่-นครพนม ระยะทาง 347 กิโลเมตร รถไฟความเร็วสูง : สายกรุงเทพฯ-หนองคาย ระยะทาง 615 กิโลเมตร
สาขาการขนส่งทางถนน จะเกิด โครงข่ายทางหลวงเชื่อมโยงระหว่างประเทศ รวม 6 โครงการ เป็นระยะทางรวม 148 กิโลเมตร กระจายอยู่ที่ จ.บึงกาฬ มุกดาหาร นครพนม ศรีสะเกษ หนองคาย และสุรินทร์, โครงการขยายถนน 4 ช่องจราจร รวม 13 โครงการ ระยะทาง 846 กิโมตร กระจายใน 14 จังหวัด คือ ขอนแก่น อุดรธานี เลย สกลนคร กาฬสินธุ์ ชัยภูมิ ยโสธร ศรีสะเกษ อุบลราชธานี ร้อยเอ็ด สุรินทร์ หนองบัวลำภู นครพนม และอำนาจเจริญ
โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางปะอิน-สระบุรี-นครราชสีมา ระยะทาง 196 กิโลเมตร, โครงการบูรณะทางหลวงสายหลักระหว่างภาค ดำเนินการที่ทางหลวงหมายเลข 2 (ถนนมิตรภาพ) รวม 39 โครงการ ระยะทาง 269 กิโลเมตร ใน 4 จังหวัด คือ หนองคาย ขอนแก่น อุดรธานี และนครราชสีมา, สถานีขนส่งสินค้า กระจาย 5 จังหวัด ได้แก่ หนองคาย มุกดาหาร ขอนแก่น นครราชสีมา และอุบลราชธานี, โครงการก่อสร้างสะพานและอุโมงค์ข้ามทางรถไฟ ดำเนินการรวม 17 แห่ง ใน 5 จังหวัด ได้แก่ นครราชสีมา อุดรธานี ขอนแก่น ศรีสะเกษ และบุรีรัมย์
ขณะเดียวกันเมื่อประเมินจากสาขาการลงทุนข้างต้นนั้น โครงการลงทุนที่มีบทบาทของการเป็นยุทธศาสตร์สำคัญเพื่อสร้างโอกาสต่อการพัฒนาเศรษฐกิจให้เกิดขึ้น ได้แก่ ทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางปะอิน-สระบุรี-นครราชสีมา แนวเส้นทาง เป็นการเชื่อมโยงกรุงเทพฯ กับพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ วงเงินลงทุน 84,600 ล้านบาท ผลตอบแทนทางเศรษฐศาสตร์ (ERR) เฉลี่ย 19% ประโยชน์ที่จะได้รับคือ ลดปริมาณการจราร จากทางหลวงหมายเลข 1 ทางหลวงหมายเลข 2 ช่วยให้การเดินทางระหว่างกรุงเทพฯ กับภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นไปอย่างคล่องตัว สามารถเชื่อมต่อการเดินทางไปยังประเทศลาว และกลุ่มประเทศอินโดจีน รองรับการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน
โครงการรถไฟความเร็วสูง สายกรุงเทพฯ-หนองคาย แนวเส้นทาง เชื่อมโยงกรุงเทพฯ กับพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เริ่มต้นจากสถานีกลางบางซื่อ (กรุงเทพฯ) ผ่านปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา สระบุรี นครราชสีมา ขอนแก่น อุดรธานี หนองคาย วงเงินลงทุน 170,450 ล้านบาท ส่วนประโยชน์ที่จะได้รับช่วยให้การเดินทางไปยังภาคตะวันออกเฉียงเหนือรวดเร็วยิ่งขึ้น จากความเร็วเฉลี่ย 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง กระตุ้นให้เกิดการพัฒนาเมือง และสร้างโอกาสของการเป็นศูนย์กลางในภูมิภาค สร้างบรรยากาศของการท่องเที่ยวในภูมิภาค โครงการรถไฟทางคู่สายใหม่ (สายบ้านไผ่-มหาสารคาม-ร้อยเอ็ด-มุกดาหาร-นครพนม) แนวเส้นทางเชื่อมพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนกลางไปยังพรมแดนไทย-ลาว วงเงินลงทุนในโครงการ 42,106 ล้านบาท ผลตอบแทนทางเศรษฐศาสตร์ที่จะได้รับเฉลี่ย 16.69% ส่วนประโยชน์ที่จะได้จากโครงการนี้คือ ขยายโครงข่ายให้บริการขนส่งทางรถไฟซึ่งเดิมไม่มีรถไฟเข้าถึง
"รัฐบาลต้องการที่จะพัฒนาและปรับปรุงระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมทุกรูปแบบ เราต้องการเพิ่มประสิทธิภาพการเดินทางทั้งของประชาชนและการขนส่งสินค้า ทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ ให้มีความสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย เพราะนี่คือการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันด้านการค้ากับนานาประเทศ ทั้งเป็นการเตรียมความพร้อมให้ไทยต่อการเป็นศูนย์กลางขนส่งแห่งภูมิภาคอย่างสมบูรณ์แบบ เมื่อก้าวสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในช่วง 7 ปี ต่อจากนี้ไป จะเป็นการสร้างโอกาสใหม่ สร้างรายได้ใหม่ บนพื้นที่ใหม่ เกิดการเชื่อมต่อระหว่างเมืองเศรษฐกิจทั้งภายในและต่างประเทศได้อย่างรวดเร็วและมีต้นทุนที่ต่ำที่สุด" ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าว
เป้าหมายของ "ไทยแลนด์ 2020" สำหรับภาคตะวันออกเฉียงเหนือคือ การให้น้ำหนักกับ 20 จังหวัดของภูมิภาคนี้ ที่มีพื้นที่มากกว่า 168,856 ตารางกิโลเมตร มีประชากรมากกว่า 22 ล้านคน คิดเป็น 1 ใน 3 ของประชากรทั้งประเทศ การมีศักยภาพในการเชื่อมต่อการค้า-ลงทุนกับจีน เวียดนาม ลาว และกัมพูชา และนี่คือการทำให้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีความชัดเจนในแง่ของศูนย์กลางของภูมิภาค ที่จะเชื่อมเข้ากับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ส่วนหลักคิดในการพัฒนา คือการวางน้ำหนักที่จะกระจายการพัฒนาไปสู่จังหวัดหลักที่มีฐานะของเป็นหัวเมืองในภูมิภาค แบ่งเป็นเมืองศูนย์กลาง 5 แห่ง คือ ขอนแก่น อุดรธานี หนองคาย นครราชสีมา และอุบลราชธานี เมืองเหล่านี้ล้วนมีบทบาทของการเป็นศูนย์กลางในภูมิภาค ที่จะรองรับการกระจายความเจริญไปจากกรุงเทพฯ
เมืองเศรษฐกิจคู่ขนาน 6 แห่ง ได้แก่ เลย กาฬสินธุ์ ชัยภูมิ ร้อยเอ็ด บุรีรัมย์ และสุรินทร์ จังหวัดเหล่านี้จะมีฐานะของการเป็นเมืองที่อยู่ข้างเคียงของกลุ่มจังหวัดศูนย์กลาง ผลักดันให้เกิดประตูการค้าชายแดนสำคัญ 5 แห่ง ได้แก่ ด่านหนองคาย ด่านมุกดาหาร ด่านนครพนม ด่านช่องเม็ก (อุบลราชธานี) ด้านช่องจอม (สุรินทร์) ประตูการค้าเหล่านี้จะดึงดูดการค้า การลงทุน ที่มาจากเพื่อนบ้าน ทั้งลาว เวียดนาม และกัมพูชา
ด้านยุทธศาสตร์การพัฒนาพื้นที่กลุ่มจังหวัด ที่กำหนดเอาไว้ระหว่างปี 2557-2560 กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 1 จะเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยว อารยธรรมลุ่มน้ำโขง, กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 2 เกษตร และอุตสาหกรรมการเกษตร ท่องเที่ยวเชิงนิเวศ กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนกลาง ศูนย์รวบรวมและระบายสินค้า ศูนย์กลางอุตสาหกรรมการค้าและบริการ กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง 1 แหล่งผลิตข้าวหอมมะลิ มันสำปะหลัง ผ้าไหม และกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง 2 ผลิตข้าวหอมมะลิ การค้าชายแดน
"ขณะนี้หลายประเทศสนใจมาลงทุนที่ประเทศไทย วันนี้ทำเลที่ตั้งของประเทศไทยก็คือการเป็นศูนย์กลาง ความได้เปรียบของโครงข่ายคมนาคมเชื่อมโยงไปทุกภูมิภาค ซึ่งการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศจะทำให้ไทยถูกเชื่อมโยงเข้าสู่อาเซียนอย่างเต็มรูปแบบ" ประเสริฐ บุญชัยสุข รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าว
นี่จึงเป็นแผนงานในโครงการลงทุนของรัฐบาล ที่จะเกิดขึ้นกับภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
------------------------
(โรดแม็พกระจาย 2 ล้านล้านสู่อีสาน เชื่อมไทยเป็นศูนย์กลางการขนส่ง : ทีมข่าวภูมิภาค ... รายงาน)
ลิงค์ข่าว [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้