วันนี้มีโอกาสไปดูซ้ำมาอีกรอบ หลังจากที่ไปจัดรอบแรกมาตั้งแต่เช้าวันพฤหัส
จำได้ว่าตอนที่ดูรอบแรกจบค่อนข้างประทับใจมากและอินกับชีวิตวัยเด็กของคลาร์กและครอบครัวเคนท์มากเป็นพิเศษ
อาจเพราะว่าเราติดตามากับทีเซอร์ตัวแรก(ที่เน้นภาพบ้านในชนบทและชีวิตช่วงเริ่มต้นของคลาร์ก) คือเปิดดูบ่อยมากเพราะชอบงานภาพสไตล์นี้
แล้วพอมาเจอกับช่วงแอ็คชั่น แบบไฮสปีดและน่อนสต๊อป บางทีรู้สึกว่าเหมือนกับปรับโหมดไม่ค่อยทันบ้าง แต่ก็ชอบนะ
ขอชมเลยว่าทำฉากแอ็กชั่นได้มันส์ดี ถึงจะดูรวดเร็ว รุนแรง แต่ค่อนข้างเคลียร์ดี คือดูรู้เรื่อง มีที่มาที่ไป ไม่มั่วแน่นอน
ปกติจะแพ้ทางกับหนังที่มีฉากแอ็คชั่นใหญ่ๆ เราเคยหลับคากองระเบิดในโรงภาพยนตร์มาแล้วหลายเรื่องตั้งแต่ยุค armageddon , pearl harbor
หลังๆก็ prirate of carribien 3 , transformers 2-3 จริงๆยังมีอีกหลายเรื่อง
ปกติก็ชอบดูหนังแอ็คชั่นมากๆ เสียเงินดูเกือบทุกเรื่องในโรงภาพยนตร์
แต่จะชอบหนังสไตล์ยุค'90 แบบ speed , point break , true lies ที่ไม่ต้องเน้นตูมตามมากนักก็ได้
ส่วนหนังดราม่าขายฝีมือผกก. พลังดาราหรือหนังแนวอื่นๆก็ดูตลอด
ทีนี้พอวันนี้ดูรอบสองจบ แอบรู้สึกเหมือนที่บางท่านคิดๆกัน
***คือมีความรู้สึกว่าอารมณ์ร่วมของเราไม่ค่อยไปอยู่กับตัวละครมากเท่าใดนัก อาจเพราะว่า...
1***เข้าคำถามเลยนะ คือ ...เพราะการใช้วิธีการดำเนินเรื่องที่ตัดสลับไปมาในช่วงวัยรุ่น/วัยเด็ก
(สังเกตุว่าเราจะเห็นภาพคลาร์กตอนอยู่บนโลก คือโตเป็นหนุ่มแล้ว ออกทะเล ลุยไฟ และพละกำลังมหาศาล)
ที่ไม่เรียงลำดับตามtimeline ปกติหรือเปล่า เลยทำให้เราไม่ค่อยผูกพันไปกับตัวละคร?
2***คิดว่าถ้าเรียงลำดับเวลาตามปกติ คือจากเด็ก วัยรุ่น แล้วก็เติบใหญ่ หนังจะสร้างอารมณ์ร่วมได้มากกว่านี้ไหม?
ขอยกตัวอย่างหนังที่ เราชอบมาก ที่ใช้การดำเนินเรื่องแบบเรียงลำดับเวลาตามปกติ
ไม่ว่าจะดูกี่ครั้ง ก็จะรู้สึกเอาใจช่วยตัวละครในหนังทุกครั้ง เช่น T2 , Collateral , Aliens
แต่เนื่องจาก man of steel ใช้ช่วงระยะเวลาในการดำเนินเรื่องถึง 33 ปี คงเอามาเป็นบริบทเดียวกันไม่ได้แน่
หนังจึงเลือกใช้วิธีการตัดสลับ โดยลำดับเหตุการณ์ที่คลายปม มาไว้ในช่วงหลังหรือก่อนของลำดับเวลาปกติ
ซึ่งหนังที่ใช้วิธีการแบบนี้ ที่ทำออกมาแล้ว เราชอบมากที่สุด คือ The Godfather part 2 ส่วนเรื่องอื่นๆจำไม่ค่อยได้แล้ว
ในบรรดาหนังซุปเปอร์ฮีโร่ เราชอบ Man of Steel มากพอๆกับ Watchmen และ TDK
แต่เรื่องหลังอาจเหลื่อมไปข้างหน้าเล็กน้อย ยกเว้นไว้สำหรับหนังที่ครึ่งศตวรรษจะมีสักครั้ง
และคิดว่าทั้ง3 เรื่องนี้ ห่างไกลกับหนังแนวเดียวกันของค่ายอื่นๆในช่วงก่อนหน้านี้หลายเท่าตัว
ปล. ขอโทษนะครับ ที่ก่อนจะเข้าคำถามได้ ร่ายมาซ่ะยาวเลย
ฝากเพลงไว้ฟังเล่นๆเวลาตอบกระทู้ครับ

Man of Steel กับคำถามเกี่ยวกับการดำเนินเรื่อง
จำได้ว่าตอนที่ดูรอบแรกจบค่อนข้างประทับใจมากและอินกับชีวิตวัยเด็กของคลาร์กและครอบครัวเคนท์มากเป็นพิเศษ
อาจเพราะว่าเราติดตามากับทีเซอร์ตัวแรก(ที่เน้นภาพบ้านในชนบทและชีวิตช่วงเริ่มต้นของคลาร์ก) คือเปิดดูบ่อยมากเพราะชอบงานภาพสไตล์นี้
แล้วพอมาเจอกับช่วงแอ็คชั่น แบบไฮสปีดและน่อนสต๊อป บางทีรู้สึกว่าเหมือนกับปรับโหมดไม่ค่อยทันบ้าง แต่ก็ชอบนะ
ขอชมเลยว่าทำฉากแอ็กชั่นได้มันส์ดี ถึงจะดูรวดเร็ว รุนแรง แต่ค่อนข้างเคลียร์ดี คือดูรู้เรื่อง มีที่มาที่ไป ไม่มั่วแน่นอน
ปกติจะแพ้ทางกับหนังที่มีฉากแอ็คชั่นใหญ่ๆ เราเคยหลับคากองระเบิดในโรงภาพยนตร์มาแล้วหลายเรื่องตั้งแต่ยุค armageddon , pearl harbor
หลังๆก็ prirate of carribien 3 , transformers 2-3 จริงๆยังมีอีกหลายเรื่อง
ปกติก็ชอบดูหนังแอ็คชั่นมากๆ เสียเงินดูเกือบทุกเรื่องในโรงภาพยนตร์
แต่จะชอบหนังสไตล์ยุค'90 แบบ speed , point break , true lies ที่ไม่ต้องเน้นตูมตามมากนักก็ได้
ส่วนหนังดราม่าขายฝีมือผกก. พลังดาราหรือหนังแนวอื่นๆก็ดูตลอด
ทีนี้พอวันนี้ดูรอบสองจบ แอบรู้สึกเหมือนที่บางท่านคิดๆกัน
***คือมีความรู้สึกว่าอารมณ์ร่วมของเราไม่ค่อยไปอยู่กับตัวละครมากเท่าใดนัก อาจเพราะว่า...
1***เข้าคำถามเลยนะ คือ ...เพราะการใช้วิธีการดำเนินเรื่องที่ตัดสลับไปมาในช่วงวัยรุ่น/วัยเด็ก
(สังเกตุว่าเราจะเห็นภาพคลาร์กตอนอยู่บนโลก คือโตเป็นหนุ่มแล้ว ออกทะเล ลุยไฟ และพละกำลังมหาศาล)
ที่ไม่เรียงลำดับตามtimeline ปกติหรือเปล่า เลยทำให้เราไม่ค่อยผูกพันไปกับตัวละคร?
2***คิดว่าถ้าเรียงลำดับเวลาตามปกติ คือจากเด็ก วัยรุ่น แล้วก็เติบใหญ่ หนังจะสร้างอารมณ์ร่วมได้มากกว่านี้ไหม?
ขอยกตัวอย่างหนังที่ เราชอบมาก ที่ใช้การดำเนินเรื่องแบบเรียงลำดับเวลาตามปกติ
ไม่ว่าจะดูกี่ครั้ง ก็จะรู้สึกเอาใจช่วยตัวละครในหนังทุกครั้ง เช่น T2 , Collateral , Aliens
แต่เนื่องจาก man of steel ใช้ช่วงระยะเวลาในการดำเนินเรื่องถึง 33 ปี คงเอามาเป็นบริบทเดียวกันไม่ได้แน่
หนังจึงเลือกใช้วิธีการตัดสลับ โดยลำดับเหตุการณ์ที่คลายปม มาไว้ในช่วงหลังหรือก่อนของลำดับเวลาปกติ
ซึ่งหนังที่ใช้วิธีการแบบนี้ ที่ทำออกมาแล้ว เราชอบมากที่สุด คือ The Godfather part 2 ส่วนเรื่องอื่นๆจำไม่ค่อยได้แล้ว
ในบรรดาหนังซุปเปอร์ฮีโร่ เราชอบ Man of Steel มากพอๆกับ Watchmen และ TDK
แต่เรื่องหลังอาจเหลื่อมไปข้างหน้าเล็กน้อย ยกเว้นไว้สำหรับหนังที่ครึ่งศตวรรษจะมีสักครั้ง
และคิดว่าทั้ง3 เรื่องนี้ ห่างไกลกับหนังแนวเดียวกันของค่ายอื่นๆในช่วงก่อนหน้านี้หลายเท่าตัว
ปล. ขอโทษนะครับ ที่ก่อนจะเข้าคำถามได้ ร่ายมาซ่ะยาวเลย
ฝากเพลงไว้ฟังเล่นๆเวลาตอบกระทู้ครับ