ผมเป็นคนขี้ขลาดใช่ไหมครับ ช่วยหาทางออกให้ผมทีครับ

เรื่องมันมีอยู่ว่า ผมรักผู้หญิงคนนึง คนที่ตรงใจกับสิ่งที่ผมต้องการทุกอย่าง เรียกง่ายๆคือคนในฝันเลยแหละครับ
แต่มันติดปัญหาตรงที่ผมใจอ่อน ให้เหตุผลและความถูกต้องเข้าแลก บอกตรงๆครับผมอยากเห็นแก่ตัว ผมอยากพูดคำว่า ขอโอกาสบ้าง
เรื่องมันยาวนะครับ ขอให้เพื่อนๆทุกคนช่วยตัดสินตัวผมที ผมอยากรวบรวมความกล้า ทำในสิ่งที่หัวใจต้องการสักทีครับ

ขอเกริ่น background ของผมก่อนนะครับ ผมจะเล่าความจริงของตัวตนของผมนะครับ คือผมเป็นคนมีเหตุผล ทำอะไรด้วยตัวเองมาตลอด
ตอนสมัยเรียนผมก็ต้องทำงานถ้าไม่ทำงานก็จะไม่ได้เรียน พื้นฐานครัวครอบผมอยู่ในระดับรากหญ้าเลยครับ ผมทำงานตั้งแต่อยู่ ปวช. จนเรียนจบ
ความฝันของผมคือนักดนตรี ส่วนความจริงน่ะหรอครับ ผมไม่มีโอกาสเท่าไหร่ จึงต้องหาโอกาสด้วยการทำงานก่อน เพราะต้องมีเงิน
ครอบครัวต้องมีธุรกิจของตัวเองก่อน ผมถึงกล้าที่จะไปทำตามฝันได้ ผมเลยเลือกเรียนสาขาที่ไม่เกี่ยวกับดนตรีเลย เพราะผมคิดว่าสาขานี้
จบมาไงๆก็หางานได้ ไว้ตั้งตัวได้ก็จะเล่นดนตรีกลางคืน และทำงานตอนเช้า ผมใช้ชีวิตตามเส้นทางที่ขีดเอาไว้มาตลอดชีวิต ผมไม่เชื่อเรื่องดวง
ไม่เชื่อเรื่องผี บอกตรงๆผมบอก จนท.ที่ออกบัตรประชาชนให้ผมว่า ผมขอไม่มีศาสนาในบัตรนะครับ ตลอดเวลาที่ผ่านมาผมทำตามที่ตัวเอง
กำหนดได้ตามเป้าหมายหมด(ไม่รวมความรักนะ) ต้องเรียนจบตามอายุเหมือนเพื่อนๆ ต้องมีเงินเก็บตามที่ตั้งใจไว้ ผ่านร้อนหนาวมามาก
ส่วนความสัมพันธ์กับเพื่อนๆ หรือพี่น้อง และครอบครัว รวมทั้งที่ทำงานผมอยู่ในระดับที่คาดหวังได้หรือแม้แต่ในเรื่องงาน  หัวหน้างานคนปัจจุบัน
ที่ผมอยู่เคยพูดว่า ปัญหาทุกอย่างขี้คลายได้ด้วยตัวผม เพราะผมเชื่อว่าไม่ว่าเรื่องอะไรหากเราพยายาม เราต้องทำได้ทุกอย่าง แต่ผมจะมีปัญหาอย่างนึงคือจิตใจ ที่ขี้สงสาร ห่วงใยคนอื่นมากกว่าตัวเอง ทั้งๆที่รู้ว่าเค้าจะเอาเปรียบผมก็ยังยอม เพราะผมคิดว่าที่ยอมให้เค้าทำแบบนั้นเพราะผม อยู่ได้ ไม่ใช่ปัญหา เราอยากให้เค้า แม้แต่คนที่คิดร้ายกับผม ผมยังยอมได้เลย จนคนกลอง หรือแม้แต่เพื่อนๆที่สนิทหลายๆคน
พูดในทำนองเดียวกันว่า สักวันเถอะ เอ็งจะตายเพราะความใจอ่อน

เอาละครับเข้าเรื่องดีกว่า ผมขอย้อนไปเมื่อประมาณเกือบสิบปีที่แล้วนะครับ เป็นช่วงที่ผมยังเริ่มวัยรุ่น ยังไม่มีอะไรไม่มีความคิด ไม่จุดยืน
ไม่เคยขีดเส้นทางชีวิต อยู่ไปวันต่อวันหาสาระไม่ได้ เหมือนวัยรุ่นส่วนใหญ่ทั่วๆไป ผมมีแนวคิดที่จะเป็นนักดนตรีในช่วงนั้น เพราะมีคนๆนึงเป็นแรก
บันดาลใจ ในการใช้ชีวิตเค้าบอกว่า ถ้าอยากทำตามความฝัน เราต้องอยู่กับความจริงด้วย เราต้องมีงานทำ แต่ทำตามความฝันไปพร้อมๆกัน
แต่..... มันก็เท่านั้น เพราะยังเริ่มวัยรุ่นคิดว่า เอาไว้ก่อนเถอะ  คือก็เรียนไป เล่นไป ยิ่งช่วงนั้นเกมส์ออนไลน์กำลังบูมๆในบ้านเรา และเป็นไป
ไม่ได้ที่ผมจะไม่เล่นเกมส์ และผมก็มีโอกาสได้เจอ คนที่ผมรู้สึกว่าคนๆนี้ สเปคเราเวลาที่เธอยิ้ม มันทำให้ใจเรามันชุ่มฉ่ำจริงๆ คือเราได้คุยกัน
อย่างห่างๆ ผ่านโซเชียลอย่าง MSN มาตลอด ซึ่งผมก็รู้นะว่าเธอมีแฟนแล้ว คือผมกับเธอห่างกัน 5 ปี เธอเป็นรุ่นพี่ผม สมัยนั้นเธอกำลังจะ
เรียนจบ ป.ตรี ส่วนผมน่ะหรอแค่ ปวช. เธอทำให้ผมมีจุดหมายในชีวิตขึ้นมาทันที ผมมีเป้าหมายและผมมองย้อนดูตัวเอง อะไรเนี้ย ไม่มีอะไรเลย
จะวัดจากแฟนพี่เค้า เรามันกระจอกมากๆ เลยต้องจริงจังกับจริงๆ เราคุยกันประปราย ทิ้งช่วงไปบ้าง แต่ไม่มีเลยที่ผมจะดูรูปเธอ
แต่ผมก็มีแฟน มีการใช้ชีวิตหมุนเวียนเหมือนคนทั่วไป มีสมหวังผิดหวัง และเราก็จะมาแชร์ๆกันฟัง ผ่าน MSN (ตอนนั้นผมจำได้ว่าเคยขอเบอร์
พี่เค้าหลายๆครั้งนะครับ มีช่วงมีจังหวะผมก็ขอแบบว่ายังไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่าพี่น้อง) แต่เอาเข้าจริงๆผมชอบพี่เค้านะ ในเรื่องลักษณะ
ภายนอก แต่ไม่มีอะไรเกินเลย เพราะผมก็มีแฟนของผม พี่เค้าก็มีของพี่เค้า แต่ทุกครั้งเราจะให้กำลังใจกัน ไม่ว่าปัญหาชีวิตเป็นแบบไหน
เราก็ให้กำลังใจกันมาตลอด

จนมาถึง.....ช่วงที่กำลังเรียนจบ ป.ตรี พี่เค้ากำลังเรียนจบ ป.โท ผมยุ่งมากช่วงนี้ทั้งทำงาน เรียน เล่นดนตรี เงินที่เก็บมาละลายไปกับการ
ทำโปรเจ็คจบ พูดง่ายๆต่างคนต่างยุ่งและเริ่มห่างๆกัน จนผมได้คบกับแฟนคนปัจจุบัน แฟนคนนี้เป็นหัวเลี้ยวหัวต่อ ในการช่วยให้ผมจบ
(คือเธอก็เป็นรุ่นพี่ ผมน่ะครับจบก่อนผมปีนึง) คือเธอช่วยเหลือผมทุกอย่าง เธอเป็นคนที่ขยันเอางานเอาการ มีฐานเงินเดือนที่มากกว่าผม
เพราะผมเป็นแค่ผู้ช่วย ผจก. ร้านสะดวกซื้อ ผมทราบซึ้งเธอมากๆครับ จนเรียนจบมาได้และเวลาก็ผ่านไป

และก็มาถึงปัจจุบันครับ ผมโตแล้วครับมีงานที่ตรงสาขา วงดนตรีที่เป็นรูปเป็นร่าง(มือกลองเปิดห้องซ้อมเป็นของตัวเอง) ฐานเงินเดือนขยาย
มากกว่าที่เคยทำที่เดิมสองเท่า อันนี้ต้องขอบคุณ ผจก เพื่อนๆทุกคน ที่ช่วยเหลือผม และครอบครัวที่ทำให้ผมเป็นคนแบบนี้ แต่ไหง
อยู่ๆไป แฟนผมคนนี้กลับไม่ใช่แฟนผมคนเดิม จากเคยดีเยี่ยมทุกๆอย่าง เอาการเอางาน กลับง่อยไป จนเข้าขั้นใช้คำว่าขี้เกียจ ลาออกจาก
ที่ทำงานเดิม เปลี่ยนงาน บ่อยมากๆ และก็มีช่วงที่เธอไม่อยากทำงาน หางานไม่ได้ แต่ผมก็ยังรักเธอครับ เธอเคยช่วยผมไว้ ผมไม่ลืมบุญคุณ
จริงๆ แต่เมื่อเหมือนผมยอมเธอทุกอย่าง เธอกลับก้าวร้าว ไม่ค่อยสนใจแบบว่าหายไปทั้งวัน ขี้เกียจ คือนิสัยแย่มากๆเลยครับ แต่ผมก็ทน
เธอมาตลอด พูดคุย บอกให้เธอปรับนิสัย ว่าแบบนี้ผมก็อยู่ไม่ได้นะ ไม่ใช่ว่าผมเงินเดือนเท่านี้แล้วคุณจะไม่ทำอะไร คือมันไม่ได้เยอะนะครับ
แต่มันเยอะสำหรับผมไง แต่ถ้าเล่นไม่ทำงานทำการเลย แล้วพูดจาปากร้ายแบบนี้ บอกตรงๆผมหมดกำลังใจครับ

จนในที่สุดผมรู้สึกครับว่าผมไม่รักเธอแล้ว ผมอยากอยู่คนเดียว ซึ่งผมก็บอกเธอตรงๆทุกอย่าง กับสิ่งที่ผมรับไม่ได้ เราคบๆเลิกๆ กันนานมาก
ด้วยคำที่ว่าให้โอกาสเค้าเถอะ เธอจะพูดอย่างงี้ทุกครั้งที่ผมบอกเลิก หรือตอนเธอกลับมาง้อ  ในช่วงที่ใจย้ำแย่ (จริงๆทุกช่วงชีวิตแหละ)
ผมก็คุยกับพี่เค้า จริงๆก็คุยตลอดนะ และพี่แกก็แย่เหมือนกันเรื่องความรัก คือออกแนวคล้ายๆกันเลยครับ แต่แฟนพี่เค้าจะหายไปเลย มากกว่า
จนผมขอเบอร์พี่เค้าครับ คิดดู คนคุยกันมาจะสิบปี พึ่งจะคุยกันครั้งแรก - -

ขอบอกครับ พี่แกเป็นคนที่แคร์คนมากๆ เป็นนิสัยที่ผมใฝ่ฝัน ยิ่งได้คุยกันนิสัยนี้ยิ่งใช่เข้าไปใหญ่เลย เราคุยกันผ่านโทรศัพท์กันพักใหญ่ๆ
มันทำให้เราเข้าอกเข้าใจกัน พี่เค้าแคร์ผม ผมก็แคร์พี่เค้า มันเป็นอะไรที่เหมือนดั่งฝันเลยครับ การที่เราได้คุยกับคนที่เราชอบทางรูปร่าง
หน้าตา หน่ำซ้ำ นิสัยแบบว่าอย่างที่ตามหามานานเลยครับ ปกติพี่เค้าให้กำลังผ่านตัวหนังสือ คราวนี้ได้พูดคุยกัน ผมมีความสุขและดีใจมากๆ
เลยครับ ชีวิตผมมีกำลังใจขึ้นมามาก

และเราก็ได้เจอกันครับ ผมตกหลุมรักเธอจริงๆ เข้าใจคำว่าตกหลุมรักจริงๆครับ มีแฟนมาก็หลายคน แต่เจอคนๆนี้ ยังไงนะ คือพี่เค้าเคยเป็น
ทุกๆอย่าง เป็นคนที่ให้คำปรึกษา คนที่ให้กำลังใจ พูดคุยได้ทุกเรื่อง ผมพยายามจดจำทุกๆสิ่ง ทุกๆอย่างเมื่อเราได้อยู่ด้วยกัน
ก่อนจะเจอกัน ผมก็ถามพี่เค้านะครับ ว่าชอบผมหรือเปล่า เค้าบอกว่าชอบนิสัยผมที่ผมเป็นคนแบบนี้ แต่ต้องลองคบกันดู เราตกลงกันกว่า
เจอกันครั้งแรกเราจะจูงมือกัน เราเจอกันและจูงมือกัน โดนไม่เขิลอายและเป็นกันเองมาก แบบคนรู้สึกกันมาสิบปีจริงๆ ผมรู้สึกเหมือนกับว่า
เราเป็นแฟนกันมาอยู่แล้ว หลังจากที่เราเจอกันครั้งแรก เราก็นัดเจอกันบ่อยขึ้น ทุกๆครั้งที่เจอกัน ขอบอกว่ามันเหมือนความฝันจริงๆ
พี่เค้าเป็น ผู้หญิงที่ผมใฝ่ฝันจริงๆครับ รักพี่เค้าหมดหัวใจเลย และความรู้สึกของพี่เค้าที่มีให้ผมก็คงไม่น้อย แต่ติดที่ว่าพี่เค้ายังไม่เลิกกับแฟน
น่ะสิครับ ส่วนผมก็ขาดๆหายๆ เหมือนกัน

จนมาถึงจุดเปลี่ยนของผม แฟนผมกลับมาครับ มาขอโอกาส(ลืมเล่าครับ ทุกๆครั้งที่เธอมาง้อ ถ้าผมทำท่าจะไม่สนใจเธอจะทำร้ายตัวเองต่อหน้า
ผมครับ) และครั้งนี้รุนแรงกว่าที่เคยครับ ผมทำไม่ได้ที่จะปล่อยให้เธอเจ็บตัว ยิ่งกว่านั้นคำอ้อนวอนของเธอ ว่าเธอไม่เหลือใครแล้ว เธอร้องไห้ไป
เล่าความเจ็บช้ำของชีวิต และครอบครัว เล่าเรื่องแฟนเก่าว่าใครๆก็ไม่รักและต้องทิ้งเธอไป ผมหมดหนทางจริงๆครับ คือผมมีเหตุผลครับ
ผมคิดนะครับ ว่าการที่ผมตัดสินใจเลี้ยงไข้เธอ ไม่ใจแข็งมันจะทำให้เธอเจ็บภายหลัง เพราะผมไม่ได้รักเธอแล้ว และเมื่อทุกอย่างกลับมาเหมือน
เดิมก็ต้องเลิกกับเธออยู่ดี ผมใจไม่แข็งครับ แต่โชคร้ายยิ่งกว่านั้น พี่คนที่ผมคบอยู่บังเอิญโทรมา(จริงๆคุยกันปกติอยู่แล้ว) แต่แฟนผม(หรือต้อง
เรียกแฟนเก่าหว่า)ดันรับโทรศัพท์ ทำให้เกิดความเข้าใจผิด ยาวครับ พี่แกหมดความไว้ใจผม คิดว่าผมหลอกเรื่องแฟน ทั้งๆที่ผมก็บอก
ความจริงทุกๆอย่าง ว่าเดียวเลิกเดียวคบ บอกแม้กระวันที่เลิก กลายเป็นพี่เค้ามองผมผิดไป มันทำให้ผมละอายใจนะครับ
ถ้าไม่คบแฟนผม เธอก็จะทำเรื่องแย่ๆ ทำร้ายตัวเอง ส่วนคนที่ผมรักก็มาเข้าใจผิด แต่ผมก็เลือกที่จะพูดตรงๆ ว่าแฟนมาขอคืนดี
ผมไม่มีทางเลือกเลยต้องตอบรับไป เพราะเธอจะทำร้ายตัวเอง พี่เค้าก็ไม่ฟังแล้วครับ ผมต้องประกาศตัดขาดจาก พี่เค้าผ่าน facebook
เผื่อให้แฟนผมสบายใจ เพราะเธอเป็นผวน เพราะผมก็บอกความจริงว่าระหว่างเธอหายไป ผมคุยผมคบใคร ผมรักใคร
มันเลยเหมือนตอกหน้าพี่เค้า ผมต้องพูดในสิ่งที่ผมไม่อยากจะพูด ต้องทำร้ายใจตัวเองในช่องแชท ไว้ให้แฟนผมดู เผื่อให้เธอเลย
ผวนสักที เพราะเธอจ้องจะทำร้ายตัวเอง กินไม่ได้นอนไม่หลับ เฮ้อ... บอกตรงๆครับ ผมเหนื่อยใจมากๆ แต่ผมต้องพูดตัดขาดจากพี่เค้า
เพราะต้องรักษาความปลอดภัยของคนๆนึงเอาไว้ ผมกลัวเธอจะทำอะไรไม่ดีจริงๆนะครับ

ผ่านไปหนึ่งวัน ผมอยู่แทบไม่ได้ครับ ผมรู้เลยใจผมรักใครมันไม่ใช่อย่างแรง ผมบอกเลิกแฟนผม และเค้าก็มาสูตรเดิมทำร้ายตัวเอง
ร้องไห้ บ่นคนเดียว บลาๆ เหมือนคนบ้าน่ะครับ คือร้องไห้ แล้วก็ทำเหมือนพูดคนเดียว แต่ก็แบบเก่าผมยอมเธอครับ

ผ่านไปหนึ่งอาทิตย์ ผมคิดถึงเป็นห่วงพี่เค้ามากเลยแอบติดต่อพี่เค้า ผมรู้เลยว่าใจพี่เค้าก็ยัง อยู่ที่ผมแต่คำพูดมันรุนแรงว่าเลือกเองไม่ได้ใช่หรอ
ผมบอกเหตุผลและพี่เค้าก็เชื่อผมครับ ผมรู้ว่าพี่เค้าต้องเชื่อผมเพราะผมเป็นคนไม่โกหก วันนั้นผมสัญญาพี่เค้าว่าจะเลิกกับแฟนให้ได้
สรุปผมเลิกครับ แล้วก็แบบเก่า มาเหมือนเดิม และรุนแรงมุขเดิมเลยครับ ร้องไห้ บ่นคนเดียว ตบตีตัวเอง  ข่วนหน้าตัวเองเป็นแผล
เอาหัวโขกฝาบ้าน ผมโมโหบวกกับคิดอะไรไม่ออก ทำบ้างครับ เธอทำท่าไหนผมทำใส่ผมท่านั้น สรุปดีขึ้นครับ แต่ผมแทบบ้าแล้ว

อีกสามวันต่อจากนั้น ผมสารภาพกับพี่เค้าว่าผมทำไม่ได้อีกแล้ว ผมบอกว่าผมเข้าใจว่าการทำแบบนี้ เหมือนทำร้ายเธอทางอ้อม
แต่ใครละครับที่จะยอม ดูคนทำร้ายตัวเอง ยอมเดินออกมา ผมคิดนะว่าผมจะเก็บข้าวของผม ไปนอนโรงแรมเลย
แต่พี่เค้าเริ่มไม่อยากจะฟังคำพูดผมแล้วครับ มันเริ่มไร้น้ำหนักแล้ว เรื่องนี้ผมเข้าใจ และผมบอกพี่เค้าว่า ผมจะเลิกให้ได้
เลิกได้เมื่อไหร่ผมจะมาบอก สัญญา

หลายวันต่อมา ผมสินใจบอกเลิกเธออีก แต่ก็ไม่สำเร็จ แบบเก่าอีกแล้วครับ แต่ผมได้ข่าวจากพี่เค้า ว่าเค้าได้เลิกกับแฟนแล้ว ผลมาจาก
ผมด้วย ผมไม่รู้จะดีใจหรือเสียใจดี เค้าบอกว่า ถ้าเลิกกับแฟนไม่ได้ เค้าก็กลับมาเป็นพี่น้องกันเถอะ จนผมคิดอะไรออก
ผมให้แฟนผมกับพี่เค้าคุยกันเลยครับ ว่าหาทางออกให้หน่อย โดยการที่ผมแกล้งหลับ แต่ปลดล็อคไลน์ ที่ล็อคเอาไว้ให้เค้าคุยกัน
ไม่แน่ใจเท่าไหร่ว่าคุยอะไรกัน แต่สรุปแฟนผมบอกว่าจะปรับปรุงตัวให้ดีขึ้น และข้อร้องให้ผมเลิกคุยกับพี่เค้าซะ ซึ่งผมก็จำใจทำ

จนมาถึงวันนี้ผมไม่ได้คุยกับพี่เค้าแล้วครับ นี้ก็ผ่านมาจะสองเดือนแล้ว ผมคิดถึงพี่เค้ามากจริงๆ ส่วนแฟนผมก็ทำตัวดีขึ้น ดีขึ้นมากๆครับ
ยิ่งกว่าตอนที่เคยคบกันแรกๆ ซะอีก แต่ยิ่งดีมาก ผมกับมาละอายใจ ว่าเราคบแบบไม่ได้รักเธอเลย ขี้ขลาดแม้กระทั้ง ไม่สามารถตัดใจได้
ผมเคยพูดนะ ว่าขอให้ผมให้โอกาสตลอด แล้วผมละเคยได้โอกาสไหม ทุกๆวันผมคิดถึงพี่เค้ามาก อยากทักทายไป แต่ติดที่คำพูดสุดท้าย
ของพี่เค้าบอกว่า ถ้ายังเลิกขาดไม่ได้ ก็อย่างมาคุยกันเลย ผมอ่อนแอครับ แข็งแรงทุกๆอย่าง ทุกๆเรื่อง แต่เรื่องนี้ ตกม้าตายจริงๆ

เพื่อนๆเชื่อผมไหม ผมวางแผนที่จะเลิกกับแฟนผมทุกวัน จนจะบ้าตายอยู่แล้ว ทำไมผมถึงจะทำในสิ่งที่ผมอยากทำบ้างไม่ได้

***ยาวไปขอต่อข้างล่างนะครับ

คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 3
ก่อนอื่น คำว่าคลี่คลาย เขียนอย่างนี้นะคะ เห็นคุณเขียนเป็น "ขี้คลายด้วยตัวผมเอง" แล้วแอบขำนิดๆ นึกว่าไปทานยาถ่ายมา คิคิ

เข้าเรื่องๆ คือเรามีคนรู้จักที่มีแฟนแบบแฟนคุณเลยล่ะ
คือขู่ตัดข้อมือ มีทำร้ายผู้ชายด้วยวิธีการต่างๆ
เช่นจุดไฟจะเผาห้องอพาร์ทเมนท์ หรือตีผู้ชายด้วยของแข็ง
เราว่าเป็นโรคจิตอ่อนๆนะ ผู้หญิงพวกนี้เรียก borderline personality อะค่ะ
มันไม่หายง่ายๆ เท่าไหร่ ไม่รู้ว่าแฟนเก่าเค้าจะพอทราบหรือเปล่าว่าอาการเป็นแบบนี้มานานหรือยัง
แต่ถ้ารุนแรง จะทุกข์กว่านี้แน่นอน ในอนาคต
สุดท้ายในกรณีนั้นผู้ชายคนนั้นก็เดินออกมา ผู้หญิงแน่นอนใจสลาย กินยาฆ่าตัวตาย เข้าโรงบาล แต่ก็รอดมาได้
แต่สุดท้ายก็มีแฟนใหม่ (รวดเร็วราวกับประชดแฟนเก่า) แถมตอนนี้มีลูกแล้วด้วย (แอบสยองแทนเด็ก)
สรุปคือ ถ้าคุณคิดคำนวณแล้วว่าคุณมีกรรมเก่าอะไรที่ต้องรับผิดชอบเค้า เราว่ามันก็ไม่ใช่เรื่องผิด
แต่ถ้าคุณไม่ไหวจะไปจากเค้า มันก็ไม่ผิดเหมือนกัน เชื่อว่าสุดท้ายเค้าก็จะกลับมาดีได้เอง ไม่ตายก็ตัดขาดได้
คุณควรตัดสินใจให้เด็ดขาดซะ บอกกับตัวเองว่าคุณจะกล้ารับผลของการตัดสินใจทุกๆอย่าง
แล้วพยายามอยู่กับการตัดสินใจนั้นอย่างมีความสุขที่สุด
ทีนี้เพราะคุณไม่กล้าเลือก คุณก็จมกับความทุกข์อยู่แบบนี้ ไม่หลุดเสียที

ส่วนตัวคุณเอง เราว่าคุณก็ไม่ใช่ว่าขี้ขลาดนะ อย่ามองตัวเองแบบนั้น
เราว่าคุณเป็นคนดีมากกว่า อ่านแล้วนึกถึงพ่อเราที่โดนแม่โกรธโมโหขับไล่
แต่สุดท้ายคิดว่าทิ้งแม่ไม่ได้เพราะร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาตั้งนาน จนแก่ จะทิ้งให้อยู่คนเดียวได้ไง
ถึงแม้ในที่สุด คุณจะเลือกที่จะดูแลแฟนเก่า คุณต้องคิดว่าคุณทำสิ่งที่ดีกับคนคนหนึ่ง ถึงแม้จะแลกด้วยความทุกข์
คุณต้องคิดถึงมันในแง่ดีเท่านั้น คุณต้องทำใจยอมรับที่เค้าเป็นแบบนี้ให้ได้
แล้วพยายามสร้างความสุขในชีวิตคู่ให้กลับมาอีกครั้ง พยายามคิดถึงความดีของเค้า

แต่ถ้าคุณเลือกที่จะเลิกกับแฟนเก่าแล้วไปคบแฟนใหม่ ก็เลิกคิดว่าตัวเองเห็นแก่ตัว หรือเลว
เพราะแต่ละคนมีสิทธิ์เลือกทางชีวิตของตัวเองนะ
เราไม่คิดว่าใครจะสามารถติดหนี้บุญคุณใครถึงขนาดยกชีวิตตัวเองให้เป็นของเขา
ไม่ว่าคนนั้นจะเป็นพ่อแม่ เป็นประเทศชาติ เป็นอะไรก็เถอะ
ไม่มีใครมีสิทธิ์จะเป็นเจ้าของชีวิตใครได้ คอนเซ็ปนั้นมันจบตั้งแต่มีการเลิกทาสแล้ว
เพราะฉะนั้นแฟนคุณก็ไม่มีสิทธิ์เป็นเจ้าชีวิตของคุณ
เค้าอาจจะพยายามทำทุกอย่างให้คุณรู้สึกผิด และไปไหนไม่ได้
แต่คุณต้องเข้าใจว่าสุดท้ายแล้ว คนที่เลือกที่จะอยู่คือตัวคุณเอง
อย่าโทษใคร ถ้าคุณไม่ไป คุณได้เลือกที่จะยกชีวิตให้กับผู้หญิงที่คุณไม่ได้รักไปแล้ว

เมื่อคุณตระหนักแล้วว่าคุณเลือกได้ และไม่ว่าจะเลือกทางไหนมันก็มองได้ทั้งแง่บวกแง่ลบ
คุณก็ตัดสินใจซะ ให้เด็ดขาดนะ และอย่าเหลียวหลัง อย่ากลับกลอก อย่าโลเลอีก
ที่ผ่านมา มันเป็นปัญหาเพราะคุณตัดสินใจแล้วไม่เด็ดขาด โลเล พอแฟนเก่ากลับมากดดันคุณก็หวั่นไหวไปอีกละ
แถมยังยอมทำร้ายคนใหม่เพื่อแฟนเก่าอีก
เพราะแบบนี้มันถึงเป็นปัญหา เพราะคุณไม่หนักแน่นพอ
ไม่ได้หมายความว่าเลือกแฟนใหม่แล้วไม่กลับไปเหลียวแลแฟนเก่านะ
แสดงจุดยืนได้ว่าคุณจะดูแลอย่างเพื่อนจนเธอปลอดภัย
แต่ก็ต้องทำให้ได้จริงๆ ไม่โลเลใจอ่อนจริงๆ แค่เพื่อนเท่านั้นจริงๆ ให้แฟนใหม่เชื่อใจคุณได้
ถ้าคุณหนักแน่นและแสดงออกต่อทั้งสองฝ่ายว่าคุณเลือกแล้ว ถึงตอนแรกๆอาจจะมีปัญหา ต้องปรับ ต้องแก้บ้าง
แต่อย่างน้อยคุณก็มีแนวทาง ว่าจะทำต่อคนที่คุณเลือกอย่างดีที่สุด รับผิดชอบกับการตัดสินใจของตัวเองอย่างดีที่สุด
รับรองถ้าคุณทำสิ่งที่ถูกสิ่งที่ดี เมื่อเวลาผ่านไป ทุกอย่างจะดีขึ้นเอง
ไม่ใช่เหยียบเรือสองแคม ใจไปทาง กายไปทาง พยายามจะช่วยทั้งสองคน
แต่กลับกลายเป็นทำร้ายทั้งสามคนเลย ตัวเอง แฟนเก่า และแฟนใหม่ ไม่สิ้นสุดซะที

ขอโทษที่ร่ายยาวไปหน่อย ขอให้โชคดีกับการตัดสินใจค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่