ข้อมูลจาก
http://www.pleasehealth.com/index.php?option=com_content&view=article&id=485:2012-01-09-15-46-52&catid=6:ask-your-doc&Itemid=8
L-carnitine จัดเป็นสารประกอบที่พบได้ในเนื้อเยื่อทุกส่วนของร่างกายโดยเฉพาะในกล้ามเนื้อ ถูกสังเคราะห์ขึ้นที่ตับจากกรดอะมิโนชื่อ “ไลซีน(Lysine)” โดยมีวิตามินบี3 วิตามินบี 6 และวิตามินซีช่วยในการสังเคราะห์ แอลคาร์นีทีนทำหน้าที่ช่วยในการลำเลียงเอากรดไขมันผ่านเยื่อหุ้มเซลล์เข้าสู่ไมโทคอนเดรียของเซลล์เพื่อเผาผลาญ ไมโตคอนเดรียมันเป็นองค์ประกอบเล็กๆของเซลล์ ทำหน้าที่เหมือนโรงงานที่คอยสร้างพลังงานให้กับเซลล์ เพื่อสร้างเป็นพลังงานให้กับร่างกายเอาไว้ใช้ในกิจกรรมต่างๆ พูดง่ายๆแอลคาร์นีทีนเหมือนเป็นตัวพากรดไขมันเข้าไปสลายในกล้ามเนื้อ
การรับประทานแอลคาร์นีทีนจะไม่ช่วยอะไรเลยถ้าไม่ออกกำลังกายนะครับ เนื่องจากไขมันที่สะสมในเนื้อเยื่อ เช่น ไขมันที่พุง โดยปกติไขมันเหล่านี้จะไม่เคลื่อนที่ไปไหน จะอยู่ในเนื้อเยื่อไขมันนั้นจนกว่าเอนไซม์สลายไขมันที่ชื่อว่า “ไลเปส (hormone sensitive lipase)” จะเข้ามาสลาย แต่เอนไซม์ไลเปสตัวนี้จะทำงานก็ต่อเมื่อได้รับการกระตุ้นจากฮอร์โมนกลูคากอนหรือแคทีโคลามีน ซึ่งฮอร์โมนทั้งสองจะปล่อยออกมาตอนเราออกกำลังกาย ไลเปสจะวิ่งเข้าสลายไขมันให้เป็นกรดไขมันทันที แล้วกรดไขมันนี้เองจะถูกขนส่งผ่านไปที่กล้ามเนื้อโดยแอลคาร์นีทีนเป็นตัวพาไป เพื่อสลายตัวผ่านปฏิกิริยาที่เรียกว่าเบต้าออกซิเดชั่น ผลิตภัณฑ์ แอลคาร์นีทีน
จัดเป็นสารเสริมอาหารที่เป็นตัวช่วยในการลดน้ำหนัก ต้องบอกว่าใช้ได้ผลดีขึ้นถ้ามีการออกกำลังควบคู่กัน แต่ถ้านั่งอยู่เฉย ๆ แล้วหวังว่าน้ำหนักจะลดได้เองโดยรับประทานแต่แอลคาร์นีทีนก็คงจะไม่เป็นจริงตามนั้นครับ
การเลือกผลิตภัณฑ์อย่าหลงตามกระแสนะครับ ทุกแบรนด์มักบอกว่าผลิตภัณฑ์ของตนดีแต่ก็จะไม่หนักแน่นเท่ากับการได้รับการรับรองจากหน่วยงานอื่น ในสหรัฐอเมริกามีหน่วยงานที่เรียกว่า NSF ที่จะบอกว่าผลิตภัณฑ์บริษัทไหนดีปราศจากสารปนเปื้อน ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ไม่หวังผลกำไรและมีความน่าเชื่อถือ มาตรฐาน GMP ก็เป็นมาตรฐานที่วางใจได้ระดับหนึ่งว่ามีการผลิตที่ได้มาตรฐาน ปลอดภัย ถ้าให้ดีที่สุดสำหรับการเลือกวิตามินและสารเสริมอาหาร ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพราะแต่ละคนมีพฤติกรรมการใช้ชีวิตไม่เหมือนกัน ทั้งการออกกำลังกาย การรับประทานอาหาร สัดส่วนของไขมัน คาร์โบไฮเดรต โปรตีนที่ได้ไม่เหมือนกัน อัตราการเผาผลาญไม่เท่ากัน จึงควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนรับประทานเพื่อให้ได้ประโยชน์ไม่เกิดผลเสียตามมา ดังนั้นการเลือกซื้อวิตามินเองผ่านทางอินเตอร์เนท หมอไม่แนะนำนะครับ
นพ.ไพศิษฐ์ ตระกูลก้องสมุท
ความจริงเกี่ยวกับ L-carnitine ว่าลดความอ้วนได้หรือไม่
L-carnitine จัดเป็นสารประกอบที่พบได้ในเนื้อเยื่อทุกส่วนของร่างกายโดยเฉพาะในกล้ามเนื้อ ถูกสังเคราะห์ขึ้นที่ตับจากกรดอะมิโนชื่อ “ไลซีน(Lysine)” โดยมีวิตามินบี3 วิตามินบี 6 และวิตามินซีช่วยในการสังเคราะห์ แอลคาร์นีทีนทำหน้าที่ช่วยในการลำเลียงเอากรดไขมันผ่านเยื่อหุ้มเซลล์เข้าสู่ไมโทคอนเดรียของเซลล์เพื่อเผาผลาญ ไมโตคอนเดรียมันเป็นองค์ประกอบเล็กๆของเซลล์ ทำหน้าที่เหมือนโรงงานที่คอยสร้างพลังงานให้กับเซลล์ เพื่อสร้างเป็นพลังงานให้กับร่างกายเอาไว้ใช้ในกิจกรรมต่างๆ พูดง่ายๆแอลคาร์นีทีนเหมือนเป็นตัวพากรดไขมันเข้าไปสลายในกล้ามเนื้อ
การรับประทานแอลคาร์นีทีนจะไม่ช่วยอะไรเลยถ้าไม่ออกกำลังกายนะครับ เนื่องจากไขมันที่สะสมในเนื้อเยื่อ เช่น ไขมันที่พุง โดยปกติไขมันเหล่านี้จะไม่เคลื่อนที่ไปไหน จะอยู่ในเนื้อเยื่อไขมันนั้นจนกว่าเอนไซม์สลายไขมันที่ชื่อว่า “ไลเปส (hormone sensitive lipase)” จะเข้ามาสลาย แต่เอนไซม์ไลเปสตัวนี้จะทำงานก็ต่อเมื่อได้รับการกระตุ้นจากฮอร์โมนกลูคากอนหรือแคทีโคลามีน ซึ่งฮอร์โมนทั้งสองจะปล่อยออกมาตอนเราออกกำลังกาย ไลเปสจะวิ่งเข้าสลายไขมันให้เป็นกรดไขมันทันที แล้วกรดไขมันนี้เองจะถูกขนส่งผ่านไปที่กล้ามเนื้อโดยแอลคาร์นีทีนเป็นตัวพาไป เพื่อสลายตัวผ่านปฏิกิริยาที่เรียกว่าเบต้าออกซิเดชั่น ผลิตภัณฑ์ แอลคาร์นีทีน จัดเป็นสารเสริมอาหารที่เป็นตัวช่วยในการลดน้ำหนัก ต้องบอกว่าใช้ได้ผลดีขึ้นถ้ามีการออกกำลังควบคู่กัน แต่ถ้านั่งอยู่เฉย ๆ แล้วหวังว่าน้ำหนักจะลดได้เองโดยรับประทานแต่แอลคาร์นีทีนก็คงจะไม่เป็นจริงตามนั้นครับ
การเลือกผลิตภัณฑ์อย่าหลงตามกระแสนะครับ ทุกแบรนด์มักบอกว่าผลิตภัณฑ์ของตนดีแต่ก็จะไม่หนักแน่นเท่ากับการได้รับการรับรองจากหน่วยงานอื่น ในสหรัฐอเมริกามีหน่วยงานที่เรียกว่า NSF ที่จะบอกว่าผลิตภัณฑ์บริษัทไหนดีปราศจากสารปนเปื้อน ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ไม่หวังผลกำไรและมีความน่าเชื่อถือ มาตรฐาน GMP ก็เป็นมาตรฐานที่วางใจได้ระดับหนึ่งว่ามีการผลิตที่ได้มาตรฐาน ปลอดภัย ถ้าให้ดีที่สุดสำหรับการเลือกวิตามินและสารเสริมอาหาร ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพราะแต่ละคนมีพฤติกรรมการใช้ชีวิตไม่เหมือนกัน ทั้งการออกกำลังกาย การรับประทานอาหาร สัดส่วนของไขมัน คาร์โบไฮเดรต โปรตีนที่ได้ไม่เหมือนกัน อัตราการเผาผลาญไม่เท่ากัน จึงควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนรับประทานเพื่อให้ได้ประโยชน์ไม่เกิดผลเสียตามมา ดังนั้นการเลือกซื้อวิตามินเองผ่านทางอินเตอร์เนท หมอไม่แนะนำนะครับ
นพ.ไพศิษฐ์ ตระกูลก้องสมุท