มุมมองต่ออัตราดอกเบี้ยนโยบายจากกองทุนบัวหลวง
7 มกราคม 2556
ห้องความรู้บัวหลวง (บทความ)
ในการประชุมครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2555 ที่ผ่านมา คณะกรรมการ กนง. ได้ตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2.75% จาก
1. ภาวะเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 3 ที่ขยายตัวต่อเนื่องและใกล้เคียงกับที่ ธปท.คาดการณ์ไว้
2. การใช้จ่ายภาคเอกชนทั้งการบริโภคและการลงทุนขยายตัวได้ดีเกินคาด
3. ผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกยังจำกัดอยู่ที่ภาคการส่งออก ซึ่งคาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นในช่วงครึ่งแรกของปี 2556 ตามทิศทางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก
ดังนั้น คณะกรรมการ กนง.จึงประเมินในภาพรวมว่า เศรษฐกิจไทยในปี 2555 และ 2556 มีแนวโน้มขยายตัวสูงกว่าที่ประมาณการไว้เดิม เนื่องจากการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนมีแนวโน้มขยายตัวดีกว่าที่คาดไว้ ขณะที่การส่งออกจะกลับมามีบทบาทต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจในครึ่งหลังของปี 2556 หากอุปสงค์ในประเทศชะลอลงหลังมาตรการกระตุ้นการบริโภคของภาครัฐสิ้นสุดลง
อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการ กนง. มีความเห็นว่า ไทยมีความเสี่ยงด้านการขยายตัวทางเศรษฐกิจมากกว่าความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อ เพราะแม้ว่าความเสี่ยงจากเศรษฐกิจโลกจะปรับลดลงบ้าง แต่ความไม่แน่นอนก็ยังมีอยู่มาก
ดังนั้น นโยบายการเงินที่ผ่อนปรน จึงยังมีความจำเป็นและเหมาะสม เพื่อสนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศให้เป็นไปอย่างต่อเนื่องและมีเสถียรภาพ โดยคณะกรรมการฯ จะติดตามพัฒนาการของเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยอย่างใกล้ชิด และพร้อมจะดำเนินนโยบายการเงินที่เหมาะสมตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง
ถ้อยแถลงของ คณะกรรมการ กนง. บ่งชี้ถึงโอกาสที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายจะลดลงได้ในปีหน้า หากเศรษฐกิจมีแนวโน้มที่จะไม่ขยายตัวได้อย่างที่คาด เพราะไทยยังคงเผชิญกับปัจจัยเสี่ยงภายนอกหลายประการ ทั้งความอ่อนแอของเศรษฐกิจโลกจากปัญหาภาวะหน้าผาทางการคลัง (Fiscal Cliff) ปัญหาเศรษฐกิจในยุโรป การอัดฉีดเงินของกลุ่มยูโรโซนเพื่อช่วยพยุงกรีซซึ่งเป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้ามากกว่าการแก้ปัญหาที่แท้จริงในระยะยาว รวมไปถึงความอ่อนแอของเศรษฐกิจญี่ปุ่นซึ่งเป็นฐานส่งออกสินค้าสำคัญของไทย
ทีมจัดการกองทุนบัวหลวง จึงคาดว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายมีโอกาสที่จะปรับลดลงได้อีกในช่วงไตรมาสแรกของปีหน้า หากปัจจัยภายนอกไม่เอื้ออำนวยตามที่ระบุ
ทีมจัดการกองทุนบัวหลวง
โดย อรุณี ศิลปการประดิษฐ์
กลุ่มอุตสาหกรรมที่เรามั่นใจ
20 พฤษภาคม 2556
ห้องความรู้บัวหลวง (บทความ)
ในสภาวะที่ตลาดหุ้นและการลงทุนต่างๆ มีความผันผวนอย่างปัจจุบัน มีคำถามเกิดขึ้นบ่อยๆ ว่ากองทุนบัวหลวง มีวิธีการลงทุนในช่วงนี้อย่างไร
เรื่องการลงทุนในหุ้น กองทุนบัวหลวงเราใช้มุมมองระยะยาวเสมอ สำหรับข่าวสารและความผันผวนที่เกิดขึ้น เราติดตาม แต่ไม่มีแนวคิดเปลี่ยนแปลงพอร์ตการลงทุนตามข่าวสารที่เข้ามารายวัน ตราบใดที่มุมมองหลักๆ ที่เรามีต่อหุ้นและกลุ่มอุตสาหกรรมที่ลงทุนนั้นยังคงไม่เปลี่ยนแปลง
กลุ่มอุตสาหกรรมที่เราเลือกลงทุนนั้นจะต้องเป็นอุตสาหกรรมที่โดยภาพรวมแล้วเป็นธุรกิจที่มีโอกาสขยายตัวได้ต่อเนื่องหลายปี ซึ่งจะช่วยให้การแข่งขันในอุตสาหกรรมนั้นไม่รุนแรงมากนัก เรามี Strong conviction กับการลงทุนระยะยาวในหุ้น กลุ่มค้าปลีก โลจิสติกส์ มีมุมมองที่ดีต่อหุ้น กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ประกันชีวิต โรงไฟฟ้า เพราะธุรกิจเหล่านี้ล้วนแต่ถูกขับเคลื่อนด้วยปัจจัยที่เป็น Structural Change (เช่นเรื่องการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างและพฤติกรรมการบริโภค/การใช้ชีวิต ของประชากร) ซึ่งน่าจะมีแนวโน้มที่ต่อเนื่องในระยะยาว และเลือกหุ้นรายตัวที่มีปัจจัยพื้นฐานดีเพื่อลงทุน
เหตุผลและความน่าสนใจของกลุ่มอุตสาหกรรมที่เราเลือกลงทุน
กลุ่มค้าปลีก
การขยายตัวของสังคมเมืองออกไปยังต่างจังหวัด ผนวกกับปัจจุบันที่อำนาจการใช้สอยของคนต่างจังหวัดสูงขึ้น และมีแนวโน้มพฤติกรรมผู้บริโภคที่จะเป็นแบบคนเมืองมากขึ้น จะทำให้เขาหันไปซื้อสินค้าจากร้านค้าแบบ Modern-Trade แทนร้านค้าปลีกดั้งเดิม
การเข้าไปเจาะตลาดในกลุ่มต่างจังหวัดยังค่อนข้างต่ำ ตลาดยังมีโอกาสในการขยายตัวได้อีกมาก
ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการเดินทางทางอากาศ
ภาคท่องเที่ยวไทยเติบโตดี อัตราการเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวต่างชาติขยายตัวได้ต่อเนื่องค่อนข้างสูง
สายการบินต้นทุนต่ำและรายได้ของคนเพิ่มขึ้น ทำให้คนจำนวนมากเข้าถึงการเดินทางทางอากาศได้ง่ายขึ้น ทำให้เป็นโอกาสของสายการบินที่จะเปิดเส้นทางใหม่และเพิ่มความถี่ของแต่ละเส้นทางบิน
แนวโน้มราคาน้ำมันไม่น่าจะเพิ่มขึ้นได้มาก เนื่องจาก Supply ของน้ำมันในตลาดโลกเพิ่มขึ้นจากการนำ Shale gas มาใช้ประโยชน์ ซึ่งแนวโน้มน่าจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
กลุ่มวัสดุก่อสร้าง
ได้ผลประโยชน์จากการลงทุนของโครงการภาครัฐ 2 ล้านล้านบาท ซึ่งนอกจากผลโดยตรงแล้ว จะช่วยส่งเสริมภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ให้มีการขยายตัวมากขึ้น และจะส่งผลดีต่อวัสดุก่อสร้าง
ขยายไปหาลูกค้าอาเซียนได้พราะอัตราการใช้วัสดุก่อสร้าง ยังต่ำกว่าในประเทศไทย และเป็นภูมิภาคที่เศรษฐกิจเติบโตสูง
กลุ่มประกันชีวิต
เชื่อว่าจะยังขยายตัวต่อเนื่อง การขายประกันชีวิตในต่างจังหวัดจะเติบโตมากจากรายได้ และช่องทางขายที่มากขึ้น
บริษัทประกันชีวิตพยายามกระตุ้นให้คนเห็นประโยชน์จากการทำประกัน ทั้งเป็นการออมทรัพย์และคุ้มครองชีวิต ซึ่งคาดหวังว่าส่วนการทำประกันชีวิตของคนไทยจะเพิ่มขึ้นเป็น 6-7%ของGDP จากปัจจุบัน 3.1% ซึ่งถือเป็นอัตราที่ต่ำหากเทียบกับต่างประเทศ
ผู้ผลิตไฟฟ้า/พลังงานหมุนเวียน ที่เน้น Green energy เพิ่มมากขึ้น
ความต้องการใช้ไฟฟ้าในไทยขยายตัวต่อเนื่อง แต่ความสามารถในการผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นน้อยกว่า ในช่วงนี้ จึงต้องเร่งก่อสร้างโรงไฟฟ้าเพิ่มขึ้น เพื่อรองรับการใช้ไฟฟ้าในอนาคต ซึ่งเป็นโอกาสขยายธุรกิจเพิ่มขึ้นสำหรับผู้ผลิตโรงไฟฟ้า
ไทยพึ่งพาการใช้ไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติมากเกินไป ควรจะต้องกระจายแหล่งพลังงานสำหรับผลิตไฟฟ้า รัฐบาลจึงน่าจะยังส่งเสริมธุรกิจผลิตไฟฟ้าประเภท Renewable energy ซึ่งเป็นธุรกิจที่ให้ผลตอบแทนจากโครงการสูง จึงเป็นโอกาสสำหรับบริษัทผู้ผลิตไฟฟ้า
ทีมงานกองทุนบัวหลวง
เอานโยบายและมุมมองของทีมงานบัวหลวงให้อ่านกันครับให้ทำความเข้าใจแนวคิดการลงทุนของเค้า ซึ่งผมชอบอ่านมากเพราะว่าเราสามารถติดตามได้ว่าเค้าเอาเงินเราไปทำอะไร ด้วยมาตรฐานอะไรและเค้ามองสิ่งที่เค้าลงทุนว่าอย่างไร อยากให้เพื่อนๆที่ลงทุนในกองทุนได้อ่านมากครับเพราะว่า ถ้าอ่านแล้วเข้าใจแนวคิดเค้าและเห็นด้วยกับแนวคิดเค้าความกังวลระยะสั้นก็จะได้หายไป(อันนี้ผมเข้าใจเลย เพราะว่าตอนลงทุนครั้งแรกกังวลนั่งมอง NAV ทุกวัน จะขายไม่ขายทุกวัน)
ปล.1 พันทิพย์ไม่ทำ แท็กกองทุนรวมให้หนูทำเองกะได้ฮ๊าฟฟฟฟ
ปล.2 ข้อมูลทั้งหมดเป็นลิขสิทธิ์ของ บลจบัวหลวง ซึ่ง จขกท ไม่ได้ขออนุญาติใดๆในการนำเสนอกับเพื่อน โดย จขกท หวังใจเป็นอย่างยิ่งว่าทาง บลจ บัวหลวงจะไม่ฟ้องข้าพเจ้าเน้ออออออ
ปล.3 ต้องการอ่านเพิ่มเติม ไปอ่านต่อได้ที่
http://www.bblam.co.th/web2/art_list.php
ปล.4 ของ บลจ. อื่นก็มีนะครับลองหาอ่านในเวปของแต่ละ บลจ ได้เลย
[กองทุนรวมนะเอ๊ออ]ข้อมูลการมองสภาพเศรษฐกิจของ บลจ.บัวหลวง
7 มกราคม 2556
ห้องความรู้บัวหลวง (บทความ)
ในการประชุมครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2555 ที่ผ่านมา คณะกรรมการ กนง. ได้ตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2.75% จาก
1. ภาวะเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 3 ที่ขยายตัวต่อเนื่องและใกล้เคียงกับที่ ธปท.คาดการณ์ไว้
2. การใช้จ่ายภาคเอกชนทั้งการบริโภคและการลงทุนขยายตัวได้ดีเกินคาด
3. ผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกยังจำกัดอยู่ที่ภาคการส่งออก ซึ่งคาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นในช่วงครึ่งแรกของปี 2556 ตามทิศทางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก
ดังนั้น คณะกรรมการ กนง.จึงประเมินในภาพรวมว่า เศรษฐกิจไทยในปี 2555 และ 2556 มีแนวโน้มขยายตัวสูงกว่าที่ประมาณการไว้เดิม เนื่องจากการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนมีแนวโน้มขยายตัวดีกว่าที่คาดไว้ ขณะที่การส่งออกจะกลับมามีบทบาทต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจในครึ่งหลังของปี 2556 หากอุปสงค์ในประเทศชะลอลงหลังมาตรการกระตุ้นการบริโภคของภาครัฐสิ้นสุดลง
อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการ กนง. มีความเห็นว่า ไทยมีความเสี่ยงด้านการขยายตัวทางเศรษฐกิจมากกว่าความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อ เพราะแม้ว่าความเสี่ยงจากเศรษฐกิจโลกจะปรับลดลงบ้าง แต่ความไม่แน่นอนก็ยังมีอยู่มาก
ดังนั้น นโยบายการเงินที่ผ่อนปรน จึงยังมีความจำเป็นและเหมาะสม เพื่อสนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศให้เป็นไปอย่างต่อเนื่องและมีเสถียรภาพ โดยคณะกรรมการฯ จะติดตามพัฒนาการของเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยอย่างใกล้ชิด และพร้อมจะดำเนินนโยบายการเงินที่เหมาะสมตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง
ถ้อยแถลงของ คณะกรรมการ กนง. บ่งชี้ถึงโอกาสที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายจะลดลงได้ในปีหน้า หากเศรษฐกิจมีแนวโน้มที่จะไม่ขยายตัวได้อย่างที่คาด เพราะไทยยังคงเผชิญกับปัจจัยเสี่ยงภายนอกหลายประการ ทั้งความอ่อนแอของเศรษฐกิจโลกจากปัญหาภาวะหน้าผาทางการคลัง (Fiscal Cliff) ปัญหาเศรษฐกิจในยุโรป การอัดฉีดเงินของกลุ่มยูโรโซนเพื่อช่วยพยุงกรีซซึ่งเป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้ามากกว่าการแก้ปัญหาที่แท้จริงในระยะยาว รวมไปถึงความอ่อนแอของเศรษฐกิจญี่ปุ่นซึ่งเป็นฐานส่งออกสินค้าสำคัญของไทย
ทีมจัดการกองทุนบัวหลวง จึงคาดว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายมีโอกาสที่จะปรับลดลงได้อีกในช่วงไตรมาสแรกของปีหน้า หากปัจจัยภายนอกไม่เอื้ออำนวยตามที่ระบุ
ทีมจัดการกองทุนบัวหลวง
โดย อรุณี ศิลปการประดิษฐ์
กลุ่มอุตสาหกรรมที่เรามั่นใจ
20 พฤษภาคม 2556
ห้องความรู้บัวหลวง (บทความ)
ในสภาวะที่ตลาดหุ้นและการลงทุนต่างๆ มีความผันผวนอย่างปัจจุบัน มีคำถามเกิดขึ้นบ่อยๆ ว่ากองทุนบัวหลวง มีวิธีการลงทุนในช่วงนี้อย่างไร
เรื่องการลงทุนในหุ้น กองทุนบัวหลวงเราใช้มุมมองระยะยาวเสมอ สำหรับข่าวสารและความผันผวนที่เกิดขึ้น เราติดตาม แต่ไม่มีแนวคิดเปลี่ยนแปลงพอร์ตการลงทุนตามข่าวสารที่เข้ามารายวัน ตราบใดที่มุมมองหลักๆ ที่เรามีต่อหุ้นและกลุ่มอุตสาหกรรมที่ลงทุนนั้นยังคงไม่เปลี่ยนแปลง
กลุ่มอุตสาหกรรมที่เราเลือกลงทุนนั้นจะต้องเป็นอุตสาหกรรมที่โดยภาพรวมแล้วเป็นธุรกิจที่มีโอกาสขยายตัวได้ต่อเนื่องหลายปี ซึ่งจะช่วยให้การแข่งขันในอุตสาหกรรมนั้นไม่รุนแรงมากนัก เรามี Strong conviction กับการลงทุนระยะยาวในหุ้น กลุ่มค้าปลีก โลจิสติกส์ มีมุมมองที่ดีต่อหุ้น กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ประกันชีวิต โรงไฟฟ้า เพราะธุรกิจเหล่านี้ล้วนแต่ถูกขับเคลื่อนด้วยปัจจัยที่เป็น Structural Change (เช่นเรื่องการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างและพฤติกรรมการบริโภค/การใช้ชีวิต ของประชากร) ซึ่งน่าจะมีแนวโน้มที่ต่อเนื่องในระยะยาว และเลือกหุ้นรายตัวที่มีปัจจัยพื้นฐานดีเพื่อลงทุน
เหตุผลและความน่าสนใจของกลุ่มอุตสาหกรรมที่เราเลือกลงทุน
กลุ่มค้าปลีก
การขยายตัวของสังคมเมืองออกไปยังต่างจังหวัด ผนวกกับปัจจุบันที่อำนาจการใช้สอยของคนต่างจังหวัดสูงขึ้น และมีแนวโน้มพฤติกรรมผู้บริโภคที่จะเป็นแบบคนเมืองมากขึ้น จะทำให้เขาหันไปซื้อสินค้าจากร้านค้าแบบ Modern-Trade แทนร้านค้าปลีกดั้งเดิม
การเข้าไปเจาะตลาดในกลุ่มต่างจังหวัดยังค่อนข้างต่ำ ตลาดยังมีโอกาสในการขยายตัวได้อีกมาก
ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการเดินทางทางอากาศ
ภาคท่องเที่ยวไทยเติบโตดี อัตราการเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวต่างชาติขยายตัวได้ต่อเนื่องค่อนข้างสูง
สายการบินต้นทุนต่ำและรายได้ของคนเพิ่มขึ้น ทำให้คนจำนวนมากเข้าถึงการเดินทางทางอากาศได้ง่ายขึ้น ทำให้เป็นโอกาสของสายการบินที่จะเปิดเส้นทางใหม่และเพิ่มความถี่ของแต่ละเส้นทางบิน
แนวโน้มราคาน้ำมันไม่น่าจะเพิ่มขึ้นได้มาก เนื่องจาก Supply ของน้ำมันในตลาดโลกเพิ่มขึ้นจากการนำ Shale gas มาใช้ประโยชน์ ซึ่งแนวโน้มน่าจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
กลุ่มวัสดุก่อสร้าง
ได้ผลประโยชน์จากการลงทุนของโครงการภาครัฐ 2 ล้านล้านบาท ซึ่งนอกจากผลโดยตรงแล้ว จะช่วยส่งเสริมภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ให้มีการขยายตัวมากขึ้น และจะส่งผลดีต่อวัสดุก่อสร้าง
ขยายไปหาลูกค้าอาเซียนได้พราะอัตราการใช้วัสดุก่อสร้าง ยังต่ำกว่าในประเทศไทย และเป็นภูมิภาคที่เศรษฐกิจเติบโตสูง
กลุ่มประกันชีวิต
เชื่อว่าจะยังขยายตัวต่อเนื่อง การขายประกันชีวิตในต่างจังหวัดจะเติบโตมากจากรายได้ และช่องทางขายที่มากขึ้น
บริษัทประกันชีวิตพยายามกระตุ้นให้คนเห็นประโยชน์จากการทำประกัน ทั้งเป็นการออมทรัพย์และคุ้มครองชีวิต ซึ่งคาดหวังว่าส่วนการทำประกันชีวิตของคนไทยจะเพิ่มขึ้นเป็น 6-7%ของGDP จากปัจจุบัน 3.1% ซึ่งถือเป็นอัตราที่ต่ำหากเทียบกับต่างประเทศ
ผู้ผลิตไฟฟ้า/พลังงานหมุนเวียน ที่เน้น Green energy เพิ่มมากขึ้น
ความต้องการใช้ไฟฟ้าในไทยขยายตัวต่อเนื่อง แต่ความสามารถในการผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นน้อยกว่า ในช่วงนี้ จึงต้องเร่งก่อสร้างโรงไฟฟ้าเพิ่มขึ้น เพื่อรองรับการใช้ไฟฟ้าในอนาคต ซึ่งเป็นโอกาสขยายธุรกิจเพิ่มขึ้นสำหรับผู้ผลิตโรงไฟฟ้า
ไทยพึ่งพาการใช้ไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติมากเกินไป ควรจะต้องกระจายแหล่งพลังงานสำหรับผลิตไฟฟ้า รัฐบาลจึงน่าจะยังส่งเสริมธุรกิจผลิตไฟฟ้าประเภท Renewable energy ซึ่งเป็นธุรกิจที่ให้ผลตอบแทนจากโครงการสูง จึงเป็นโอกาสสำหรับบริษัทผู้ผลิตไฟฟ้า
ทีมงานกองทุนบัวหลวง
เอานโยบายและมุมมองของทีมงานบัวหลวงให้อ่านกันครับให้ทำความเข้าใจแนวคิดการลงทุนของเค้า ซึ่งผมชอบอ่านมากเพราะว่าเราสามารถติดตามได้ว่าเค้าเอาเงินเราไปทำอะไร ด้วยมาตรฐานอะไรและเค้ามองสิ่งที่เค้าลงทุนว่าอย่างไร อยากให้เพื่อนๆที่ลงทุนในกองทุนได้อ่านมากครับเพราะว่า ถ้าอ่านแล้วเข้าใจแนวคิดเค้าและเห็นด้วยกับแนวคิดเค้าความกังวลระยะสั้นก็จะได้หายไป(อันนี้ผมเข้าใจเลย เพราะว่าตอนลงทุนครั้งแรกกังวลนั่งมอง NAV ทุกวัน จะขายไม่ขายทุกวัน)
ปล.1 พันทิพย์ไม่ทำ แท็กกองทุนรวมให้หนูทำเองกะได้ฮ๊าฟฟฟฟ
ปล.2 ข้อมูลทั้งหมดเป็นลิขสิทธิ์ของ บลจบัวหลวง ซึ่ง จขกท ไม่ได้ขออนุญาติใดๆในการนำเสนอกับเพื่อน โดย จขกท หวังใจเป็นอย่างยิ่งว่าทาง บลจ บัวหลวงจะไม่ฟ้องข้าพเจ้าเน้ออออออ
ปล.3 ต้องการอ่านเพิ่มเติม ไปอ่านต่อได้ที่ http://www.bblam.co.th/web2/art_list.php
ปล.4 ของ บลจ. อื่นก็มีนะครับลองหาอ่านในเวปของแต่ละ บลจ ได้เลย