ถ้าแฟนไม่มีอนาคตคุณจะทำอย่างไร

แฟนเราเรียนอยู่ปี 4  ใกล้จะจบแล้ว

นิสัยแฟน.....
ไม่กินเหล้า , ไม่สูบบุหรี่, ไม่ติดเที่ยว , ไม่เจ้าชู้ , ใจเย็น, เข้าอกเข้าใจเราทุกอย่าง แม้เราจะขี้วีนเหวี่ง ,, ชอบตามใจ


แต่.... ...
ขี้เกียจ, เรียนไม่เก่งเพราะไม่ขยันอ่านหนังสือ , ไม่เป็นผู้นำ , เข้าสังคมไม่เป็น , กลัวการพูดคุยกับคนแปลกหน้า(คล้ายกับโรคกลัวการเข้าสังคม) , ไม่สนใจโลกภายนอก

เรื่องของเรื่องคือ.... เรากลัวว่าเขาจะอยู่ในสังคมโลกกว้างลำบาก  ถ้าเขายังไม่รู้จักการเข้าสังคม  เพราะมนุษย์เป็นสัตว์สังคม เราต้องเจอทั้งสังคมการทำงาน สังคมต่างๆ

แต่... เขาไม่รู้จักใครเลย  เพื่อนใหม่ๆก็ไม่มี  มีแต่เพื่อนที่คบตั้งแต่สมัย ม. ต้น ประมาน 5-7 คน  เจอแต่สังคมเดิมๆ   ไม่กล้าพุดคุยกับคนแปลกหน้า ไม่กล้าเจอสังคมใหม่ๆ

เวลาคนอื่นเข้ามาคุย  เช่นเพื่อนเรา (เพื่อนเราเฟรนลี่) เขาก็จะเงียบ บางทีถามก็ไม่ตอบ  คุยด้วยก็ไม่คุย  เขาบอกว่า.... ไม่สนิทไม่กล้าคุย

เราคุยกับเขา....ถ้าเขาเรียนจบแล้วลองหาประสบการณ์ทำงานไปดีไหม  ไปสัมภาษณ์งานดู   จะได้ฝึกตัวเองด้วย

เขาก็บอกว่า.....เขาจะเรียนก่อนค่อยทำงาน  จะเรียนให้จบถึงโทก่อน  ค่อยทำงาน .....

เราก็บอกว่า  ....เธอจะเกาะแม่กินตลอดหรอ ไม่หางานทำไปด้วย เรียนโทไปด้วยหล่ะ  ประสบการณ์ทำงานสำคัญกว่าเยอะนะ   คนจบโทตั้งเยอะ ถ้าเกรดไม่ดี ประสบการณ์ไม่มี ใครจะรับเข้าทำงาน   คู่แข่งเยอะแยะ    หรือไม่ ก็ลองไปเข้ากิจกรรมฝึกงานของมหาลัยดู จะได้เรียนรู้การเข้าสังคมใหม่ๆ เรียนรู้การอยู่ร่วมกับผู้อื่น ได้เรียนรู้การทำงานจริงๆด้วย

เขาก็เหมือนจะไม่เชื่อเรา..... เราอุตส่าห์หวังดี  อยากให้เขาเข้ากับคนอื่นได้  อยากให้เขารู้จักกล้าพูดคุยกับคนแปลกหน้า  เพราะถ้าเขาไม่ฝึก เขาจะอยู้ในสังคมลำบาก เวลาไปสัมภาษณ์งาน  ถ้าเขากลัวการพูดคุยกับคนแปลกหน้าอย่างงี้  เขาจะตอบคำถามคนสัมภาษณ์ยังไง  ถ้าเขาไม่ตอบ แล้วเขาจะได้งานได้อย่างไร   สมัครงานทุกที่ เขาก็ต้องให้สัมภาษณ์งานอยู่แล้ว  

แล้วอนาคตเขาจะเป็นไง  เราจะพึ่งพิงเขาได้หรอ  ถ้าเขาไม่รุ้จีกยืนด้วยตัวเองให้แข็งแรง ฝึกตัวเองให้พร้อมต่อสู้กับโลกภายนอกก่อน จะดูแลใครได้

ทุกวันนี้..... เราก็หวังว่าต่อไป เขาจะคิดได้ ปรับปรุงตัวเอง  มีความกล้ามากกว่านี้


ถ้าเพื่อนๆพี่ๆ มีแฟนแบบนี้ จะทำยังไงดีคะ???
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 41
จขกท. ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นในแง่มุมต่างๆ ทั้งที่เห็นในมุมเดียวกัน และมุมที่แตกต่างนะคะ  

ความเห็นต่างๆ ทำให้เราได้เห็นเหตุอีกหลายมุม ที่เราไม่เคยได้คิด  เราอาจจะมองแค่ในมุมของเราคนเดียว

- ที่เราตั้ง ชื่อกระทู้ ว่า แฟนไม่มีอนาคต  ก็ไม่ได้เพื่อจั่วหัวว่าจะเลิกหรอกนะคะ แค่คิดไม่ออกว่าจะตั้งว่าอะไร

- ที่เรามาถามว่าจะทำไง เราไม่ได้มีคำตอบในใจว่าต้องเลิกหรือเบื่อ แต่...เราอยากทราบความเห็นเห็นที่แตกต่าง ว่าถ้าคนที่อ่านแล้ว จะคิดเห็นในแง่มุมไหน
เพื่อที่เราจะได้ทราบเหตุผลเพื่อสนันสนุนความคิดของแฟนเรา เผื่อเราจะเข้าใจแฟนบ้าง (ถ้าถามว่าทำไมไม่ถามเเขา ถามแล้แต่เขาไม่ตอบ)...,
และถามเพื่อหาแนวทางในการแก้ปัญหาที่เขาเป็นอยู่ และปรับเปลี่ยนทัศนคติของเราด้วย และให้คนที่เจอแบบเราเล่าประสบการณ์ วิธีการแก้ปัญหาที่เขาเจอมา

- ถ้าถามว่า เราดีกว่าเขานักหรอ เราไม่ได้ดีเด่อะไร เราก็มีส่วนไม่ดี เช่น เอาแต่ใจ,เจ้ากี้เจ้าการ , ใจร้อน, ง็องแง๊ง, ชอบคิดเล็กคิดน้อย แต่เขาก็รับได้(ไม่รุ้ว่าจะรับได้อีกนานแค่ไหน แหะๆ)  

-คาดหวังกับหวังดี มันคงมีเส้นบางๆชั้นอยู่มั้งคะ เลยดูเหมือนเราคาดหวังมากไป  หรือดูเหมือนออกแบบชีวิตเขา... หรือจะมองว่าเราหวังดี ก็แล้วแต่มุมมองที่แต่ละคนจะมอง ....,ในมุมของเรา  ถ้าเขาจะเป็นแบบนี้ ก็ไม่ได้เสียหายอะไร แต่ถ้าเขาจะปรับปรุงตัวมันก็คงดีต่อตัวเขาไม่น้อย ...., เราแค่ให้คำแนะนำเขา แต่เราบงการชีวิตเขาไม่ได้ เรารู้จุดนี้ดีค่ะ   ...,ไม่ใช้ว่าเราจะรับไม่ได้ จะแย่ จะไม่ทน  ตัวตนของเขาบางเรื่องเราก็รับได้ ไม่งั้นเราไม่คบกับเขานานขนาดนีิ้  แล้วก็ไม่คิดจะมองหรือคุยกับคนอื่นเผื่อเลือกด้วย...., ไม่มีใครได้อย่างใจเราหมดทุกอย่าง บางครั้งเราอาจจะไม่เข้าใจเขา เราจึงมาตั้งกระทุ้ถามค่ะ

-ถามว่า แล้วมาจีบเราได้ไง เหมือนเราไปจีบเขามากกว่ามั้งคะ เพราะเราชอบคนสุขุม นุ่ม ลึก น่าค้นหา  แล้วเขาก็เป็นเพื่อนของเพื่อนเรา ได้มาอยู่กลุ่มเดียวกัน ไปเรียนด้วยกัน ตอนแรกไม่ได้คุยกันนะ แต่เราไปทักเขาใน msn ก่อน เลยคุยกันมาเรื่อยๆ จนคุยถูกคอ เขาคุยกับเราได้ทุกเรื่อง เราก็คุยกับเขาได้ทุกเรื่อง เจอกันเราก็ทักเขาก่อนเชาถึงกล้าคุย คุยกันไปๆมาๆ เขาก็ขอเราเป็นแฟน
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 29
ถามใจของคุณก่อนว่าคุณรักเค้าหรือเปล่า แล้วค่อยใช้สมองแก้ไขความรักให้ได้ดั่งใจ

(ขอลบเนื้อหาที่ไม่เกี่ยวกับกระทู้ออกครับ)

อยากบอก จขกท ว่า ผมก็เคยเป็นผู้ชายไม่ได้เรื่องแบบแฟนคุณนั่นแหละครับ จะว่าผมเน่าก็ตามสะดวกนะครับ แต่เชื่อผมเถอะครับ ความรักชนะทุกสิ่ง จริงๆ
ความคิดเห็นที่ 8
ดูเหมือนสังคมจะให้คุณค่ากับคนที่กล้าแสดงออก คนที่พูด ๆ ๆ  
จริงแล้วคนที่เงียบ  ก็มีจุดยืน มีคุณค่า ...  และการงานมากมายที่สำเร็จโดยคนที่เงียบ
และเขาอาจจะเป็นคนที่ชอบสังเกต วิเคราะห์ และเก็บข้อมูลได้มากกว่าก็ได้
จริงอยู่ หลาย ๆ ความคิดหรือตำแหน่งอาจจะถูกคว้าผลงานไปโดยคนที่เข้าใจพูด
หรือรู้จักการนำเสนอ  แต่คิดว่า  เรื่องที่คุณหวั่นเกรง  จะค่อย ๆ ดีขึ้นตามกาลเวลา
และหลักสูตรของปริญญาโท

ถ้าแฟนคุณอยากจะเรียนต่อทันทีเพราะครอบครัวมีฐานะ  ก็ต้องตามใจเขาค่ะ
รักในวัยนี้  ยังเป็นรักแบบเริ่มแรก  ทั้งคุณและเขายังมีเวลาในการศึกษาดูใจกันไปอีกหลายปี
ฉะนั้นเขาอยากเรียน  คุณอยากทำงาน  ก็ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีสุด
สังคมยังมีอีกหลากหลายกลุ่มให้ทั้งคุณและเขาได้เรียนรู้  
คุณอาจจะเติบโตทางสังคมรวดเร็วกว่าเขาก็ได้  
เรื่องอนาคตคือเป็นเรื่องกาลข้างหน้า  
สำคัญสุดคือ  ทำวันนี้ให้ดีก็พอแล้วค่ะ

ลืมตอบคุณไป ...  เรื่องพึ่งพิง  ใครแข็งแรงกว่า  ก็ยืนเป็นหลักให้อีกคนได้พึ่ง
ชีวิตของคนเรา   ช่วงหนึ่งคนหนึ่งแข็งแรงหรือก้าวหน้ากว่า  
แต่ไม่ได้หมายถึงว่าคน ๆ นั้นจะแข็งแรงเสมอไป หรือก้าวหน้าตลอดไป
ให้ยึดหลัก  ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน   การมีคู่  คือ การช่วยเหลือกัน
บางอย่างคนหนึ่งดีทางหนึ่ง  อีกคนดีอีกทาง  เสมือนหลัก หยินกับหยาง
กลางวันกับกลางคืน  ไม่มีใครเด่นกว่าใคร  หรือใครต้องพึ่งใคร  อยู่ที่มุมมองทั้งนั้นนะคะ
ยกตัวอย่างเช่น บางคู่  ... หญิงเก่ง การงานก้าวหน้ากว่า  
ฝ่ายชายก็ลาออกมาเลี้ยงลูกเป็น house husband ก็มีเยอะนะคะ
ความคิดเห็นที่ 49
แฟนจขกท. คือผมเลยล่ะ ทุกอย่างที่คุณพิมพ์มา คือตัวผม(เกือบ)หมด
แต่อยากให้จขกท. ลองมองจากมุมของแฟนมายังตัวเองและเพื่อนดูบ้างครับ

ผมเคยมีแฟน แบบนี้แหละ เฟรนด์ลี่ เพื่อนเยอะ ชอบไปเที่ยวกับเพื่อนแล้วลากผมไปด้วย แล้วก็มาบ่นทีหลังว่าผมเงียบๆ ไม่คุยกับเพื่อนเขา
คืออยากจะบอกว่า บางทีคนเราก็มีมาตรฐานของความเฟรนด์ลี่ไม่เท่ากัน

ผมเป็นคนไม่ค่อยเริ่มคุยกับคนแปลกหน้าก่อน แต่ผมเป็นคนที่ judge คนด้วย first impression
ถ้ามีคนเข้ามาคุยด้วยดีๆ ผมก็คุยดีนะ แล้วก็เฟรนด์ลี่ไปตลอด
แต่ถ้าใครเข้ามาแบบไม่รู้กาละเทศะ ไม่ได้สนิทแต่มาทำเหมือนสนิท มาล้อเล่น มาถือว่าสนิทกับคนรู้จักแล้วจะสนิทด้วย
ผมไม่แคร์นะ จะพล่ามอะไรอะไรทำไป เสร็จแล้วบอก จะได้อยู่เงียบๆ
บางคนอาจจะคิดว่าขำๆ แต่อย่างที่วง plot ได้กล่าวไว้ว่า "ไม่สนิทอย่าเล่น ผมไม่ใช่คนตลก"

เรื่องขี้เกียจนี่ สุดๆอ่ะ ผมเข้ามหาวิทยาลัยอันดับ 1 ของประเทศได้ด้วยการไม่อ่านหนังสือสักตัว
เรียนจบปริญญาตรีตัวการอ่านหนังสือน้อยกว่าตอนอยู่ม.ปลาย เกรดไม่ได้เทพนะ แบบนั้นมันพวกอัจฉริยะ แต่ของผมก็ไม่น่าเกลียด
กิจกรรมทำแค่ในคณะ แต่นอกนั้นอย่ามาชวน ขี้เกียจจจจจ ไม่เอาไม่เอาทั้งนั้น จะนอนเว้ย

แต่เรื่องอนาคต ผมเชื่อว่าวันนึงแฟนจขกท. ก็จะมีเองแหละ แค่วันนี้เขายังไม่รู้เหมือนกันว่าจะเอาไง
เพราะดูจากที่เล่ามา คนประเภทนี้คิดมาก คิดว่าใครจะคิดกับตัวเองยังไง คิดว่าจะใช้ชีวิตต่อไปยังไง
ถึงจุดหนึ่งเขาก็ต้องคิดถึงอนาคตครับ แล้วเขาก็จะเริ่มมัน แค่เขาตอบคุณ(และตัวเอง)ไม่ได้ว่าเมื่อไหร่

ปล. ผมเลิกกับแฟนเก่าเพราะเหตุผลที่จขกท. พิมพ์มานั่นแหละ และก็เข้าใจเขานะ (แต่ตอนนั้นไม่เข้าใจหรอก)
แต่อยากจะบอกว่า จริงๆเราคิดถึงอนาคตนะ ไม่ใช่ไม่คิด แต่เราแค่ยังไม่รีบ ถ้าคุณรีบ ก็เชิญคุณขึ้นเครื่องไปเหอะ
เราขอนั่งรถไฟชมวิวไปเรื่อยๆก่อนละกัน ถึงหลายคนจะมองว่า "ถึงก็ช่าง ไม่ถึงก็ช่าง" แต่ผมเห็นก็ถึงทุกทีอ่ะ

ความคิดเห็นที่ 11
เลิก

ถ้าคุณอยากมีอนาคตก็ไปหาคนที่คุณคิดว่ามีอนาคต
เพราะถ้าคุณรักเขาจริงคงไม่กล้าพูดว่าเขาไม่มีอนาคต
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่