-- สงคราม --
แค่พูดถึงชื่อนี้ ความตึงเครียด ความหดหู่
ดูเหมือนจะแฟงอยู่ในคำๆนี้อย่างครบถ้วนเลยนะครับ
หลังจากดูรายการ พื้นที่ชีวิต
จบไปเมื่อไม่นานมานัก
ในตอนนี้พูดถึงเรื่องของ ทางรถไฟสายมรณะ
ที่เป็นเรื่องเกี่ยวกับช่วงสมัยสงครามโลกครั้งที่2
คือเราดูเรื่องสงคราม ก็ค่อนข้างจะอินในระดับหนึ่ง
ซึ่งอาจเป็นเพราะอย่างน้อยเราก็เป็นทหารตัวเล็กๆ
คนหนึ่งในผืนแผ่นดินไทย
แต่ในความจริงแล้ว
คำถามที่ผมย้อนกลับมาถามตัวเอง
หลังจากที่ชมรายการจบ
มันคือคำถามที่ว่า "เราได้อะไรจากสงคราม?"
อิสรภาพ ชื่อเสียง
หรือพื้นที่ขยายในส่วนของประเทศนั้นๆ
แต่นั้น ผลตอบแทน มันจะคุ้มใหม กับสิ่งที่เสียไป?
ผมคงไม่ล้วงลึกลงไปถึงประวัติศาตร์อะไรมากมายนัก
เพราะอันที่จริงแล้ว
ผมเองก็ไม่ค่อยถูกจริตกับประวิตศาสตร์เท่าไร
ในวิชาเรียนก็ทำได้แค่พอถูๆแถๆ
ไปแค่ให้ได้เกรด ( Aซะด้วย คุยหน่อยๆ)
แต่ถ้าเราไม่เรียนรู้ประวัติศาสตร์
เราก็คงไม่เห็นความผิดพลาดในอดีต
ซึ่งสิ่งเหล่านี้ ผมว่าบางที
การเรียนรู้จากการผิดพลาดในอดีตเหล่านั้น
มันก็มีส่วนช่วยในการวางแผนถึงอนาคตเช่นกัน
กลับมาที่สงคราม อย่างที่พี่สิงห์พูดในรายการ
"สงคราม มันอาจจะมีจุดกำเนิดจากการที่คนเรา
เริ่มรวมตัวกันเป็นสังคม เริ่มขยายอำนาจ
จากชุมชนเล็ก ไปสู่สิ่งที่ใหญ่กว่า
ผลที่ตามมาคือการแย่งชิง จากผืนดินเล็กๆ
กลายเป็นประเทศ และกินกันเรื่อยๆเป็นลำดับ
ผู้อ่อนแอกว่า ก็กลายเป็นผู้ที่ถูกลบจากประวัติศาสตร์ไป"
ซึ่งตามความคิดของผมแล้ว สงคราม
มันก็ยังคงมีให้เห็นอยู่เรื่อยๆ
ในแต่ละยุคสมัย
เพียงแต่รูปแบบอาจเปลี่ยนไปเท่านั้นเอง
ในยุคที่เทคโนโลยี
เข้ามามีบทบาทอย่างมากในชีวิตประจำวัน
การถือดาบออกไปใล่ฟันกันแบบในอดีต
มันอาจไม่ใช่สิ่งที่จำเป็นอีกต่อไปแล้ว
หากเรามองดีๆ ในชีวิตเราทุกวันนี้
ผู้คนมากมายต่างแย่งกันทำ "สงคราม" ใส่กันทั้งสิ้น
นั้นอยู่ในมุมมองที่ว่า เราตีความหมายของคำว่า
"สงคราม" กันไว้อย่างไร
หากตามความเข้าใจของผม
"สงคราม" อาจหมายถึงการใช้พลังของตัวเอง
ทำให้อีกฝ่ายยอมสยบ
และสามารถยึดอะไรบางอย่าง
จากฝั่งตรงข้ามมาได้
อันนี้ก็คือสงครามตามความเข้าใจของผม
ซึ่งหากคิดแบบนี้แล้ว
ในทุกวัน เราจะมองเห็นผู้คนต่างทำสงครามกันมากมาย
ทั้งในตอนเช้า
ต่างทำสงครามแย่งชิงพื้นที่อันจำกันของถนน
เที่ยงวัน
เราต่างแย่งกันชิงพื้นที่โต๊ะอาหารในห้างสรรพสินค้า
หรือตามบรรดาร้านอาหาร
ทั้งที่นั่งบนรถไฟฟ้า รวมถึงตำแหน่งหน้าที่ที่ดีต่างๆ
ซึ่งในยุคนี้นะครับ ผมคิดว่า
สงคราม ในนครศิวิไลนี้
มันไม่จำเป็นต้องใช้ ปืน ดาบ
มาทำสงครามกันอีกแล้ว
แต่ตัวตัดสินผลแพ้ชนะ
มันอาจจะมสในรูปของกระดาษ
ที่เราเรียกกันว่า "เงิน"
สังคมในอุดมคติที่ไม่มีสงคราม
ไม่มีคนรบราฆ่าฟันกัน
อาจจะพอมีความเป็นไปได้ในระดับหนึ่ง
แต่เมื่อถึงตอนนั้นแล้ว
ความหมายของคำว่า
"สงคราม"
มันจะเปลี่ยนไปอีกหรือปล่าว...
ไม่อาจจะไม่ใช่แค่เรื่องของคนสองสี
มันอาจไม่เกี่ยวกับประเภณีที่ไม่ถูกกัน
แต่อนาคต ถ้าตราบใดที่คนยังมีความโลภ
อยากได้อยากมี โดยไม่คิดถึงผลดีเสียที่ตามมา
เมื่อนั้น
เราอาจจะสร้างสงครามตามมาอีกเป็นสิบขบวญเลยก็ได้
ขอให้โลกมีแต่ความสันติ
-- สงคราม ตามความรู้สึก --
แค่พูดถึงชื่อนี้ ความตึงเครียด ความหดหู่
ดูเหมือนจะแฟงอยู่ในคำๆนี้อย่างครบถ้วนเลยนะครับ
หลังจากดูรายการ พื้นที่ชีวิต
จบไปเมื่อไม่นานมานัก
ในตอนนี้พูดถึงเรื่องของ ทางรถไฟสายมรณะ
ที่เป็นเรื่องเกี่ยวกับช่วงสมัยสงครามโลกครั้งที่2
คือเราดูเรื่องสงคราม ก็ค่อนข้างจะอินในระดับหนึ่ง
ซึ่งอาจเป็นเพราะอย่างน้อยเราก็เป็นทหารตัวเล็กๆ
คนหนึ่งในผืนแผ่นดินไทย
แต่ในความจริงแล้ว
คำถามที่ผมย้อนกลับมาถามตัวเอง
หลังจากที่ชมรายการจบ
มันคือคำถามที่ว่า "เราได้อะไรจากสงคราม?"
อิสรภาพ ชื่อเสียง
หรือพื้นที่ขยายในส่วนของประเทศนั้นๆ
แต่นั้น ผลตอบแทน มันจะคุ้มใหม กับสิ่งที่เสียไป?
ผมคงไม่ล้วงลึกลงไปถึงประวัติศาตร์อะไรมากมายนัก
เพราะอันที่จริงแล้ว
ผมเองก็ไม่ค่อยถูกจริตกับประวิตศาสตร์เท่าไร
ในวิชาเรียนก็ทำได้แค่พอถูๆแถๆ
ไปแค่ให้ได้เกรด ( Aซะด้วย คุยหน่อยๆ)
แต่ถ้าเราไม่เรียนรู้ประวัติศาสตร์
เราก็คงไม่เห็นความผิดพลาดในอดีต
ซึ่งสิ่งเหล่านี้ ผมว่าบางที
การเรียนรู้จากการผิดพลาดในอดีตเหล่านั้น
มันก็มีส่วนช่วยในการวางแผนถึงอนาคตเช่นกัน
กลับมาที่สงคราม อย่างที่พี่สิงห์พูดในรายการ
"สงคราม มันอาจจะมีจุดกำเนิดจากการที่คนเรา
เริ่มรวมตัวกันเป็นสังคม เริ่มขยายอำนาจ
จากชุมชนเล็ก ไปสู่สิ่งที่ใหญ่กว่า
ผลที่ตามมาคือการแย่งชิง จากผืนดินเล็กๆ
กลายเป็นประเทศ และกินกันเรื่อยๆเป็นลำดับ
ผู้อ่อนแอกว่า ก็กลายเป็นผู้ที่ถูกลบจากประวัติศาสตร์ไป"
ซึ่งตามความคิดของผมแล้ว สงคราม
มันก็ยังคงมีให้เห็นอยู่เรื่อยๆ
ในแต่ละยุคสมัย
เพียงแต่รูปแบบอาจเปลี่ยนไปเท่านั้นเอง
ในยุคที่เทคโนโลยี
เข้ามามีบทบาทอย่างมากในชีวิตประจำวัน
การถือดาบออกไปใล่ฟันกันแบบในอดีต
มันอาจไม่ใช่สิ่งที่จำเป็นอีกต่อไปแล้ว
หากเรามองดีๆ ในชีวิตเราทุกวันนี้
ผู้คนมากมายต่างแย่งกันทำ "สงคราม" ใส่กันทั้งสิ้น
นั้นอยู่ในมุมมองที่ว่า เราตีความหมายของคำว่า
"สงคราม" กันไว้อย่างไร
หากตามความเข้าใจของผม
"สงคราม" อาจหมายถึงการใช้พลังของตัวเอง
ทำให้อีกฝ่ายยอมสยบ
และสามารถยึดอะไรบางอย่าง
จากฝั่งตรงข้ามมาได้
อันนี้ก็คือสงครามตามความเข้าใจของผม
ซึ่งหากคิดแบบนี้แล้ว
ในทุกวัน เราจะมองเห็นผู้คนต่างทำสงครามกันมากมาย
ทั้งในตอนเช้า
ต่างทำสงครามแย่งชิงพื้นที่อันจำกันของถนน
เที่ยงวัน
เราต่างแย่งกันชิงพื้นที่โต๊ะอาหารในห้างสรรพสินค้า
หรือตามบรรดาร้านอาหาร
ทั้งที่นั่งบนรถไฟฟ้า รวมถึงตำแหน่งหน้าที่ที่ดีต่างๆ
ซึ่งในยุคนี้นะครับ ผมคิดว่า
สงคราม ในนครศิวิไลนี้
มันไม่จำเป็นต้องใช้ ปืน ดาบ
มาทำสงครามกันอีกแล้ว
แต่ตัวตัดสินผลแพ้ชนะ
มันอาจจะมสในรูปของกระดาษ
ที่เราเรียกกันว่า "เงิน"
สังคมในอุดมคติที่ไม่มีสงคราม
ไม่มีคนรบราฆ่าฟันกัน
อาจจะพอมีความเป็นไปได้ในระดับหนึ่ง
แต่เมื่อถึงตอนนั้นแล้ว
ความหมายของคำว่า
"สงคราม"
มันจะเปลี่ยนไปอีกหรือปล่าว...
ไม่อาจจะไม่ใช่แค่เรื่องของคนสองสี
มันอาจไม่เกี่ยวกับประเภณีที่ไม่ถูกกัน
แต่อนาคต ถ้าตราบใดที่คนยังมีความโลภ
อยากได้อยากมี โดยไม่คิดถึงผลดีเสียที่ตามมา
เมื่อนั้น
เราอาจจะสร้างสงครามตามมาอีกเป็นสิบขบวญเลยก็ได้
ขอให้โลกมีแต่ความสันติ