จาก
http://pantip.com/topic/30559481
ตอนนี้ คิดว่าน่าจะจบเรื่องเสียที
วันนี้ ก็ได้บทสรุปของเรื่องแล้ว เพราะได้ไปสอบถามกับน้องชายที่ไปขอขมาที่ค่ายลูกเสือด้วย
เขาเล่าว่า ตอนไปก็ไปกันสามคันรถนำทางคันนึงเป็นรถที่อาจารย์โรงเรียนที่เด็กเรียนอยู่นำทางไป คันที่สองเป็นรถน้องชายโดยมีเด็กหมวยนั่งไปด้วย คันสุดท้ายก็เป็นรถของทรงที่จะเป็นผู้ไปนำขอขมา
ก่อนที่จะไปน้องสะใภ้เล่าวันที่ไปหาทรงว่า ก่อนไปหาลูกศิษย์ของทรงบอกว่า ไม่ต้องมากันหลายคนหรอก มาคนสองคนก็พอ แต่พอเห็นสภาพเด็กที่พาไปกลับบอกว่า มากันเยอะ ๆ มาช่วยกันจับไว้ก่อน เพราะเด็กหมวยอาละวาดน่าดู เด็กนี่ตัวเล็ก ๆ ผอมเกร็ง น้ำหนักไม่น่าจะเกิน 30 - 35 กิโล แต่เวลาออกฤทธิ์ น้าซึ่งหนักไม่ต่ำกว่า 70 กิโลยังโดนถีบกระเด็น แล้วหลานเขยที่ช่วยอุ้มขึ้นรถเวลาพาไปหาทรงยังบ่นว่า ทำไมตัวมันหนักนัก ทรงถามว่าเป็นใคร ต้องการอะไรบ้าง ทรงก็สาธยายของที่จะใช้ไป เด็กหมวย พอจะเอาอะไรก็พยักหน้ารับ ทรงก็ว่า โอ้โฮของขนาดนี้มันก็หลายตังค์นะ ขอเวลาสามวันก็แล้วกันเด็กหมวยนั่นไม่ยอม ต้องพรุ่งนี้ ตอนเช้าด้วย ทรงก็ขอให้ทำที่นี่(แปดริ้ว)เด็กหมวยก็ไม่ยอม ต้องไปที่โน่น และต้องเช้าด้วย ทรงก็บอกว่าเช้าจะไปทันได้อย่างไร ต้องเตรียมของอีก เลยตกลงว่าจะไปตอนแปดโมงแล้วกัน
แล้ววันที่นอนโรงพยาบาลนั้น ที่เห็นว่ามีอะไรทับเด็กอยู่ ก็ได้ถามคนที่เห็นแล้ว เขาว่าเด็กนอนอยู่ที่เตียงคนไข้ ตอนนั้นก็จะกลับบ้านแล้ว เขามองไปเห็นว่าเป็นคนหัวใหญ่ ๆ ตัวใหญ่ ๆ นอนเอามือวางบนหน้าอกอยู่ยังบอกกับน้องสาวเลยว่า ทำไมไอ้หมวยมันหัวใหญ่จังวะ พอบอกพยาบาลว่าจะกลับก็ให้น้องสาวไปเก็บของใช้กลับบ้าน น้องเขามองไปแล้วหันมาบอกว่า อุ๊ยขนลุก แต่ตอนนั้นไม่ได้คิดอะไรกัน
เด็กหมวยคนนี้ปกติจะเป็นเด็กเงียบๆ เรียบร้อย ยิ้มง่าย ขี้อาย ไม่ค่อยกล้า จิตอ่อนและจะกลัวอาซึ่งก็คือน้องชายผม ไม่เคยพูดเล่นพูดหัวกันหรอก อาศัยอยู่กับย่า พ่อตายจากอุบัติเหตุ แม่ก็ไม่สนใจใยดีสักเท่าไร ไม่ใช่คนมีตังค์มีเงินมีทอง โดยสรุปก็คือ ไม่มีสาเหตุที่ต้องเรียกร้องความสนใจจากใคร เพราะคงไม่มีใครสนใจแน่
ในขบวนที่ไปนั้น รถคันแรกที่นำทางขับค่อนข้างเร็ว รถน้องก็ขับตามเด็กนี่ก็ให้ขับช้า ๆ รอรถของทรงด้วย รถนำขับเลยทางไปเด็กก็บอกว่าทางนี้ ทางนี้ ไม่ต้องตามไป แล้วก็พาไปหาแคมป์ลูกเสือที่ว่านั้น พอถึงก็พาไปหาศาลที่ว่า เจ้าของสถานที่บอกว่าอยู่มาเป็นสิบปีแล้วไม่เดยมีศาลในบริเวณสถานที่นี้หรอก เด็กก็บอกว่ามี พาเดินไปหา น้องชายเล่าว่า มันเดินเร็วกว่าทุกคนที่ไปเลยซึ่งก็แปลกดี ตรงนั้นก็ไม่ใช่ ตรงนี้ก็ไม่ใช่ น้องสะใภ้ก็ว่า อ้าวอย่างนี้ก็หลอกกันนี่หว่า ทรงก็สะกิดว่าอย่าไปว่าที่นี่มันถิ่นเขา จนไปถึงบริเวณที่ไม่ควรจะเป็นสถานที่ที่น่าจะมีผีมีสางอยู่คือบริเวณต้นไทรซึ่งตกแต่งไว้ เด็กนั่นก็ว่าตรงนี้แหละ แล้วก็ลงนอน แล้วยังบอกว่าอยากได้เลขไหมเล่า อยากได้ก็ไปขัดเอา ซึ่งอา ๆ ที่ไปก็ลงไปขูดไปขัด แต่ไม่รู้ว่าได้อะไรมา เด็กนั่นก็นอนร้องว่า เบา ๆ หน่อยแสบ แสบ
เรื่องเล่าจากการไปเข้าค่าย...(ภาคที่คิดว่าจบ)
ตอนนี้ คิดว่าน่าจะจบเรื่องเสียที
วันนี้ ก็ได้บทสรุปของเรื่องแล้ว เพราะได้ไปสอบถามกับน้องชายที่ไปขอขมาที่ค่ายลูกเสือด้วย
เขาเล่าว่า ตอนไปก็ไปกันสามคันรถนำทางคันนึงเป็นรถที่อาจารย์โรงเรียนที่เด็กเรียนอยู่นำทางไป คันที่สองเป็นรถน้องชายโดยมีเด็กหมวยนั่งไปด้วย คันสุดท้ายก็เป็นรถของทรงที่จะเป็นผู้ไปนำขอขมา
ก่อนที่จะไปน้องสะใภ้เล่าวันที่ไปหาทรงว่า ก่อนไปหาลูกศิษย์ของทรงบอกว่า ไม่ต้องมากันหลายคนหรอก มาคนสองคนก็พอ แต่พอเห็นสภาพเด็กที่พาไปกลับบอกว่า มากันเยอะ ๆ มาช่วยกันจับไว้ก่อน เพราะเด็กหมวยอาละวาดน่าดู เด็กนี่ตัวเล็ก ๆ ผอมเกร็ง น้ำหนักไม่น่าจะเกิน 30 - 35 กิโล แต่เวลาออกฤทธิ์ น้าซึ่งหนักไม่ต่ำกว่า 70 กิโลยังโดนถีบกระเด็น แล้วหลานเขยที่ช่วยอุ้มขึ้นรถเวลาพาไปหาทรงยังบ่นว่า ทำไมตัวมันหนักนัก ทรงถามว่าเป็นใคร ต้องการอะไรบ้าง ทรงก็สาธยายของที่จะใช้ไป เด็กหมวย พอจะเอาอะไรก็พยักหน้ารับ ทรงก็ว่า โอ้โฮของขนาดนี้มันก็หลายตังค์นะ ขอเวลาสามวันก็แล้วกันเด็กหมวยนั่นไม่ยอม ต้องพรุ่งนี้ ตอนเช้าด้วย ทรงก็ขอให้ทำที่นี่(แปดริ้ว)เด็กหมวยก็ไม่ยอม ต้องไปที่โน่น และต้องเช้าด้วย ทรงก็บอกว่าเช้าจะไปทันได้อย่างไร ต้องเตรียมของอีก เลยตกลงว่าจะไปตอนแปดโมงแล้วกัน
แล้ววันที่นอนโรงพยาบาลนั้น ที่เห็นว่ามีอะไรทับเด็กอยู่ ก็ได้ถามคนที่เห็นแล้ว เขาว่าเด็กนอนอยู่ที่เตียงคนไข้ ตอนนั้นก็จะกลับบ้านแล้ว เขามองไปเห็นว่าเป็นคนหัวใหญ่ ๆ ตัวใหญ่ ๆ นอนเอามือวางบนหน้าอกอยู่ยังบอกกับน้องสาวเลยว่า ทำไมไอ้หมวยมันหัวใหญ่จังวะ พอบอกพยาบาลว่าจะกลับก็ให้น้องสาวไปเก็บของใช้กลับบ้าน น้องเขามองไปแล้วหันมาบอกว่า อุ๊ยขนลุก แต่ตอนนั้นไม่ได้คิดอะไรกัน
เด็กหมวยคนนี้ปกติจะเป็นเด็กเงียบๆ เรียบร้อย ยิ้มง่าย ขี้อาย ไม่ค่อยกล้า จิตอ่อนและจะกลัวอาซึ่งก็คือน้องชายผม ไม่เคยพูดเล่นพูดหัวกันหรอก อาศัยอยู่กับย่า พ่อตายจากอุบัติเหตุ แม่ก็ไม่สนใจใยดีสักเท่าไร ไม่ใช่คนมีตังค์มีเงินมีทอง โดยสรุปก็คือ ไม่มีสาเหตุที่ต้องเรียกร้องความสนใจจากใคร เพราะคงไม่มีใครสนใจแน่
ในขบวนที่ไปนั้น รถคันแรกที่นำทางขับค่อนข้างเร็ว รถน้องก็ขับตามเด็กนี่ก็ให้ขับช้า ๆ รอรถของทรงด้วย รถนำขับเลยทางไปเด็กก็บอกว่าทางนี้ ทางนี้ ไม่ต้องตามไป แล้วก็พาไปหาแคมป์ลูกเสือที่ว่านั้น พอถึงก็พาไปหาศาลที่ว่า เจ้าของสถานที่บอกว่าอยู่มาเป็นสิบปีแล้วไม่เดยมีศาลในบริเวณสถานที่นี้หรอก เด็กก็บอกว่ามี พาเดินไปหา น้องชายเล่าว่า มันเดินเร็วกว่าทุกคนที่ไปเลยซึ่งก็แปลกดี ตรงนั้นก็ไม่ใช่ ตรงนี้ก็ไม่ใช่ น้องสะใภ้ก็ว่า อ้าวอย่างนี้ก็หลอกกันนี่หว่า ทรงก็สะกิดว่าอย่าไปว่าที่นี่มันถิ่นเขา จนไปถึงบริเวณที่ไม่ควรจะเป็นสถานที่ที่น่าจะมีผีมีสางอยู่คือบริเวณต้นไทรซึ่งตกแต่งไว้ เด็กนั่นก็ว่าตรงนี้แหละ แล้วก็ลงนอน แล้วยังบอกว่าอยากได้เลขไหมเล่า อยากได้ก็ไปขัดเอา ซึ่งอา ๆ ที่ไปก็ลงไปขูดไปขัด แต่ไม่รู้ว่าได้อะไรมา เด็กนั่นก็นอนร้องว่า เบา ๆ หน่อยแสบ แสบ