ตามหัวข้อเลยนะคะ
ถ้าให้เกริ่นเรื่องก็ประมาณว่าน้องเราตอนนี้เขาเป็นโรงซึมเศร้าค่ะ แต่เรามีพี่สะใภ้คนหนึ่งที่ทำงานเป็นครูในโรงเรียนที่น้องเรียนอยู่พอดี
แต่ว่าตอนแรกน้องอยู่คนละโรงเรียนนะคะ แต่ย้ายไปหลังจากเป็นโรคแล้ว เพราะคิดว่าถ้ามีพี่สะใภ้อยู่ด้วยน้องคงสบายใจ แต่ว่าสิ่งแรกที่พี่สะใภ้บอกแม่เลยตอนน้องย้ายเข้าไปเรียน คือไม่ต้องใครว่าน้องเป็นโรคซึมเศร้าเพราะมันจะดูไม่ดี
อะ แม่เราก็ไม่บอกหรอกตามที่พี่เขาขอ แต่พอน้องย้ายเข้าไปที่ใหม่แต่มันก็ไม่ดีขึ้นเลย เหมือนน้องยังระแวงอยู่น่ะค่ะเลยไม่อยากไปโรงเรียน ไม่อยากอยู่ในห้องเรียนด้วยจนต้องอ้างกับครูคนสอนว่าพี่สะใภ้เรียกให้ไปหา แล้วต่อจากนั้นครูก็มาด่าพี่สะใในห้องพักครูค่ะว่าเรียกน้องทำไมจนพี่สะใภ้เราถึงกับร้องไห้เลย อันนี้ยอมรับเลยค่ะว่าน้องอะผิดจริงที่ไปอ้างแบบนั้นซึ่งก็สม
ตอนไปหาหมอรอบนี้เราเลยพาพี่สะใภ้ไปด้วย แต่เขาให้น้องกับแม่ออกมารอข้างนอก แล้วเขาก็คุยกับหมอตามลำพังน่ะค่ะ เรารู้สึกเหมือนพี่อายเขาจะเป็นโรคด้วย แต่เขาไม่ยอมมาหมอเพราะเขาอายและให้เหตุผลว่ากลัวลูกจะถูกมองไม่ได้ถ้าลูกออกมา
ซึ่งตอนนี้เขากำลังทำเหมือนว่าเขาอายมากที่น้องเราเป็นโรคซึมเศร้าและเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว เขากลัวว่าเขาจะถูกมองไม่ดีน่ะค่ะ
อย่างเรื่องที่พึ่งเกิดขึ้นในวันนี้น้องเราโทรมาบอกว่ามันไม่ไหวแล้วอยากกลับบ้าน วันนี้แม่เลยตัดสินใจไปบอกครูที่ปรึกษาว่าน้องเป็นโรคซึมเศร้าเพราะไม่อยากให้มันเป็นปัญหาเพราะน้องเราหยุดบ่อยมากจนครูเขาก็เริ่มถามแล้วว่าน้องเราเป็นอะไรหรือเปล่า วันนี้แม่เปิดใจคุยกับคุณครูเลยค่ะ คุยแบบที่ว่าพี่สะใภ้ยังไม่รู้ว่าเราคุยกันแล้ว แต่เมื่อเย็นที่ผ่านมาหลังจากพี่ชายเราบอกพี่สะใภ้ไปว่าแม่คุยกับครูน้องแแล้ว บอกแล้วว่าน้องเป็นโรค พี่สะใภ้ก็พูดขึ้นมาว่าที่โรงเรียนเริ่มมีคนมองแปลกๆแล้ว แต่แม่พึ่งคุยกับคครูไปเมื่อเช้าเองนะคะ
ถ้าอ่านแล้วอาจจะคิดว่าเราอคติกับพี่เขา อ่า เรายอมรับนะว่าบางทีก็จริง เพราะเราไม่ชอบที่พี่เขามองว่าโรคซึมเศร้ามันน่าอาย ซึ่งเราเองก็เป็นหนึ่งในผู้ป่วยเหมือนกับน้อง
แต่ตอนนี้เราไม่รู้ว่าเราจะพูดยังไงกับพี่เขาดี เราไม่รู้ว่าควรพูดยังไงให้พี่เขาเข้าใจว่าโรคแบบนี้มันไม่ได้น่าอาย อยากให้พี่เขาเปิดใจรับมันมากกว่า
เราไม่ชอบเลยที่เขามองว่ามันน่าอายทั้งแบบนี้ เพราะทั้งเรากับน้องเองก็ต้องต่อสู้กับโรคนี้อยู่แล้ว ทำไมเราต้องมาถูกคนในบ้านมองว่ามันน่าอายไปอีกละคะ
อยากปรึกษาเรื่องโรคซึมเศร้าค่ะ พอดีพี่เราเขาไม่เปิดเลยรับ เราควรจะทำยังไงดีคะ
ถ้าให้เกริ่นเรื่องก็ประมาณว่าน้องเราตอนนี้เขาเป็นโรงซึมเศร้าค่ะ แต่เรามีพี่สะใภ้คนหนึ่งที่ทำงานเป็นครูในโรงเรียนที่น้องเรียนอยู่พอดี
แต่ว่าตอนแรกน้องอยู่คนละโรงเรียนนะคะ แต่ย้ายไปหลังจากเป็นโรคแล้ว เพราะคิดว่าถ้ามีพี่สะใภ้อยู่ด้วยน้องคงสบายใจ แต่ว่าสิ่งแรกที่พี่สะใภ้บอกแม่เลยตอนน้องย้ายเข้าไปเรียน คือไม่ต้องใครว่าน้องเป็นโรคซึมเศร้าเพราะมันจะดูไม่ดี
อะ แม่เราก็ไม่บอกหรอกตามที่พี่เขาขอ แต่พอน้องย้ายเข้าไปที่ใหม่แต่มันก็ไม่ดีขึ้นเลย เหมือนน้องยังระแวงอยู่น่ะค่ะเลยไม่อยากไปโรงเรียน ไม่อยากอยู่ในห้องเรียนด้วยจนต้องอ้างกับครูคนสอนว่าพี่สะใภ้เรียกให้ไปหา แล้วต่อจากนั้นครูก็มาด่าพี่สะใในห้องพักครูค่ะว่าเรียกน้องทำไมจนพี่สะใภ้เราถึงกับร้องไห้เลย อันนี้ยอมรับเลยค่ะว่าน้องอะผิดจริงที่ไปอ้างแบบนั้นซึ่งก็สม
ตอนไปหาหมอรอบนี้เราเลยพาพี่สะใภ้ไปด้วย แต่เขาให้น้องกับแม่ออกมารอข้างนอก แล้วเขาก็คุยกับหมอตามลำพังน่ะค่ะ เรารู้สึกเหมือนพี่อายเขาจะเป็นโรคด้วย แต่เขาไม่ยอมมาหมอเพราะเขาอายและให้เหตุผลว่ากลัวลูกจะถูกมองไม่ได้ถ้าลูกออกมา
ซึ่งตอนนี้เขากำลังทำเหมือนว่าเขาอายมากที่น้องเราเป็นโรคซึมเศร้าและเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว เขากลัวว่าเขาจะถูกมองไม่ดีน่ะค่ะ
อย่างเรื่องที่พึ่งเกิดขึ้นในวันนี้น้องเราโทรมาบอกว่ามันไม่ไหวแล้วอยากกลับบ้าน วันนี้แม่เลยตัดสินใจไปบอกครูที่ปรึกษาว่าน้องเป็นโรคซึมเศร้าเพราะไม่อยากให้มันเป็นปัญหาเพราะน้องเราหยุดบ่อยมากจนครูเขาก็เริ่มถามแล้วว่าน้องเราเป็นอะไรหรือเปล่า วันนี้แม่เปิดใจคุยกับคุณครูเลยค่ะ คุยแบบที่ว่าพี่สะใภ้ยังไม่รู้ว่าเราคุยกันแล้ว แต่เมื่อเย็นที่ผ่านมาหลังจากพี่ชายเราบอกพี่สะใภ้ไปว่าแม่คุยกับครูน้องแแล้ว บอกแล้วว่าน้องเป็นโรค พี่สะใภ้ก็พูดขึ้นมาว่าที่โรงเรียนเริ่มมีคนมองแปลกๆแล้ว แต่แม่พึ่งคุยกับคครูไปเมื่อเช้าเองนะคะ
ถ้าอ่านแล้วอาจจะคิดว่าเราอคติกับพี่เขา อ่า เรายอมรับนะว่าบางทีก็จริง เพราะเราไม่ชอบที่พี่เขามองว่าโรคซึมเศร้ามันน่าอาย ซึ่งเราเองก็เป็นหนึ่งในผู้ป่วยเหมือนกับน้อง
แต่ตอนนี้เราไม่รู้ว่าเราจะพูดยังไงกับพี่เขาดี เราไม่รู้ว่าควรพูดยังไงให้พี่เขาเข้าใจว่าโรคแบบนี้มันไม่ได้น่าอาย อยากให้พี่เขาเปิดใจรับมันมากกว่า
เราไม่ชอบเลยที่เขามองว่ามันน่าอายทั้งแบบนี้ เพราะทั้งเรากับน้องเองก็ต้องต่อสู้กับโรคนี้อยู่แล้ว ทำไมเราต้องมาถูกคนในบ้านมองว่ามันน่าอายไปอีกละคะ