ดิฉันได้มีโอกาสปฏิบัติธรรมครั้งแรก จากการชักชวนของคุณอาซึ่งไปปฎิบัติธรรมที่วัดเป็นประจำ ส่วนตัวไม่ได้มีปัญหาชีวิตอะไร ไม่ได้อกหัก ไม่ได้เป็นหนี้ ไม่ได้มีปัญหากับคนในครอบครัว ไม่ได้มีปัญหาเรื่องงาน แต่ตอนนั้นไปด้วยความอยากรู้ว่าเขาไปทำอะไรกันที่วัด
ปฏิบัติครั้งแรกตามหลักสูตร 8 วัน 7 คืนของคุณแม่สิริ ทำตามแนวสติปัฏฐาน4 หลักใหญ่คือเดินจงกลม นั่งสมาธิให้รู้เท่าทันปัจจุบัน กำหนดอิริยาบทย่อยตั้งแต่ตื่นนอน อาบน้ำ กินข้าว จำได้ว่าตอนนั้นเช้าวันที่4 รู้สึกว่าจิตใจสงบมาก รู้สึกสงบเย็น มีความสุขแบบบอกไม่ถูก รู้สึกว่าโลกนี้สดใสจัง เลยตั้งใจมาปฏิบัติทุกปี
พอมาทำเป็นประจำทุกปี ก็เริ่มเห็นตัวเอง จากแต่ก่อนไม่เคยเห็นส่วนไม่ดีของตัวเอง ก็เริ่มเห็นข้อเสียแล้วเกิดอาการซึมเศร้า รู้สึกผิดที่ตัวเองเป็นแบบนั้น จากแต่ก่อนเป็นคนที่มีความมั่นใจในตัวเอง ความมั่นใจก็ลดลง นอกจากเห็นข้อไม่ดีของตัวเองแล้ว ก็ไปเห็นข้อไม่ดีของคนอื่นที่เคยหลอกใช้เรา หลอกเราให้ทำเพื่อประโยชน์ของเขา ทั้งที่แต่ก่อนไม่เคยเห็นในมุมนี้เพราะเป็นคนโลกสดใส กลายเป็นโกรธแค้นคนอื่นที่เขาทำกับเราโดยที่เราไม่รู้ตัวมาก่อน ช่วงนั้นไม่มีความสุขกับชีวิตเลยเพราะจมอยู่กับความรู้สึกเสียใจและโกรธแค้น จนวันหนึ่งถึงคิดขึ้นมาได้ว่าต้องฝึกมีเมตตากับตัวเองและผู้อื่น รู้จักให้อภัยตัวเอง ให้อภัยผู้อื่น และนึกถึงคำสอนที่ว่าเมตตาธรรมค้ำจุนโลก
มาถึงตอนนี้เลยเข้าใจแล้วว่า การปฏิบัติธรรมหลักใหญ่คือทำเพื่อให้เข้าใจตัวเอง เข้าใจผู้อื่น มองเห็นตัวเอง มองเห็นผู้อื่น และให้นำหลักธรรมคำสั่งสอนมาปรับใช้กับชีวิต สิ่งที่สำคัญและเป็นส่วนที่ยากคือต้องฝึกสติให้ไวเพื่อที่จะรู้เท่าทันปัจจุบัน เพื่อที่จะไม่จมอยู่ในอารมณ์ใดอารมณ์หนึ่งนานเกินไป
แชร์ประสบการณ์การปฏิบัติธรรม
ปฏิบัติครั้งแรกตามหลักสูตร 8 วัน 7 คืนของคุณแม่สิริ ทำตามแนวสติปัฏฐาน4 หลักใหญ่คือเดินจงกลม นั่งสมาธิให้รู้เท่าทันปัจจุบัน กำหนดอิริยาบทย่อยตั้งแต่ตื่นนอน อาบน้ำ กินข้าว จำได้ว่าตอนนั้นเช้าวันที่4 รู้สึกว่าจิตใจสงบมาก รู้สึกสงบเย็น มีความสุขแบบบอกไม่ถูก รู้สึกว่าโลกนี้สดใสจัง เลยตั้งใจมาปฏิบัติทุกปี
พอมาทำเป็นประจำทุกปี ก็เริ่มเห็นตัวเอง จากแต่ก่อนไม่เคยเห็นส่วนไม่ดีของตัวเอง ก็เริ่มเห็นข้อเสียแล้วเกิดอาการซึมเศร้า รู้สึกผิดที่ตัวเองเป็นแบบนั้น จากแต่ก่อนเป็นคนที่มีความมั่นใจในตัวเอง ความมั่นใจก็ลดลง นอกจากเห็นข้อไม่ดีของตัวเองแล้ว ก็ไปเห็นข้อไม่ดีของคนอื่นที่เคยหลอกใช้เรา หลอกเราให้ทำเพื่อประโยชน์ของเขา ทั้งที่แต่ก่อนไม่เคยเห็นในมุมนี้เพราะเป็นคนโลกสดใส กลายเป็นโกรธแค้นคนอื่นที่เขาทำกับเราโดยที่เราไม่รู้ตัวมาก่อน ช่วงนั้นไม่มีความสุขกับชีวิตเลยเพราะจมอยู่กับความรู้สึกเสียใจและโกรธแค้น จนวันหนึ่งถึงคิดขึ้นมาได้ว่าต้องฝึกมีเมตตากับตัวเองและผู้อื่น รู้จักให้อภัยตัวเอง ให้อภัยผู้อื่น และนึกถึงคำสอนที่ว่าเมตตาธรรมค้ำจุนโลก
มาถึงตอนนี้เลยเข้าใจแล้วว่า การปฏิบัติธรรมหลักใหญ่คือทำเพื่อให้เข้าใจตัวเอง เข้าใจผู้อื่น มองเห็นตัวเอง มองเห็นผู้อื่น และให้นำหลักธรรมคำสั่งสอนมาปรับใช้กับชีวิต สิ่งที่สำคัญและเป็นส่วนที่ยากคือต้องฝึกสติให้ไวเพื่อที่จะรู้เท่าทันปัจจุบัน เพื่อที่จะไม่จมอยู่ในอารมณ์ใดอารมณ์หนึ่งนานเกินไป