คัดกรอง'ผรท.'พบ'สหายตัวปลอม'อื้อ?
ป่วนพบ'สหายตัวปลอม'อื้อ? จี้กอ.รมน.ภาค2ต้องโปร่งใส : จักรพงษ์ ระวิวรรณ และทีมข่าวพิเศษรายงาน
ขณะนี้คณะกรรมการคัดกรอง ผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย (ผรท.) ตามคำสั่ง 157/2555 ของนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ให้ดำเนินการช่วยเหลือ ผรท. "ตกค้าง" อยู่จำนวนหนึ่ง กำลังดำเนินไปในหลายจังหวัดภาคอีสาน แต่กลับประสบปัญหาการเรียกร้องจาก "แกนนำ ผรท." บางกลุ่มว่า การคัดกรองไม่โปร่งใส และรวบอำนาจอยู่ใน กอ.รมน. โดยไม่มีส่วนร่วมจากภาคประชาชน
เดิมทีโครงการช่วยเหลือ ผรท.นั้น กำเนิดมาจากพันธสัญญาในคำสั่ง 66/2523 สมัยรัฐบาลเปรม ที่ฝ่ายกองทัพรับปาก "อดีตสหาย" ว่า หลังจากมอบตัวแล้วจะจัดหาที่ดิน 15 ไร่ ที่อยู่อาศัย 1 ไร่ วัว 5 ตัว และปัจจัยการประกอบอาชีพ ซึ่งมีการช่วยเหลือไปแล้วจำนวนหนึ่ง แต่ยังตกค้างอยู่อีกหลายพันคน
โดยการช่วยเหลือของภาครัฐครั้งที่ 1 สมัยรัฐบาลสุรยุทธ์ จุลานนท์ ช่วยเหลือรายละ 1.1 แสนบาท และครั้งที่ 2 สมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ช่วยเหลือรายละ 2.2 แสนบาท รวมสองครั้งเฉพาะภาคอีสานประมาณ 7,000 คน
การเรียกร้องของแกนนำ ผรท.อีสาน 7 กลุ่ม ให้ช่วยเหลือ ผรท.ที่ตกหล่นจากครั้งที่แล้ว ได้ก่อให้ความวุ่นวายในชนบทอีสาน เมื่อแกนนำบางกลุ่มไปตั้งขยายความคำว่า "ผรท." จากผู้ที่ต้องเข้าป่าจับอาวุธ เป็น "แนวร่วม" คือผู้ที่อยู่ในเขตหมู่บ้านสีแดงทุกคนมีสิทธิ์จะได้รับการช่วยเหลือจากรัฐบาล
ผลจากการเคลื่อนไหวอย่างไร้การควบคุม ทำให้ยอดผู้เข้าชื่อร้องขอการช่วยเหลือสูงถึง 1.4 แสนคน จากแกนนำ ผรท.อีสาน 7 กลุ่ม
นายกฯ ยิ่งลักษณ์ได้มอบให้ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานคณะกรรมการช่วยเหลือ ผรท. โดยมี กอ.รมน.เป็นผู้ดำเนินการตามขั้นตอน ซึ่ง ร.ต.อ.เฉลิม ได้สั่งการให้ยึดหลักเกณฑ์สมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ทุกอย่าง และหากใครผ่านการคัดกรองก็จะได้รับเงินช่วยเหลือ ผรท.รายละ 2.2 แสนบาท
ที่ผ่านมา "เฉลิม" มอบหมายให้ สุภรณ์ อัตถาวงศ์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ประสานงานกับแกนนำ ผรท.กลุ่มต่างๆ ซึ่ง "แรมโบ้สุภรณ์" ก็มักจะเดินแนวทางประนีประนอม บางครั้งเหมือนไม่มีเอกภาพในการทำงาน ระหว่างฝ่ายการเมือง กับ กอ.รมน. ที่เป็นฝ่ายปฏิบัติการ
กอ.รมน.ได้ปรับรูปแบบการทำงานใหม่ โดยให้ผู้ประสงค์จะรับการช่วยเหลือจากรัฐบาลมายื่นเอกสารแสดงตัวเอง ไม่ต้องผ่านแกนนำ ซึ่งมีกำหนดสิ้นสุดเวลา 4 เมษายน แต่ก็ขยายมาจนถึง 15 พฤษภาคม ที่ผ่านมา
หลังจากนั้นกระบวนการคัดกรอง ผรท.ระดับจังหวัดจึงเริ่มต้นขึ้น โดยมีคณะกรรมการ 10 คน ประกอบด้วยฝ่ายภาครัฐ 7 คน และตัวแทน ผรท. 3 คน
เมื่อรัฐบาลยิ่งลักษณ์ไม่ประนีประนอมให้แก่กลุ่มแกนนำ ด้วยการยึดหลักเกณฑ์เดิมคือ ต้องเป็นสหาย และเคยเข้าป่าจับปืน จึงทำให้แกนนำ ผรท. 3 กลุ่มใหญ่ถอนตัว ไม่ยอมส่งรายชื่อเข้าสู่กระบวนการคัดกรอง เพราะประเมินส่งไปแล้ว ก็คงไม่ผ่านหมด
อีกด้านหนึ่ง ทาง กอ.รมน.เสนอให้การคัดกรองครั้งนี้เป็นเรื่องของภาครัฐล้วนๆ โดยอ้างสมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ปล่อยให้ตัวแทน ผรท.คัดกรองกันเอง ทำให้เกิด "สหายตัวปลอม" แต่แกนนำ ผรท.ได้ต่อรองกับ สุภรณ์ อัตถาวงศ์ ว่า ขอให้ตัวแทน ผรท.ได้มีส่วนร่วมด้วย จึงให้ตัวแทน ผรท.เข้าร่วมได้จังหวัดละ 3 คน
นับตั้งแต่วันที่ 20 พฤษภาคมเป็นต้นมา การคัดกรอง ผรท.ได้ดำเนินการไปแล้วหลายจังหวัด ก็พบว่า มีปัญหา "เอกสารปลอม" เกิดขึ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่หอประชุมกองร้อยอาสารักษาดินแดนจังหวัดกาฬสินธุ์ ซึ่งเป็นสถานที่ตรวจสอบเอกสาร สัมภาษณ์ ซักประวัติ และคัดกรองบุคคลที่อ้างตัวเองว่า ผรท. ซึ่ง จ.กาฬสินธุ์ มีผู้ลงทะเบียนจำนวน 4,810 คน
การคัดกรองของ กอ.รมน.มุ่งเน้นการป้องกันการสวมสิทธิ์ อีกทั้งต้องการช่วยเหลือ ผรท.ตัวจริง แต่ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่ผู้คัดกรองพบการยื่นเอกสารแสดงเท็จต่อเจ้าหน้าที่ถึง 390 ราย โดยแต่ละรายเป็นการยื่นเอกสารที่คล้ายคลึงกัน ด้วยการแนบใบวุฒิบัตรที่ผ่านโครงการสันติสุข หรือโครงการการุณยเทพ ซึ่งหากใครมีเอกสารนี้ ถือเป็น ผรท.ตัวจริง แต่จากผลของการสัมภาษณ์ชาวบ้าน กลับไม่รู้ที่มาของใบประกาศ และยังยอมรับว่าเป็นเอกสารเท็จ
พ.อ.จักรพงษ์ กระจ่างพุ่ม รองผอ.รมน.จังหวัดกาฬสินธุ์ ในฐานะหัวหน้าคณะกรรมการพิจารณาคัดกรอง ได้รวบรวมเอกสารส่งไปยัง สุวิทย์ สุบงกฎ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ เพื่อทำการตรวจสอบเอกสารอย่างละเอียดก่อนพิจารณาสั่งระงับและดำเนินคดีตามกฎหมาย
ล่าสุดเมื่อ 24 พฤษภาคม สุวิทย์ สุบงกฎ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ เปิดเผยว่า ได้ให้โอกาสชาวบ้านนำเอกสารกลับคืนไป เพราะเป็นผู้ที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ แต่สำหรับผู้ที่ยื่นเรื่องใหม่ หากยังมีการปลอมแปลงเอกสารอีกจะไม่เปิดโอกาสแล้ว และจะให้เจ้าหน้าที่แจ้งความดำเนินคดีอย่างเด็ดขาดทันที เพราะถือว่ามีเจตนาทุจริตเข้ามาแฝงตัว ทำให้ผู้ที่เป็น ผรท.ตัวจริงเสียโอกาส
"อยากฝากให้ ผรท.ตัวจริงช่วยกันดูแลสอดส่องไม่ให้คนสวมสิทธิ์เข้ามาแฝงตัวหาผลประโยชน์ เพราะเงินช่วยเหลือหากผ่านการพิจารณานั้นมีจำนวนมหาศาล เฉลี่ยรายละ 225,000 บาท ซึ่งเป็นเงินภาษีของประชาชน" ผู้ว่าฯ กาฬสินธุ์ กล่าว
นอกจากปัญหาการปลอมเอกสารแล้ว แกนนำ ผรท.หลายกลุ่มที่บอยคอตไม่เข้าร่วม และแสดงความไม่พอใจในการแต่งตั้งคณะกรรมการคัดกรองที่เป็นตัวแทน ผรท. เพราะส่วนใหญ่มาจากกลุ่ม ส.วิไล หรือจันทร์แดง ปิดตาราพา ซึ่งแกนนำ ผรท.กลุ่มดังกล่าวได้ร้องเรียนไปยังแม่ทัพภาคที่ 2 แล้ว
ที่น่าสังเกตอีกประการหนึ่ง ระหว่างการคัดกรอง ผรท. อานนท์ แสนน่าน เลขาธิการสมัชชาหมู่บ้านเสื้อแดงฯ ได้ร่วมกันจัดตั้ง "สหพันธ์ผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยแห่งประเทศไทย" โดยมีอดีตวิทยากร กอ.รมน.เป็นที่ปรึกษา ได้ออกล่ารายชื่อสมาชิก เพื่อส่งเข้าสู่กระบวนการคัดกรอง ผรท.เช่นกัน
การเคลื่อนไหวของกลุ่มหมู่บ้านเสื้อแดงทำให้แกนนำ ผรท.บางกลุ่มเฝ้าจับตามองเป็นพิเศษ เพราะพวกเขามีสัมพันธ์อันดีกับ กอ.รมน.หลายจังหวัด
เชื่อว่า กระบวนการคัดกรอง ผรท.เงินแสน อาจจะมีความวุ่นวายในเร็ววันนี้ เพราะมันเป็นเรื่องผลประโยชน์ของ "นายหน้าสหาย" และข้าราชการบางกลุ่ม ที่ฉวยโอกาสปั้นสหายตัวปลอมหาเงินเข้ากระเป๋าเหมือนสมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์
ที่น่าเป็นห่วง "ร.ต.อ.เฉลิม" เล่นบทลอยตัวเหนือปัญหา ปล่อยให้ "แรมโบ้สุภรณ์" เป็นหนังหน้าไฟเที่ยวรับปากแกนนำกลุ่มต่างๆ ซื้อเวลา แต่ปัญหาคนรากหญ้าแสนคน ที่ถูกชักนำเข้าสู่ขบวนการล่าเงินแสน ด้วยการจ่ายเงินให้แกนนำไปแล้วรายละพันสองพัน รัฐบาลจะทำอย่างไร?
กองทัพภาคที่ 2 ต้องหยุดกระบวนการทุจริต ผรท. ด้วยการแสดงความโปร่งใสในขั้นตอนการคัดกรอง มิเช่นนั้นปัญหา ผรท.ขอเงินแสนไม่จบไม่สิ้นแน่
................................
http://www.komchadluek.net/detail/20130525/159343/%E0%B8%84%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%9C%E0%B8%A3%E0%B8%97.%E0%B8%9E%E0%B8%9A%E0%B8%AA%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%AD%E0%B8%A1%E0%B8%AD%E0%B8%B7%E0%B9%89%E0%B8%AD.html#.UaAVCdiaNB0
ป่วน พบ "สหายตัวปลอม(ผรท.)" อื้อ? จี้ กอ.รมน. ภาค 2 การคัดกรองต้องโปร่งใส ................. (เห็นด้วยว่าต้องโปร่งใส)
คัดกรอง'ผรท.'พบ'สหายตัวปลอม'อื้อ?
ป่วนพบ'สหายตัวปลอม'อื้อ? จี้กอ.รมน.ภาค2ต้องโปร่งใส : จักรพงษ์ ระวิวรรณ และทีมข่าวพิเศษรายงาน
ขณะนี้คณะกรรมการคัดกรอง ผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย (ผรท.) ตามคำสั่ง 157/2555 ของนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ให้ดำเนินการช่วยเหลือ ผรท. "ตกค้าง" อยู่จำนวนหนึ่ง กำลังดำเนินไปในหลายจังหวัดภาคอีสาน แต่กลับประสบปัญหาการเรียกร้องจาก "แกนนำ ผรท." บางกลุ่มว่า การคัดกรองไม่โปร่งใส และรวบอำนาจอยู่ใน กอ.รมน. โดยไม่มีส่วนร่วมจากภาคประชาชน
เดิมทีโครงการช่วยเหลือ ผรท.นั้น กำเนิดมาจากพันธสัญญาในคำสั่ง 66/2523 สมัยรัฐบาลเปรม ที่ฝ่ายกองทัพรับปาก "อดีตสหาย" ว่า หลังจากมอบตัวแล้วจะจัดหาที่ดิน 15 ไร่ ที่อยู่อาศัย 1 ไร่ วัว 5 ตัว และปัจจัยการประกอบอาชีพ ซึ่งมีการช่วยเหลือไปแล้วจำนวนหนึ่ง แต่ยังตกค้างอยู่อีกหลายพันคน
โดยการช่วยเหลือของภาครัฐครั้งที่ 1 สมัยรัฐบาลสุรยุทธ์ จุลานนท์ ช่วยเหลือรายละ 1.1 แสนบาท และครั้งที่ 2 สมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ช่วยเหลือรายละ 2.2 แสนบาท รวมสองครั้งเฉพาะภาคอีสานประมาณ 7,000 คน
การเรียกร้องของแกนนำ ผรท.อีสาน 7 กลุ่ม ให้ช่วยเหลือ ผรท.ที่ตกหล่นจากครั้งที่แล้ว ได้ก่อให้ความวุ่นวายในชนบทอีสาน เมื่อแกนนำบางกลุ่มไปตั้งขยายความคำว่า "ผรท." จากผู้ที่ต้องเข้าป่าจับอาวุธ เป็น "แนวร่วม" คือผู้ที่อยู่ในเขตหมู่บ้านสีแดงทุกคนมีสิทธิ์จะได้รับการช่วยเหลือจากรัฐบาล
ผลจากการเคลื่อนไหวอย่างไร้การควบคุม ทำให้ยอดผู้เข้าชื่อร้องขอการช่วยเหลือสูงถึง 1.4 แสนคน จากแกนนำ ผรท.อีสาน 7 กลุ่ม
นายกฯ ยิ่งลักษณ์ได้มอบให้ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานคณะกรรมการช่วยเหลือ ผรท. โดยมี กอ.รมน.เป็นผู้ดำเนินการตามขั้นตอน ซึ่ง ร.ต.อ.เฉลิม ได้สั่งการให้ยึดหลักเกณฑ์สมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ทุกอย่าง และหากใครผ่านการคัดกรองก็จะได้รับเงินช่วยเหลือ ผรท.รายละ 2.2 แสนบาท
ที่ผ่านมา "เฉลิม" มอบหมายให้ สุภรณ์ อัตถาวงศ์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ประสานงานกับแกนนำ ผรท.กลุ่มต่างๆ ซึ่ง "แรมโบ้สุภรณ์" ก็มักจะเดินแนวทางประนีประนอม บางครั้งเหมือนไม่มีเอกภาพในการทำงาน ระหว่างฝ่ายการเมือง กับ กอ.รมน. ที่เป็นฝ่ายปฏิบัติการ
กอ.รมน.ได้ปรับรูปแบบการทำงานใหม่ โดยให้ผู้ประสงค์จะรับการช่วยเหลือจากรัฐบาลมายื่นเอกสารแสดงตัวเอง ไม่ต้องผ่านแกนนำ ซึ่งมีกำหนดสิ้นสุดเวลา 4 เมษายน แต่ก็ขยายมาจนถึง 15 พฤษภาคม ที่ผ่านมา
หลังจากนั้นกระบวนการคัดกรอง ผรท.ระดับจังหวัดจึงเริ่มต้นขึ้น โดยมีคณะกรรมการ 10 คน ประกอบด้วยฝ่ายภาครัฐ 7 คน และตัวแทน ผรท. 3 คน
เมื่อรัฐบาลยิ่งลักษณ์ไม่ประนีประนอมให้แก่กลุ่มแกนนำ ด้วยการยึดหลักเกณฑ์เดิมคือ ต้องเป็นสหาย และเคยเข้าป่าจับปืน จึงทำให้แกนนำ ผรท. 3 กลุ่มใหญ่ถอนตัว ไม่ยอมส่งรายชื่อเข้าสู่กระบวนการคัดกรอง เพราะประเมินส่งไปแล้ว ก็คงไม่ผ่านหมด
อีกด้านหนึ่ง ทาง กอ.รมน.เสนอให้การคัดกรองครั้งนี้เป็นเรื่องของภาครัฐล้วนๆ โดยอ้างสมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ปล่อยให้ตัวแทน ผรท.คัดกรองกันเอง ทำให้เกิด "สหายตัวปลอม" แต่แกนนำ ผรท.ได้ต่อรองกับ สุภรณ์ อัตถาวงศ์ ว่า ขอให้ตัวแทน ผรท.ได้มีส่วนร่วมด้วย จึงให้ตัวแทน ผรท.เข้าร่วมได้จังหวัดละ 3 คน
นับตั้งแต่วันที่ 20 พฤษภาคมเป็นต้นมา การคัดกรอง ผรท.ได้ดำเนินการไปแล้วหลายจังหวัด ก็พบว่า มีปัญหา "เอกสารปลอม" เกิดขึ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่หอประชุมกองร้อยอาสารักษาดินแดนจังหวัดกาฬสินธุ์ ซึ่งเป็นสถานที่ตรวจสอบเอกสาร สัมภาษณ์ ซักประวัติ และคัดกรองบุคคลที่อ้างตัวเองว่า ผรท. ซึ่ง จ.กาฬสินธุ์ มีผู้ลงทะเบียนจำนวน 4,810 คน
การคัดกรองของ กอ.รมน.มุ่งเน้นการป้องกันการสวมสิทธิ์ อีกทั้งต้องการช่วยเหลือ ผรท.ตัวจริง แต่ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่ผู้คัดกรองพบการยื่นเอกสารแสดงเท็จต่อเจ้าหน้าที่ถึง 390 ราย โดยแต่ละรายเป็นการยื่นเอกสารที่คล้ายคลึงกัน ด้วยการแนบใบวุฒิบัตรที่ผ่านโครงการสันติสุข หรือโครงการการุณยเทพ ซึ่งหากใครมีเอกสารนี้ ถือเป็น ผรท.ตัวจริง แต่จากผลของการสัมภาษณ์ชาวบ้าน กลับไม่รู้ที่มาของใบประกาศ และยังยอมรับว่าเป็นเอกสารเท็จ
พ.อ.จักรพงษ์ กระจ่างพุ่ม รองผอ.รมน.จังหวัดกาฬสินธุ์ ในฐานะหัวหน้าคณะกรรมการพิจารณาคัดกรอง ได้รวบรวมเอกสารส่งไปยัง สุวิทย์ สุบงกฎ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ เพื่อทำการตรวจสอบเอกสารอย่างละเอียดก่อนพิจารณาสั่งระงับและดำเนินคดีตามกฎหมาย
ล่าสุดเมื่อ 24 พฤษภาคม สุวิทย์ สุบงกฎ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ เปิดเผยว่า ได้ให้โอกาสชาวบ้านนำเอกสารกลับคืนไป เพราะเป็นผู้ที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ แต่สำหรับผู้ที่ยื่นเรื่องใหม่ หากยังมีการปลอมแปลงเอกสารอีกจะไม่เปิดโอกาสแล้ว และจะให้เจ้าหน้าที่แจ้งความดำเนินคดีอย่างเด็ดขาดทันที เพราะถือว่ามีเจตนาทุจริตเข้ามาแฝงตัว ทำให้ผู้ที่เป็น ผรท.ตัวจริงเสียโอกาส
"อยากฝากให้ ผรท.ตัวจริงช่วยกันดูแลสอดส่องไม่ให้คนสวมสิทธิ์เข้ามาแฝงตัวหาผลประโยชน์ เพราะเงินช่วยเหลือหากผ่านการพิจารณานั้นมีจำนวนมหาศาล เฉลี่ยรายละ 225,000 บาท ซึ่งเป็นเงินภาษีของประชาชน" ผู้ว่าฯ กาฬสินธุ์ กล่าว
นอกจากปัญหาการปลอมเอกสารแล้ว แกนนำ ผรท.หลายกลุ่มที่บอยคอตไม่เข้าร่วม และแสดงความไม่พอใจในการแต่งตั้งคณะกรรมการคัดกรองที่เป็นตัวแทน ผรท. เพราะส่วนใหญ่มาจากกลุ่ม ส.วิไล หรือจันทร์แดง ปิดตาราพา ซึ่งแกนนำ ผรท.กลุ่มดังกล่าวได้ร้องเรียนไปยังแม่ทัพภาคที่ 2 แล้ว
ที่น่าสังเกตอีกประการหนึ่ง ระหว่างการคัดกรอง ผรท. อานนท์ แสนน่าน เลขาธิการสมัชชาหมู่บ้านเสื้อแดงฯ ได้ร่วมกันจัดตั้ง "สหพันธ์ผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยแห่งประเทศไทย" โดยมีอดีตวิทยากร กอ.รมน.เป็นที่ปรึกษา ได้ออกล่ารายชื่อสมาชิก เพื่อส่งเข้าสู่กระบวนการคัดกรอง ผรท.เช่นกัน
การเคลื่อนไหวของกลุ่มหมู่บ้านเสื้อแดงทำให้แกนนำ ผรท.บางกลุ่มเฝ้าจับตามองเป็นพิเศษ เพราะพวกเขามีสัมพันธ์อันดีกับ กอ.รมน.หลายจังหวัด
เชื่อว่า กระบวนการคัดกรอง ผรท.เงินแสน อาจจะมีความวุ่นวายในเร็ววันนี้ เพราะมันเป็นเรื่องผลประโยชน์ของ "นายหน้าสหาย" และข้าราชการบางกลุ่ม ที่ฉวยโอกาสปั้นสหายตัวปลอมหาเงินเข้ากระเป๋าเหมือนสมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์
ที่น่าเป็นห่วง "ร.ต.อ.เฉลิม" เล่นบทลอยตัวเหนือปัญหา ปล่อยให้ "แรมโบ้สุภรณ์" เป็นหนังหน้าไฟเที่ยวรับปากแกนนำกลุ่มต่างๆ ซื้อเวลา แต่ปัญหาคนรากหญ้าแสนคน ที่ถูกชักนำเข้าสู่ขบวนการล่าเงินแสน ด้วยการจ่ายเงินให้แกนนำไปแล้วรายละพันสองพัน รัฐบาลจะทำอย่างไร?
กองทัพภาคที่ 2 ต้องหยุดกระบวนการทุจริต ผรท. ด้วยการแสดงความโปร่งใสในขั้นตอนการคัดกรอง มิเช่นนั้นปัญหา ผรท.ขอเงินแสนไม่จบไม่สิ้นแน่
................................
http://www.komchadluek.net/detail/20130525/159343/%E0%B8%84%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%9C%E0%B8%A3%E0%B8%97.%E0%B8%9E%E0%B8%9A%E0%B8%AA%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%AD%E0%B8%A1%E0%B8%AD%E0%B8%B7%E0%B9%89%E0%B8%AD.html#.UaAVCdiaNB0