จ้างไปวัด ฟังเทศน์

นายกาละ ลูกชายของอนาถบิณฑิกมหาเศรษฐีเสียด้วยนะ เป็นโยมอุปัฏฐากพระพุทธเจ้า ลูกชายคนนี้ชื่อนายกาละไม่
เอาไหนเลย พ่อต้องให้รางวัลทุกวัน ถ้าวันไหนไปวัด พ่อละชักชวนไปวัด พ่อก็แสนใจดีนะ ลูกไม่ไปก็จ้างลูกไปไปวัด
พอเข้าเขตวัดแล้วมันจะไปล้มนอนอยู่ที่ไหนตายที่ไหนไม่สนใจ ขอให้ได้เข้าเขตวัดก็พอ พอกลับมาแล้วก็ให้รางวัล
ให้รางวัลลูกชายเจ้าของ พ่อเป็นคนให้รางวัลเอง

ทีนี้ฟังไปฟังมามันอยู่ในวัดจะว่าอย่างไร พระพุทธเจ้าเทศนาว่าการสอน หูมันก็มีเหมือนเรา หูนายกาละนั่น หูก็มีตาก็มี
ฟังไปหลายครั้งหลายหนก็เฉียดเข้าไปถึงใจ เข้าไปถึงใจก็ซึมซาบเข้าไปถึงใจ เกิดความดื่มด่ำภายในอรรถในธรรม
เข้าเป็นลำดับลำดา ทีนี้ซึ้งทีเดียว ซึ้งในธรรมทั้งหลาย เห็นคุณของพ่อที่อุตส่าห์พยายามจ้างมาวัดมาวา เลี้ยงดูมา
แทบเป็นแทบตายจนจะไม่มีอะไรเหลือติดตัวแล้ว เพราะการเลี้ยงลูกแต่ละคนๆ แล้วเวลาไปวัดยังต้องได้จ้างไปนี้
มันพิลึกพิลั่น

นั่นละเวลาแกเห็นโทษ เรานี่มันเลยมนุษย์ไปแล้ว พ่อแม่เลี้ยงจนแทบเป็นแทบตายจนจะไม่มีอะไรเหลือติดตัวเพราะ
การเลี้ยงลูก ชีวิตจิตใจอยู่กับอาหารการกินทุกสิ่งทุกอย่างเป็นของดิบของดีต้องมอบให้ลูกหมด พ่อแม่กินแต่ของเศษ
ของเดนทั้งนั้น คิดถึงคุณพ่อคุณแม่ มิหนำซ้ำยังจ้างเรามาวัดมาวาอีก พอฟังเทศน์ซาบซึ้งในหัวใจแล้วทีนี้กลับไปบ้าน
คือกลับไปบ้านพ่อก็ให้รางวัลทุกวันๆ พอกลับไปบ้านวันนั้นหลบหนีเลย อายพ่อ เรียกมารับรางวัล โอ๊ย อย่าให้มารับ
ไม่ยอมมาเลย เวลามาสารภาพตัวมาสารภาพอย่างนี้ละ

สารภาพเห็นคุณของพ่อของแม่ที่เลี้ยงมาแทบล้มแทบตาย จนไม่มีอะไรเหลือติดเนื้อติดตัว มอบให้เป็นชีวิตชีวาของ
ลูกทั้งหมด บรรดาอาหารการบริโภคของดิบของดีไปรวมอยู่ที่ลูกทั้งนั้นแหละ ทีนี้ลูกเกิดขึ้นมาแล้วไปวัดไปวายังต้อง
ได้จ้างไปนี้มันพิลึกกึกกือเกินไปเรา เห็นคุณของพ่อละที่นี่ พอกลับไปถึงบ้านพ่อเรียกมารับรางวัลไม่ยอมมา แล้ว
สารภาพตนว่าผิดถนัด ยอมรับ ตั้งแต่บัดนั้นมาไม่ต้องบอกไปวัด ไปเองๆ ไปด้วยความพอใจ นี่ละจิตใจเมื่อได้รับการ
ฝึกฝนอบรมหลายครั้งหลายหน ธรรมะก็ย่อมเข้าซึมซาบถึงใจ  เมื่อซึมซาบถึงใจแล้วก็กระจายสิ่งที่เป็นภัยออกไปๆ
ใจที่เป็นธรรมก็เด่นดวงขึ้นมา พาเจ้าของให้มีความรักใคร่ใกล้ชิดติดพันกับอรรถกับธรรมไปตลอด

อย่างนายกาละที่ว่านี้ พ่อจ้างไปวัด ครั้นไปฟังเทศน์ฟังธรรมหลายครั้งหลายหนก็เข้าถึงใจ เมื่อเข้าถึงใจแล้วก็ซาบซึ้ง
ในธรรมทั้งหลายแล้วกลับมาพ่อให้รางวัลไม่ยอมรับ แล้วไปสารภาพตนต่อพ่อ เห็นโทษว่าตัวเป็นความผิดมามากมาย
ก่ายกอง พ่อแม่เลี้ยงมาแทบเป็นแทบตายยังไม่แล้ว ยังไม่เห็นคุณ เวลาไปวัดไปวายังต้องได้จ้างไปอีกอย่างนี้มันเกิน
ไป เห็นโทษแล้วก็ไม่รับ

ตั้งแต่นั้นมาทีนี้ไม่ต้องบอก ไปวัดเองเลย ใครห้ามไม่อยู่ นั่นเห็นไหมล่ะ จิตดวงเดียวกันนี้แหละ จิตดวงที่ไปนอนอยู่
ตามวัดตามวาแล้วมาเอารางวัลจากพ่อนี้แหละคือจิตนายกาละ แต่พอจิตเปลี่ยนอย่างนั้นแล้วทีนี้เป็นอันว่าไม่มีใคร
ชวนก็ตามเป็นความสมัครใจๆ ไปจนได้สำเร็จมรรคผล นั่นเห็นไหมล่ะ ตั้งแต่ก่อนเป็นอย่างหนึ่ง เวลาได้รับการฝึกฝน
อบรมหลายครั้งหลายหนก็ได้ดิบได้ดีขึ้นมา ใจนี้ดีได้ด้วยการฝึกฝนอบรม จะฝึกไปทางชั่วเป็นได้ ฝึกไปในทางที่ดีเป็น
ดีได้

เพราะฉะนั้นจงพยายามฝึกตนให้ไปในทางที่ถูกที่ดี แล้วมันจะดีขึ้นไปเรื่อยๆ ดีสุดยอดคือถึงมรรคผลนิพพานจากการ
ฝึกนี้ทั้งนั้น ไม่มีใครอยู่ๆ เกิดขึ้นมาก็สำเร็จมรรคผลนิพพาน เหมือนว่าสำรับเอามาตั้งไว้ข้างหน้าพอตื่นนอนขึ้นมาก็
กินเลยอย่างนั้น มันไม่ใช่สำรับมรรคผลนิพพาน ต้องประพฤติปฏิบัติเต็มกำลังความสามารถ แล้วก็สำเร็จขึ้นมาภาย
ในใจ เลิศเลอยิ่งกว่าสำรับอาหารเป็นไหนๆ ให้พากันตั้งอกตั้งใจนะ

การปฏิบัติธรรมนี้เวลากิเลสมันหนามันไม่อยากเข้าวัดเข้าวา ถ้าพาไปหาปูหาปลาไปขับลำทำเพลงลูกกรุงลูกทุ่ง
ไปสะเปะสะปะอย่างนั้นมันชอบ คือใจมันเป็นอย่างนั้นด้วยกัน เขาก็ชอบเราก็ชอบ สุดท้ายก็เป็นไปด้วยกันเลยมีแต่
ความชั่วช้าลามก ไม่ได้ฝึกตน ถ้าฝึกตนแล้วมันก็เป็นคนดีได้คนเรา ให้พากันฝึกฝนอบรมนะ

ที่มาแบบเต็ม ฟังเทศน์ของท่านผู้ทรงธรรม
http://www.luangta.com/thamma/thamma_talk_text.php?ID=4905&CatID=2
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่