เพราะอริยสัจ ๔ คือวิธีการดับทุกข์ของจิตใจ(เช่น ทุกข์เพราะความแก่ เจ็บ ตาย ความพลัดพราก ความผิดหวัง เป็นต้น) ซึ่งความทุกข์นี้เป็นปัญหาใหญ่หรือสำคัญที่สุดสำหรับมนุษย์ทุกคน ถึงแม้ใครจะมีความสุขมากมายสักเท่าใดก็ตาม แต่ก็ไม่มีใครจะสามารถหลุดพ้นจากความทุกข์ได้ถ้ายังไม่รู้อริสัจ ๔
ดังนั้นการศึกษาเพื่อให้ได้รู้แจ้งอริยสัจ ๔ จึงเป็นเรื่องเร่งด่วนที่สุดสำหรับมนุษย์ทุกคน พระพุทธเจ้าเปรียบเทียบเอาไว้ว่า แม้จะมีไฟไหม้อยู่ศีรษะของเรา เรื่องเร่งด่วนที่สุดก็คือการได้รู้อริยสัจ (ไม่ใช่การดับไฟที่ไหม้ศีรษะ) เพราะจะทำให้ไม่มีทุกข์เพระไฟที่กำลังไหม้และมีสติปัญญาที่จะมาดับไฟที่ไหม้ศีรษะนั้นอีกที ซี่งนี้ก็แสดงถึงว่า เรื่องอื่นๆหรือวิชาการอื่นๆนั้น เราอย่าเพิ่งไปสนใจศึกษา เราต้องหันมาศึกษาเรื่องการดับทุกข์ก่อน เมื่อเห็นแจ้งหรือรู้แจ้งเรื่องการดับทุกข์แล้ว ค่อยไปศึกษาเรื่องอื่นที่จำเป็นทีหลัง ซึ่งนี่คือหลักที่ชาวพุทธต้องปฏิบัติ แต่ทว่าในปัจจุบันชาวพุทธกลับไปศึกษาแต่เรื่องอื่น (ที่เป็นเรื่องอจินไตยหรือไม่ควรศึกษา) แล้วอย่างนี้จะพ้นทุกข์กันได้อย่างไร? หรือจะชื่อว่าเป็นชาวพุทธที่แท้จริงได้อย่างไร? จะเป็นได้ก็เพียงชาวพุทธเทียมๆเท่านั้น
การได้รู้อริยสัจ ๔ เป็นเรื่องเร่งด่วนที่สุด
ดังนั้นการศึกษาเพื่อให้ได้รู้แจ้งอริยสัจ ๔ จึงเป็นเรื่องเร่งด่วนที่สุดสำหรับมนุษย์ทุกคน พระพุทธเจ้าเปรียบเทียบเอาไว้ว่า แม้จะมีไฟไหม้อยู่ศีรษะของเรา เรื่องเร่งด่วนที่สุดก็คือการได้รู้อริยสัจ (ไม่ใช่การดับไฟที่ไหม้ศีรษะ) เพราะจะทำให้ไม่มีทุกข์เพระไฟที่กำลังไหม้และมีสติปัญญาที่จะมาดับไฟที่ไหม้ศีรษะนั้นอีกที ซี่งนี้ก็แสดงถึงว่า เรื่องอื่นๆหรือวิชาการอื่นๆนั้น เราอย่าเพิ่งไปสนใจศึกษา เราต้องหันมาศึกษาเรื่องการดับทุกข์ก่อน เมื่อเห็นแจ้งหรือรู้แจ้งเรื่องการดับทุกข์แล้ว ค่อยไปศึกษาเรื่องอื่นที่จำเป็นทีหลัง ซึ่งนี่คือหลักที่ชาวพุทธต้องปฏิบัติ แต่ทว่าในปัจจุบันชาวพุทธกลับไปศึกษาแต่เรื่องอื่น (ที่เป็นเรื่องอจินไตยหรือไม่ควรศึกษา) แล้วอย่างนี้จะพ้นทุกข์กันได้อย่างไร? หรือจะชื่อว่าเป็นชาวพุทธที่แท้จริงได้อย่างไร? จะเป็นได้ก็เพียงชาวพุทธเทียมๆเท่านั้น