ผู้ปฏิเสธฮะดีษไม่ใช่มุสลิม

คำถาม

ผมอ่านในกระทู้สนทนา เรื่องผู้ปฏิเสธฮะดีษไม่ใช่มุสลิม มีข้อความชวนให้สงสัย อยากให้อาจารย์ช่วยให้ความกระจ่างด้วยครับ
“อัลกุรอานครบสมบูรณ์แล้วทำไมต้องใช้ฮาดีสด้วย ถ้าใช้อัลกุรอานอย่างเดียวผิดไหม” หวังว่าคงไม่รบกวนอาจารย์เกินไป ขออัลลอฮฺตอบแทนครับ


คำตอบโดย อาจารย์ฟารีด เฟ็นดี้

อัลกุรอานคัมภีร์ของอัลลอฮ์ ถูกประทานให้แก่มนุษยชาติโดยผ่านท่านนบีมูฮัมหมัด แต่เพียงผู้เดียว พระองค์อัลลอฮ์ไม่ได้ทรงแต่งตั้งผู้ใดรับวะฮีย์ หรือประทานอัลกุรอานผ่านผู้ใดอีก
ตลอดระยะเวลา 23 ปี ที่พระองค์อัลลอฮ์ได้ให้ญิบรีล ทยอยนำเอาคำของอัลลอฮ์มามอบให้ จนกระทั่ง วันศุกร์ที่ 9 ปีที่ 10 ฮิจเราะห์ศักราช ณ.ทุ่งอะรอฟะห์ เวลาอัศริ พระองค์อัลลอฮ์ได้ทรงประทานอายะห์ต่อไปนี้มาเพื่อยืนยันความครบถ้วนสมบูรณ์ของศาสนาดังนี้

اليوم أكملت لكم دينكم وأتممت عليكم نعمتى ورضيت لكم الاسلام دينا

“วันนี้ ข้าได้ให้ศาสนาครบถ้วนสมบูรณ์แก่พวกเจ้าแล้ว และข้าได้ให้ความเมตตาต่อพวกเจ้าเต็มเปี่ยม และข้าพอใจที่จะให้อิสลามเป็นศาสนาแก่พวกเจ้า” ซูเราะห์อัลมาอิดะห์ อายะห์ที่ 3


พระองค์อัลลอฮ์ได้ทรงยืนยันว่าศาสนาครบสมบูรณ์ แต่มิได้ยืนยันว่าครบสมบูรณ์ด้วยอัลกุรอานเพียงอย่างเดียว หากแต่สมบูรณ์ด้วยอัลกุรอานและซุนนะห์ของท่านนบี
พระองค์อัลลอฮ์ได้ทรงกล่าวว่า

وأنزلنا اليك الدكر لتبين للناس

“และเราได้ประทานข้อเตือน (อัลกุรอาน) แก่เจ้าเพื่อให้เจ้าได้เอาไปสาธยายต่อมวลมนุษย์” ซูเราะห์อัลนะฮล์ อายะห์ที่ 44




ฉะนั้นความครบถ้วนของศาสนานอกจากอัลกุรอานแล้ว ยังต้องยึดซุนนะห์ของท่านนบีด้วย เพราะศาสนาครบสมบูรณ์ด้วย 2 ประการนี้

หากจะถามว่า อัลกุรอานครบไหม ? ขอตอบว่าครบ และครบสมบูรณ์ที่ 6,666 อายะห์ ไม่ใช่ครบสมบูรณ์ที่ 17,000 อายะห์ ตามชีอะห์กล่าวอ้าง ถ้ามากกว่าหกพันกว่าอายะห์นี้ คือส่วนเกิน
แต่ความครบสมบูรณ์ของอัลกุรอานนี้ หมายถึงครบด้วยหลักการ แต่รายละเอียดและวิธีการต้องอาศัยการอธิบายจากซุนนะห์ของท่านนบี เช่นเรื่องละหมาด บวช ซะกาต ฮัจญ์ และอื่นๆ มีหลักการระบุในอัลกุรอานครบถ้วน แต่วิธีการไปต้องไปเอาจากซุนนะห์ของท่านนบี

ถ้าจะถามต่อไปว่า ฮะดีษหรือซุนนะห์ของท่านนบีครบไหม ขอตอบว่า ครบที่ฮะดีษศอเฮียะห์ หรือฮะดีษฮะซัน ส่วนฮะดีษฏออีฟ หรือฮะดีษเมาดั๊วอ์ คือส่วนเกิน

สำหรับผู้ที่อ้างว่ายึดอัลกุรอาน แล้วปฏิเสธฮะดีษศอเฮียะห์นั้น ศาสนาของเขาแห่วง และเขาไม่ได้อยู่ในฐานะของมุสลิม ถ้าเขาตายก็เอาไปวัด หรือไม่ก็จับโยนทะเล ไม่ต้องเอาศพเขามาอาบน้ำ ห่อ ละหมาด แล้วฝังอย่างที่นบีสอน แต่อย่าทำอย่างนี้กับพี่น้องมุสลิม



--------------------------------------------------------------------------------


ศาสนาไม่ใช่เรื่องที่ปฏิบัติกันตามใจ ไม่ใช่ว่าปากบอกว่าเป็นมุสลิม แต่กระทำการปฏิเสธหลักศาสนา แล้วก็จะเป็นมุสลิมต่อไปได้

ถ้าไม่มีความรู้ ไม่เข้าใจเรื่องศาสนา แล้วคิดจะมาแปลความ ตีความ ขยายความศาสนาเอาตามใจแล้วล่ะก็ ก็คงต้องเตรียมรับผิดชอบความผิดพลาดนั้นเองครับ

แล้วอย่าคิดว่ามนุษย์จะไม่มีสิทธิตัดสิน เรื่องเป็นกาเฟรฺหรือไม่ เพราะหลักการศาสนามีอยู่แล้วครับ จะมาอ้างว่ามนุษย์ไม่มีสิทธิตัดสินนั้น ไม่ได้ครับ


และเจ้า(*1*) จงตัดสินระหว่างพวกเขา(*2*)ด้วยสิ่งที่อัลลอฮ์ได้ทรงประทานลงมาเถิด และจงอย่าปฏิบัติตามความใคร่ใฝ่ต่ำของพวกเขา และจงระวังพวกเขา ในการที่พวกเขาจะจูงใจเจ้าให้เขวออกจากบางสิ่ง(*3*) ที่อัลลอฮ์ได้ทรงประทานลงมาแก่เจ้า แล้วถ้าหากพวกเจ้าผินหลังให้ ก็พึงรู้เถิดว่า แท้จริงอัลลอฮ์นั้นเพียงประสงค์จะให้ประสบแก่พวกเขาซึ่งบางส่วนแห่งโทษของพวกเขา(*4*)เท่านั้น และแท้จริง จำนวนมากมายในหมู่มนุษย์นั้นเป็นผู้ละเมิด

อัลลอฮฺได้ประทานการแยกแยะมาแล้ว

“และถ้าหากเจ้าได้ถามพวกเขา(*1*) แน่นอนพวกเขาจะกล่าวว่า แท้จริงพวกเราเป็นเพียงแต่พูดสนุก, พูดเล่น,เท่านั้นจงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) ว่าต่ออัลลอฮ์ และบรรดาโองการของพระองค์และร่อซูลของพระองค์กระนั้นหรือที่พวกท่านเย้ยหยันกัน ?”

พวกท่านอย่าแก้ตัวเลย แท้จริงพวกท่านได้ปฏิเสธศรัทธา(*1*)แล้ว หลังจากการมีศรัทธาของพวกท่าน หากเราจะอภัยโทษให้แก่กลุ่มหนึ่งในหมู่พวกเจ้า(*2*) เราก็จะลงโทษอีกกลุ่มหนึ่ง(*3*)เพราะว่าพวกเขาเป็นผู้กระทำความผิด”










ศาสนาไม่ใช่เรื่องคิดเองเออเองครับ อิสลามไม่ได้ตัดสินตามอำเภอใจ การอ้างว่าปล่อยอัลลอฮฺตัดสิน เอามาอ้างชุ่ยๆ อ้างพล่อยๆ ไม่ได้ ผิดคือผิด ถูกคือถูก ยกเว้นนรกสวรรค์ นั่นแหละครับที่ อัลลอฮฺจะทรงเป็นผู้อนุมัติ เราบอกไม่ได้ใครจะไปไหนแน่

แต่ถ้าเห็นๆ กันอยู่ว่าตกศาสนา จะบอกว่า ยังไม่ตกไม่ได้หรอกครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่