อัลกุรอานและซุนนะฮฺ:เสาหลักแห่งศาสนบัญญัติในอิสลาม
เขียนโดย อ.มัสลัน มาหะมะ
อิสลาม คือ ศาสนาของอัลลอฮฺที่พระองค์ทรงประทานคัมภีร์เล่มสุดท้ายเพื่อสาธยายแก่นของศาสนา พระองค์ยังทรงแต่งตั้งรอซูลคนสุดท้ายเพื่อนำพามวลมนุษย์จากความมืดมนสู่ความชัดแจ้ง และความหลงผิดสู่ทางนำด้วยความประสงค์ของอัลลอฮฺศาสนบัญญัติในอิสลาม คือ ประมวลคำสอนอันประกอบด้วยคำสั่งใช้ คำสั่งห้าม และคำบอกกล่าวที่ประกาศโดยนบีมูฮัมหมัด (ขอความสันติสุขจงมีแด่ท่าน) ผ่านคำวิวรณ์ (วะหฺยู) จากอัลลอฮฺ เพื่อตอบสนองความต้องการตามสัญชาติญานอันดั้งเดิมของมนุษย์ในการกำหนดวิถีชีวิตที่ประสบผลสำเร็จและมีความสุขทั้งโลกนี้และโลกหน้า
ประมวลคำสอนดังกล่าวยังรวมถึงการศรัทธาต่อสิ่งเร้นลับที่พ้นญานวิสัยของมนุษย์ ดังกรณีการศรัทธาในพระเจ้า การศรัทธาต่อมะลาอิกะฮฺ(เหล่าเทวทูต) การใช้ชีวิตในโลกหน้า ประวัติของบรรดานบีในยุคก่อนเป็นต้น
ศาสนบัญญัติในอิสลามไม่ได้จำกัดเพียงภาคปฏิบัติที่เกี่ยวข้องกับศาสตร์ที่ว่าด้วย ฟิกฮฺ(กฎหมายอิสลาม) ไม่เจาะจงเพียงแค่ภาคทฤษฎี และความเชื่อที่เชื่อมโยงกับศาสตร์ที่ว่าด้วยเตาฮีด(หลักเอกภาพในอิสลาม)
และไม่ใช่เป็นคำสอนที่เน้นหนักเฉพาะเรื่องจิตวิญญาณหรือจริยธรรมที่คาบเกี่ยวกับศาสตร์ที่ว่าด้วยศูฟีย์(หลักจริยธรรมและการขัดเกลาจิตใจในอิสลาม) หากเป็นการเชื่อมโยงและผสมผสานระหว่างศาสตร์ต่างๆดังกล่าวอย่างสมดุลและบูรณาการอย่างครบวงจรที่สุด
อัลกุรอานและซุนนะฮฺ จึงเป็นเสาหลัก 2 ประการ ที่ได้รับการคุ้มครองจากอัลลอฮฺ และทั้ง 2 หลักดังกล่าวเป็นแหล่งที่มาของศาสนบัญญัติทั้งปวงในอิสลาม
มุสลิมในทุกยุคทุกสมัยตั้งแต่สมัยนบีมูฮัมหมัด (ขอความสันติสุขจงมีแด่ท่าน) จนถึงปัจจุบันและจวบจนถึงวันกิยามะฮฺ ต่างก็ตระหนักถึงความสำคัญและให้การยอมรับเสาหลัก 2 ประการดังกล่าวด้วยดีตลอดมา
ถึงกระนั้นก็ตาม ประชาชาติมุสลิมในทุกยุคทุกสมัย ก็มิอาจพ้นจากการใส่ไคล้ในเรื่องศาสนาจากกลุ่มเล็กๆ เพียงหยิบมือที่ด้อยทั้งประสบการณ์ และปราศจากความรู้
แต่มีสำนวนโวหารที่แพรวพราวและฉะฉาน โดยที่พวกเขาเชื่อว่าไม่มีความจำเป็นอันใดเลยที่จะต้องพึ่งพาซุนนะฮฺ ลำพังแค่อัลกุรอานก็เพียงพอแล้วสำหรับการเป็นหลักฐานในศาสนบัญญัติ
อัลกุรอ่าน และ ซุนนะฮฺ เสาหลักแห่งอิสลาม
เขียนโดย อ.มัสลัน มาหะมะ
อิสลาม คือ ศาสนาของอัลลอฮฺที่พระองค์ทรงประทานคัมภีร์เล่มสุดท้ายเพื่อสาธยายแก่นของศาสนา พระองค์ยังทรงแต่งตั้งรอซูลคนสุดท้ายเพื่อนำพามวลมนุษย์จากความมืดมนสู่ความชัดแจ้ง และความหลงผิดสู่ทางนำด้วยความประสงค์ของอัลลอฮฺศาสนบัญญัติในอิสลาม คือ ประมวลคำสอนอันประกอบด้วยคำสั่งใช้ คำสั่งห้าม และคำบอกกล่าวที่ประกาศโดยนบีมูฮัมหมัด (ขอความสันติสุขจงมีแด่ท่าน) ผ่านคำวิวรณ์ (วะหฺยู) จากอัลลอฮฺ เพื่อตอบสนองความต้องการตามสัญชาติญานอันดั้งเดิมของมนุษย์ในการกำหนดวิถีชีวิตที่ประสบผลสำเร็จและมีความสุขทั้งโลกนี้และโลกหน้า
ประมวลคำสอนดังกล่าวยังรวมถึงการศรัทธาต่อสิ่งเร้นลับที่พ้นญานวิสัยของมนุษย์ ดังกรณีการศรัทธาในพระเจ้า การศรัทธาต่อมะลาอิกะฮฺ(เหล่าเทวทูต) การใช้ชีวิตในโลกหน้า ประวัติของบรรดานบีในยุคก่อนเป็นต้น
ศาสนบัญญัติในอิสลามไม่ได้จำกัดเพียงภาคปฏิบัติที่เกี่ยวข้องกับศาสตร์ที่ว่าด้วย ฟิกฮฺ(กฎหมายอิสลาม) ไม่เจาะจงเพียงแค่ภาคทฤษฎี และความเชื่อที่เชื่อมโยงกับศาสตร์ที่ว่าด้วยเตาฮีด(หลักเอกภาพในอิสลาม)
และไม่ใช่เป็นคำสอนที่เน้นหนักเฉพาะเรื่องจิตวิญญาณหรือจริยธรรมที่คาบเกี่ยวกับศาสตร์ที่ว่าด้วยศูฟีย์(หลักจริยธรรมและการขัดเกลาจิตใจในอิสลาม) หากเป็นการเชื่อมโยงและผสมผสานระหว่างศาสตร์ต่างๆดังกล่าวอย่างสมดุลและบูรณาการอย่างครบวงจรที่สุด
อัลกุรอานและซุนนะฮฺ จึงเป็นเสาหลัก 2 ประการ ที่ได้รับการคุ้มครองจากอัลลอฮฺ และทั้ง 2 หลักดังกล่าวเป็นแหล่งที่มาของศาสนบัญญัติทั้งปวงในอิสลาม
มุสลิมในทุกยุคทุกสมัยตั้งแต่สมัยนบีมูฮัมหมัด (ขอความสันติสุขจงมีแด่ท่าน) จนถึงปัจจุบันและจวบจนถึงวันกิยามะฮฺ ต่างก็ตระหนักถึงความสำคัญและให้การยอมรับเสาหลัก 2 ประการดังกล่าวด้วยดีตลอดมา
ถึงกระนั้นก็ตาม ประชาชาติมุสลิมในทุกยุคทุกสมัย ก็มิอาจพ้นจากการใส่ไคล้ในเรื่องศาสนาจากกลุ่มเล็กๆ เพียงหยิบมือที่ด้อยทั้งประสบการณ์ และปราศจากความรู้
แต่มีสำนวนโวหารที่แพรวพราวและฉะฉาน โดยที่พวกเขาเชื่อว่าไม่มีความจำเป็นอันใดเลยที่จะต้องพึ่งพาซุนนะฮฺ ลำพังแค่อัลกุรอานก็เพียงพอแล้วสำหรับการเป็นหลักฐานในศาสนบัญญัติ