บทนำ - ตอนล่าสุด
http://my.dek-d.com/thezircon/writer/view.php?id=893020
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
19
วันหยุดสุดสัปดาห์ดูจะผ่านไปเร็วกว่าเคยในความรู้สึกเกตน์สิรี เธอยังไม่หายประหม่าจากเหตุการณ์บนรถคืนนั้น แม้ตอนคุยโทรศัพท์กับจิรายุ เขาจะทำเหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น แต่สายตาวิบวับที่มองเธอตอนถือแก้วกาแฟและแฟ้มเอกสารเข้าไปให้เขาในห้องนี่สิที่ทำเอาลมหายใจหญิงสาวสะดุด เธอวางแก้วและแฟ้มลงบนโต๊ะ กำลังจะหมุนตัวกลับก็ถูกรวบเอวไว้จากข้างหลัง เขาลุกมาจากเก้าอี้เร็วเสียจนเธอตั้งตัวไม่ทัน
“จับได้แล้ว เด็กขี้อาย” จิรายุเอ่ยพลางหมุนตัวหญิงสาวให้หันมาเผชิญหน้ากัน “กลัวอะไรหรือถึงต้องรีบหนี”
“เปล่านี่คะ” เกตน์สิรีอ้อมแอ้มตอบ กระนั้นก็ยังไม่กล้าเงยหน้าสบตาเขาอยู่ดี
“ปากแข็ง” เขากดคางลงกลางกระหม่อมเจ้าหล่อนอย่างมันเขี้ยว
ชายหนุ่มสวมกอดเอวบางไว้หลวมๆ เมื่อเขาไม่ได้ทำอะไรมากกว่านั้น เธอก็อบอุ่นใจบอกไม่ถูก ไม่ได้แข็งขืนกาย
“วันนั้นเกดทำเอาพี่นอนไม่หลับแน่ะรู้ไหม ต้องบึ่งรถไปกินเหล้ากับไอ้ปอ เมาหลับหน้าบ้านมันนั่นแหละ โดนยุงกัดคันคะเยอไปหมด” จิรายุพูดเอาใจ
เขามีวิธีพูดให้ผู้ฟังรู้สึกสำคัญเสมอ ทั้งที่คืนนั้นเขามีหลายเรื่องให้คิดและกำลังสับสน ไม่ใช่ด้วยสาเหตุใดสาเหตุหนึ่ง
“แต่ก็คุ้มล่ะนะ จะขอน้องสาวมันทั้งที” ชายหนุ่มเอ่ยกลั้วหัวเราะ
เกตน์สิรีเงยสบตาอีกฝ่าย แววตาเธอเต็มไปด้วยความกังวล รอฟังว่ารุ่นพี่จะว่าอะไรต่อ หากเขากลับหนีบจมูกเธอราวมันเขี้ยวเด็กเล็กๆ
“ทำตาแบบนี้หมายความว่าไง กลัวปอมันว่าเหรอ”
เธอหวนนึกถึงคำเตือนของอดีตพี่ชายข้างบ้าน เหมือนเขาเพิ่งบอกเพิ่งตักเตือนเธอเมื่อไม่กี่วันก่อน วันเดียวกับที่เธอได้พี่ชายคนเดิมกลับมา หญิงสาวไม่สบายใจเช่นทุกครั้งที่ทำอะไรขัดใจพี่ปอ
จิรายุมองดวงหน้าปริวิตกของคนรัก ก่อนเขาจะปล่อยมือจากเอวบางอย่างอ่อนใจ
“เกดโตแล้วนะคะ ต้องเลิกอยู่ใต้อิทธิพลของไอ้ปอเสียที”
ชายหนุ่มกลับไปนั่งหลังโต๊ะทำงานพลางหยิบแฟ้มงานมาเปิดอ่าน แสดงให้รู้ว่าตนกำลังน้อยใจ พร้อมกับจินตนาการไปว่าเกตน์สิรีกำลังจะเดินอ้อมโต๊ะมาในวินาทีใดวินาทีหนึ่ง บีบไหล่แข็งเกร็งให้เขา เมื่อนั้นเขาจะถือโอกาสรวบร่างอรชรมานั่งตัก จูบสั่งสอนหล่อนให้สมรักเสียที
จิรายุเหลือบมองคนรักยืนงกเงิ่นอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะอ้าปากค้างเมื่อเจ้าหล่อนเปิดประตูออกไป
“อะไรวะนี่” เขาสบถอย่างผิดหวังรุนแรง
..................................
อีเมลงานซึ่งเข้ามามากในช่วงครึ่งวันเช้าผูกมัดเลขาฯ จำเป็นไว้กับเก้าอี้ไม่ให้ลุกไปไหน กว่าจะเงยหน้ามองสิ่งรอบตัว เข็มสั้นของนาฬิกาก็ชี้ยังเลขหนึ่งแล้ว ท้องร้องอุทธรณ์ด้วยตั้งแต่เช้ามีเพียงกาแฟผสมช็อคโกแลตร้อนตกถึงท้องแก้วเดียว
จิรายุลงไปดูงานเมื่อสองชั่วโมงที่แล้ว ป่านนี้ยังไม่กลับขึ้นมา เกตน์สิรีไม่รู้ด้วยซ้ำว่าชายหนุ่มจะกลับเข้ามาอีกไหม เขาไม่ได้บอกเหมือนทุกที อันที่จริง...เขาเพียงเดินผ่านโต๊ะเธอไปเสมือนเธอเป็นอากาศธาตุอย่างไรอย่างนั้น
คิดย้อนไปแล้วเธอก็พลอยอิ่มตื้อขึ้นมา น้ำตาคลอหน่วยด้วยโกรธความอ่อนหัดของตัวเอง รู้ทั้งรู้ว่าพี่แบงค์น้อยใจ แต่เธอกลับเดินหนีออกมา หนี...เหมือนที่เธอทำมาทั้งชีวิต...อย่างคนที่ไม่เคยมั่นใจในตนเอง
หญิงสาวยกทิชชูซับน้ำตา ก่อนจะเดินไปเก็บแฟ้มเอกสารในห้องทำงานรุ่นพี่หนุ่ม แต่แล้วร่างบางก็ต้องชะงักหลังงับประตูห้องปิดลง คนที่เธอห่วงกังวล คิดมากไปต่างๆ นานากำลังยืนคอยพร้อมรอยยิ้มอยู่หน้าโต๊ะเธอ
“หิวจัง ไปทานข้าวกันเถอะน้องเกด” จิรายุชวนพลางลูบท้อง
เกตน์สิรีตามอารมณ์เขาไม่ทันจึงได้แต่ยืนนิ่ง ชายหนุ่มเสียอีกที่ดึงแฟ้มออกจากอ้อมแขนเธอไปวาง แล้วยังหยิบกระเป๋าสะพายไหล่ไปถือให้ ก่อนรุนหลังเธอให้เดินไปด้วยกัน
.................................
รถสปอร์ตหรูพุ่งทะยานออกนอกเส้นทางห่างจากโรงงานออกไปเรื่อยๆ ผ่านห้องแถวร้านอาหาร เลยศูนย์การค้าซึ่งเคยฝากท้องประจำ เกตน์สิรีทนเก็บความสงสัยไว้ไม่ไหว ครั้นเธอเอ่ยถามคนขับ เขากลับหันมายิ้มอย่างมีเลศนัย
ป้ายบอกทางเข้ากรุงเทพฯ ชี้ลงยังเลนที่รถแล่นตรง ก่อนจิรายุจะตีออกทางคู่ขนาน เขาชะลอความเร็วเมื่อเห็นซุ้มโค้งทางเข้าออกของหมู่บ้าน คั่นด้วยป้อมยามตรงกลาง เมื่อเครื่องกีดขวางถูกยกขึ้นจึงได้เลี้ยวเข้าไป
“นี่เรามาหาใครหรือคะ หรือว่ามิสเตอร์เหลียง...”
“ป่านนี้มิสเตอร์เหลียงลอยคออยู่กลางอ่าวไทยแล้วจ้ะ แกมาพักผ่อนของแกเอง ทางเราแค่เป็นธุระเรื่องการเดินทางและที่พักให้”
เกตน์สิรีนิ่งคิดขณะรถเคลื่อนผ่านซอยเข้ามาลึกเข้า กระทั่งชายหนุ่มหยุดจอดยังข้างกำแพงสูงใหญ่ประดับด้วยต้นโมกซึ่งตัดแต่งเป็นแถวเสมอกัน เขากดแตรเบาๆ ทีหนึ่งแล้วประตูรั้วก็ค่อยเปิดออก ชายวัยกลางคนยืนค้อมตัวนอบน้อมอยู่ข้างรั้วนั่นเอง
บ้านสองชั้นหลังใหญ่ปรากฏสู่สายตา จิรายุขับรถอ้อมวงเวียนสวนหย่อมซึ่งตั้งน้ำพุไว้ตรงกลาง ล้อมรอบด้วยพื้นหญ้าและไม้ดัดนานาพันธุ์ ก่อนเขาจะหยุดรถยังหน้าระเบียงบ้านที่มีหลังคายื่นออกมา
หญิงสาวเปิดประตูลงจากรถหลังคนขับดับเครื่องยนต์ แล้วสิ่งที่สงสัยมาตลอดทางก็ได้รับการเฉลย เมื่อสตรีร่างท้วมออกมาต้อนรับ ใบหน้าซึ่งรุ่นพี่ของเธอถอดเค้ามาแย้มยิ้มให้แต่ไกล เกตน์สิรีพนมมือไหว้ทั้งใจหวั่นๆ ตอนเจอกันคราวก่อนนั้น จิรายุต้องประกบมารดาไปส่งถึงรถทีเดียว
ทว่าวันนี้ผู้อาวุโสกลับทำให้เธอแปลกใจไปอีกอย่าง ด้วยการรวบมือที่กระพุ่มไหว้ไปกุมไว้ ก่อนซักถามราวคุ้นเคยกันระดับหนึ่ง
“ยังไม่ได้ทานกลางวันกันใช่ไหม ใช่ๆ ม้าโทรบอกอาแบงค์แล้วนี่นา” ดรุณีสรุปเองเสร็จสรรพพลางเดินนำเข้าบ้าน จูงมือบางไปพร้อมกัน
เกตน์สิรีหันมองชายหนุ่ม ก็เห็นเขาเดินอ้อยอิ่งตามมา
“วันนี้มีราดหน้ากุ้งกับหน่อไม้ทะเล ทานได้ไหม”
“ได้ค่ะ” หญิงสาวตอบพร้อมกับค้อมศีรษะ
สตรีสูงวัยยิ้มกว้างพอใจ กดไหล่อีกฝ่ายให้นั่งถัดจากหัวโต๊ะติดกับตน แล้วจึงชี้ส่งๆ ให้บุตรชายนั่งถัดไป
“ทานก่อนเนอะ แล้วค่อยคุยธุระกัน”
“ดีม้า แบงค์หิวจะแย่”
ผู้เป็นแม่ตวัดค้อนลูกตัวดี ก่อนหันมายิ้มให้คนรักของบุตรชาย เกตน์สิรียิ้มรับเก้อๆ เช่นเดียวกับตั้งรับท่าทีที่เปลี่ยนไปราวพลิกฝ่ามือนี้ไม่ทัน
เส้นขนานสองหัวใจ บทที่ ๑๙
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
19
วันหยุดสุดสัปดาห์ดูจะผ่านไปเร็วกว่าเคยในความรู้สึกเกตน์สิรี เธอยังไม่หายประหม่าจากเหตุการณ์บนรถคืนนั้น แม้ตอนคุยโทรศัพท์กับจิรายุ เขาจะทำเหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น แต่สายตาวิบวับที่มองเธอตอนถือแก้วกาแฟและแฟ้มเอกสารเข้าไปให้เขาในห้องนี่สิที่ทำเอาลมหายใจหญิงสาวสะดุด เธอวางแก้วและแฟ้มลงบนโต๊ะ กำลังจะหมุนตัวกลับก็ถูกรวบเอวไว้จากข้างหลัง เขาลุกมาจากเก้าอี้เร็วเสียจนเธอตั้งตัวไม่ทัน
“จับได้แล้ว เด็กขี้อาย” จิรายุเอ่ยพลางหมุนตัวหญิงสาวให้หันมาเผชิญหน้ากัน “กลัวอะไรหรือถึงต้องรีบหนี”
“เปล่านี่คะ” เกตน์สิรีอ้อมแอ้มตอบ กระนั้นก็ยังไม่กล้าเงยหน้าสบตาเขาอยู่ดี
“ปากแข็ง” เขากดคางลงกลางกระหม่อมเจ้าหล่อนอย่างมันเขี้ยว
ชายหนุ่มสวมกอดเอวบางไว้หลวมๆ เมื่อเขาไม่ได้ทำอะไรมากกว่านั้น เธอก็อบอุ่นใจบอกไม่ถูก ไม่ได้แข็งขืนกาย
“วันนั้นเกดทำเอาพี่นอนไม่หลับแน่ะรู้ไหม ต้องบึ่งรถไปกินเหล้ากับไอ้ปอ เมาหลับหน้าบ้านมันนั่นแหละ โดนยุงกัดคันคะเยอไปหมด” จิรายุพูดเอาใจ
เขามีวิธีพูดให้ผู้ฟังรู้สึกสำคัญเสมอ ทั้งที่คืนนั้นเขามีหลายเรื่องให้คิดและกำลังสับสน ไม่ใช่ด้วยสาเหตุใดสาเหตุหนึ่ง
“แต่ก็คุ้มล่ะนะ จะขอน้องสาวมันทั้งที” ชายหนุ่มเอ่ยกลั้วหัวเราะ
เกตน์สิรีเงยสบตาอีกฝ่าย แววตาเธอเต็มไปด้วยความกังวล รอฟังว่ารุ่นพี่จะว่าอะไรต่อ หากเขากลับหนีบจมูกเธอราวมันเขี้ยวเด็กเล็กๆ
“ทำตาแบบนี้หมายความว่าไง กลัวปอมันว่าเหรอ”
เธอหวนนึกถึงคำเตือนของอดีตพี่ชายข้างบ้าน เหมือนเขาเพิ่งบอกเพิ่งตักเตือนเธอเมื่อไม่กี่วันก่อน วันเดียวกับที่เธอได้พี่ชายคนเดิมกลับมา หญิงสาวไม่สบายใจเช่นทุกครั้งที่ทำอะไรขัดใจพี่ปอ
จิรายุมองดวงหน้าปริวิตกของคนรัก ก่อนเขาจะปล่อยมือจากเอวบางอย่างอ่อนใจ
“เกดโตแล้วนะคะ ต้องเลิกอยู่ใต้อิทธิพลของไอ้ปอเสียที”
ชายหนุ่มกลับไปนั่งหลังโต๊ะทำงานพลางหยิบแฟ้มงานมาเปิดอ่าน แสดงให้รู้ว่าตนกำลังน้อยใจ พร้อมกับจินตนาการไปว่าเกตน์สิรีกำลังจะเดินอ้อมโต๊ะมาในวินาทีใดวินาทีหนึ่ง บีบไหล่แข็งเกร็งให้เขา เมื่อนั้นเขาจะถือโอกาสรวบร่างอรชรมานั่งตัก จูบสั่งสอนหล่อนให้สมรักเสียที
จิรายุเหลือบมองคนรักยืนงกเงิ่นอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะอ้าปากค้างเมื่อเจ้าหล่อนเปิดประตูออกไป
“อะไรวะนี่” เขาสบถอย่างผิดหวังรุนแรง
..................................
อีเมลงานซึ่งเข้ามามากในช่วงครึ่งวันเช้าผูกมัดเลขาฯ จำเป็นไว้กับเก้าอี้ไม่ให้ลุกไปไหน กว่าจะเงยหน้ามองสิ่งรอบตัว เข็มสั้นของนาฬิกาก็ชี้ยังเลขหนึ่งแล้ว ท้องร้องอุทธรณ์ด้วยตั้งแต่เช้ามีเพียงกาแฟผสมช็อคโกแลตร้อนตกถึงท้องแก้วเดียว
จิรายุลงไปดูงานเมื่อสองชั่วโมงที่แล้ว ป่านนี้ยังไม่กลับขึ้นมา เกตน์สิรีไม่รู้ด้วยซ้ำว่าชายหนุ่มจะกลับเข้ามาอีกไหม เขาไม่ได้บอกเหมือนทุกที อันที่จริง...เขาเพียงเดินผ่านโต๊ะเธอไปเสมือนเธอเป็นอากาศธาตุอย่างไรอย่างนั้น
คิดย้อนไปแล้วเธอก็พลอยอิ่มตื้อขึ้นมา น้ำตาคลอหน่วยด้วยโกรธความอ่อนหัดของตัวเอง รู้ทั้งรู้ว่าพี่แบงค์น้อยใจ แต่เธอกลับเดินหนีออกมา หนี...เหมือนที่เธอทำมาทั้งชีวิต...อย่างคนที่ไม่เคยมั่นใจในตนเอง
หญิงสาวยกทิชชูซับน้ำตา ก่อนจะเดินไปเก็บแฟ้มเอกสารในห้องทำงานรุ่นพี่หนุ่ม แต่แล้วร่างบางก็ต้องชะงักหลังงับประตูห้องปิดลง คนที่เธอห่วงกังวล คิดมากไปต่างๆ นานากำลังยืนคอยพร้อมรอยยิ้มอยู่หน้าโต๊ะเธอ
“หิวจัง ไปทานข้าวกันเถอะน้องเกด” จิรายุชวนพลางลูบท้อง
เกตน์สิรีตามอารมณ์เขาไม่ทันจึงได้แต่ยืนนิ่ง ชายหนุ่มเสียอีกที่ดึงแฟ้มออกจากอ้อมแขนเธอไปวาง แล้วยังหยิบกระเป๋าสะพายไหล่ไปถือให้ ก่อนรุนหลังเธอให้เดินไปด้วยกัน
.................................
รถสปอร์ตหรูพุ่งทะยานออกนอกเส้นทางห่างจากโรงงานออกไปเรื่อยๆ ผ่านห้องแถวร้านอาหาร เลยศูนย์การค้าซึ่งเคยฝากท้องประจำ เกตน์สิรีทนเก็บความสงสัยไว้ไม่ไหว ครั้นเธอเอ่ยถามคนขับ เขากลับหันมายิ้มอย่างมีเลศนัย
ป้ายบอกทางเข้ากรุงเทพฯ ชี้ลงยังเลนที่รถแล่นตรง ก่อนจิรายุจะตีออกทางคู่ขนาน เขาชะลอความเร็วเมื่อเห็นซุ้มโค้งทางเข้าออกของหมู่บ้าน คั่นด้วยป้อมยามตรงกลาง เมื่อเครื่องกีดขวางถูกยกขึ้นจึงได้เลี้ยวเข้าไป
“นี่เรามาหาใครหรือคะ หรือว่ามิสเตอร์เหลียง...”
“ป่านนี้มิสเตอร์เหลียงลอยคออยู่กลางอ่าวไทยแล้วจ้ะ แกมาพักผ่อนของแกเอง ทางเราแค่เป็นธุระเรื่องการเดินทางและที่พักให้”
เกตน์สิรีนิ่งคิดขณะรถเคลื่อนผ่านซอยเข้ามาลึกเข้า กระทั่งชายหนุ่มหยุดจอดยังข้างกำแพงสูงใหญ่ประดับด้วยต้นโมกซึ่งตัดแต่งเป็นแถวเสมอกัน เขากดแตรเบาๆ ทีหนึ่งแล้วประตูรั้วก็ค่อยเปิดออก ชายวัยกลางคนยืนค้อมตัวนอบน้อมอยู่ข้างรั้วนั่นเอง
บ้านสองชั้นหลังใหญ่ปรากฏสู่สายตา จิรายุขับรถอ้อมวงเวียนสวนหย่อมซึ่งตั้งน้ำพุไว้ตรงกลาง ล้อมรอบด้วยพื้นหญ้าและไม้ดัดนานาพันธุ์ ก่อนเขาจะหยุดรถยังหน้าระเบียงบ้านที่มีหลังคายื่นออกมา
หญิงสาวเปิดประตูลงจากรถหลังคนขับดับเครื่องยนต์ แล้วสิ่งที่สงสัยมาตลอดทางก็ได้รับการเฉลย เมื่อสตรีร่างท้วมออกมาต้อนรับ ใบหน้าซึ่งรุ่นพี่ของเธอถอดเค้ามาแย้มยิ้มให้แต่ไกล เกตน์สิรีพนมมือไหว้ทั้งใจหวั่นๆ ตอนเจอกันคราวก่อนนั้น จิรายุต้องประกบมารดาไปส่งถึงรถทีเดียว
ทว่าวันนี้ผู้อาวุโสกลับทำให้เธอแปลกใจไปอีกอย่าง ด้วยการรวบมือที่กระพุ่มไหว้ไปกุมไว้ ก่อนซักถามราวคุ้นเคยกันระดับหนึ่ง
“ยังไม่ได้ทานกลางวันกันใช่ไหม ใช่ๆ ม้าโทรบอกอาแบงค์แล้วนี่นา” ดรุณีสรุปเองเสร็จสรรพพลางเดินนำเข้าบ้าน จูงมือบางไปพร้อมกัน
เกตน์สิรีหันมองชายหนุ่ม ก็เห็นเขาเดินอ้อยอิ่งตามมา
“วันนี้มีราดหน้ากุ้งกับหน่อไม้ทะเล ทานได้ไหม”
“ได้ค่ะ” หญิงสาวตอบพร้อมกับค้อมศีรษะ
สตรีสูงวัยยิ้มกว้างพอใจ กดไหล่อีกฝ่ายให้นั่งถัดจากหัวโต๊ะติดกับตน แล้วจึงชี้ส่งๆ ให้บุตรชายนั่งถัดไป
“ทานก่อนเนอะ แล้วค่อยคุยธุระกัน”
“ดีม้า แบงค์หิวจะแย่”
ผู้เป็นแม่ตวัดค้อนลูกตัวดี ก่อนหันมายิ้มให้คนรักของบุตรชาย เกตน์สิรียิ้มรับเก้อๆ เช่นเดียวกับตั้งรับท่าทีที่เปลี่ยนไปราวพลิกฝ่ามือนี้ไม่ทัน