* ม่านรักเหนือดาว * บทที่ 21

กระทู้สนทนา
ดาวสูงเสียดฟ้าที่เคยถูกเหยียบจนมิดดิน

กลับต้องมาพบกับคนใจร้ายหน้าเดิมๆใต้ม่านละครเรื่องใหม่

จึงเป็นหน้าที่ของ ‘เจ้าชาย’ ที่จะพาเธอกลับไปเปล่งประกายให้เป็นดาวที่อยู่ ‘เหนือดาว’ สมดังชื่ออีกครั้ง!




บทที่ 21

    ดวงตาคู่สวยนิ่งสนิทไร้แวววับ ภาพถ่ายของบุริศกำลังยืนสนทนาอยู่กับกลุ่มชายหนวดเฟิ้มท่าทางไม่น่าไว้วางใจแม้แต่น้อยและข้อมูลรอบการขนยาเสพติดเข้าไทยที่เพิ่งประจักษ์แก่สายตาทำให้คนเพิ่งรับรู้ข้อมูลตัวชาดิก เมื่อพลิกไปหน้าก่อนนั้นก็พบกับประวัติอาชญากรรมอันยาวเหยียดของบุริศเมื่อครั้งอยู่ยุโรป ไม่ว่าจะทั้งเล่นยา อันธพาล ทำตัวเป็นหัวหน้ามาเฟีย ทำร้ายร่างกายและอีกมากมาย... ก็ยิ่งทำให้เหนือดาวรู้สึกหนาววาบเหมือนโดนน้ำเย็นจัดสาดหน้า สมองครุ่นคิดไปถึงการกระทำที่ผ่านมาของชายหนุ่มหน้าใสใจทรามแล้วเหมือนมีก้อนหนืดๆติดขวางลำคอไว้จนแทบพูดไม่ออก ถึงว่า... บุริศนั้นทำท่าอยากจะรู้จักเธอนักหนา ดีเท่าไรแล้วที่เธอไม่ถลำตัวคุยกับเขามากไปกว่านี้ด้วยความที่เขาเป็นฝ่ายตรงข้ามของปิลันธน์

    “คุณพ่อของพี่ปริ๊นซ์... รู้เรื่องนี้หรือยังคะ”

    เธอถามขึ้นอย่างรู้ทันทีว่าเรื่องนี้ต้องมีผลต่อการซื้อขายโรงละครอย่างแน่นอน

    “คงต้องรออาการของแม่ให้ดีขึ้นกว่านี้หน่อย ตอนนี้ท่านคงไม่คิดอยากฟังอะไรนัก”

    “สรุปมันคืออุบัติเหตุหรือแผนการของฝ่ายนู้นกัน ในเมื่อคุณแม่ของพี่ปริ๊นซ์รู้เรื่องนี้”

    คนถูกถามนิ่งชะงัก ผ่อนความเครียดออกมาในรูปแบบของลมหายใจ
    
    “ตอนนี้ตำรวจยังดูที่เกิดเหตุอยู่ เพราะจู่ๆกระจกทั่งบานก็ล้มลงมาทับแม่ ตรงนั้นมันมืดๆเลยสันนิษฐานกันว่าอาจจะเป็นเพราะแม่สะดุดเอง ไม่ก็ฝีมือบุริศ แต่พี่คิดว่าเขายังไม่น่าจะรู้ว่าพี่ส่งนักสืบขึ้นไปตามก็เลยมีเปอร์เซ็นต์ว่าอาจจะไม่ใช่ก็เป็นได้”

    บุคคลที่สามที่เพิ่งเข้ามาแทรกด้วยน้ำเสียงเกรงๆ “พอดีไฟในออฟฟิศส่วนนั้นเพิ่งเสียเมื่อตอนหัววันนี้เองครับ ส่วนนั้นคือส่วนที่เก็บเอกสารสำคัญมากเอาไว้ คาดว่าคุณรฐาคงจะเข้าไปเก็บเอกสารนี้ แล้วกระจกก็ล้มมาแตกทับ”

    “แต่ถ้าเป็นฝีมือฝ่ายนั้น... เขาน่าจะเก็บซองนี้ไปทำลายนะคะ”

    เหนือดาวพูดอย่างคนเข้าใจอะไรรวดเร็ว แม้เรื่องของบุริศจะยังทำให้เธออึ้ง แต่มันก็ไม่สามารถขัดขวางระบบความคิดวิเคราะห์ของเธอได้เลยแม้แต่น้อย

    “อย่าหาว่าเหนืออคติ แต่นี่ก็อาจจะเป็นฝีมือของรัญก็ได้ รายนั้นยิ่งร้ายออกนอกหน้า แต่เบื้องหลังความร้ายนั้นอาจจะมาจากพวกเครือเดอะมิวสิสช่วยวางแผนอีกที อันนี้ก็เป็นไปได้เหมือนกัน”

    “แต่ถึงจะเป็นฝีมือใคร... เหนือก็อย่าเข้าไปยุ่งเด็ดขาด”

    คนถูกห้ามมองทันควัน ก่อนมือใหญ่กว่านั้นจะแตะเบาๆเข้าที่บ่าเล็กของเธอ

    “พี่ไม่อยากให้เหนือต้องเป็นอะไรไปอีกคน”
    
    เสียงเบานั้นสามารถสะท้อนความรู้สึกในใจ ดวงตาเรียวคมที่จับจ้องเธอในตอนนี้หมายสื่อเป็นห่วงจากใจจริง ทำเอาคนถูกมองเริ่มทำหน้าไม่ถูก แต่ก็พยักหน้าตามไปก่อน

    “ลืมบอกไปครับ คุณนภดลอยากให้คุณปริ๊นซ์กลับไปเฝ้าคุณแม่ต่อด้วย”

    คำพูดนั้นของลูกน้องมารดาปิลันธน์ทำให้เหนือดาวว่าตัวเองเป็นส่วนเกินอย่างไม่ถูกเวลา จึงได้แต่โค้งเป็นเชิงขอโทษกับเขา แล้วหันไปกล่าวกับปิลันธน์

    “ถ้าอย่างนั้น... คุณแม่พี่ปริ๊นซ์จะไม่เป็นอะไรแน่ใช่ไหมคะ”

    “ก็คงไม่ถึงชีวิตอย่างที่คุณหมอว่าเอาไว้”

    คนถามพยักหน้ารับรู้ ก่อนบอกทั้งสองคน

    “ถ้ายังไงเหนือขอกลับก่อนดีกว่าค่ะ”

    “ไม่ทราบว่าคุณเหนือดาวมาที่นี่ยังไง ถ้าไม่รังเกียจให้ผมไปส่งไหมครับ” ลูกน้องคนสนิทนั้นอาสาตัวด้วยรอยยิ้มจางๆอย่างหยิบยื่นความเป็นมิตร

    “เหนือมาเองค่ะ ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณมากจริงๆ” แล้วเธอก็เบือนสายตาไปทางชายหนุ่มอีกคนที่ยืนนิ่ง มือนั้นเอื้อมไปแตะบ่าคนสูงกว่า ดวงตาเขาบัดนี้ฉายแววขอบคุณชัดเจน

    “ขอให้คุณแม่พี่ปริ๊นซ์หายไวๆค่ะ ถ้าท่านปลอดภัยแล้วอย่าลืมโทรมาบอก เหนือจะรอฟังข่าวดี”

    “กลับบ้านดีๆนะ ถึงบ้านแล้วโทรมาบอกด้วย”

    มีเพียงรอยยิ้มจางๆอย่างยังแฝงกังวลอยู่บนใบหน้าสวย ก่อนเหนือดาวจะเปิดประตูบันไดหนีไฟออกไป หัวใจนั้นได้แต่ภาวนาให้ทุกอย่างดีขึ้นในเร็ววัน




    “ทีมงานบอกว่าแกผลุนผลันตามพี่ปริ๊นซ์ออกไปเลย สรุปว่าคุณน้าฐาเขาเป็นไงบ้าง”

    เข็มนาฬิกาชี้ว่าล่วงเข้าวันใหม่แล้วเรียบร้อย แต่ไฟในห้องนอนเหนือดาวยังคงสว่างโร่เพราะมีแขกกลางดึกกะทันหันหลังจากที่เธอเพิ่งกลับมาถึงบ้าน คำเรียกของมานิตย์ถึงมารดาของปิลันธน์นั้นแสดงชัดเจนว่าทั้งสองคงเคยพบและพูดคุยกันในระดับหนึ่ง หากเธอก็ยังแปลกใจถึงที่มาที่ไปไม่น้อยจนต้องรีบทำการสอบสวนโดยด่วน

    “ก็ไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต แล้วนี่ทำไมแกถึงเรียกแม่เขาอย่างนั้น แกเคยเจอท่านใช่มั้ย แล้วอย่างวันก่อนที่แกมีเรื่องคุยกับพี่ปริ๊นซ์มันมีเรื่องอะไร”

    “หึงเหรอชะนี แต่ก็ไม่แน่ พี่ปริ๊นซ์เขาอาจจะชอบทางข้างหลังแบบฉันก็เป็นได้”

    “แม้น ซีเรียส!”

    “โอเค ซีเรียสก็ได้ หน้าตาแบบนี้... แกไปรู้อะไรเด็ดๆมาใช่ไหม” มานิตย์เอานิ้วลูบคางไปมาด้วยท่าทางราวนักสืบ

    “ก็เรื่องไอ้คุณบุริศค้ายา กับเรื่องที่กระจกทับแม่พี่ปริ๊นซ์เพราะข้อมูลเรื่องการค้ายานี้อยู่ในมือท่านพอดี ฉันก็เลยคิดว่าอาจจะเป็นฝีมือของ... ไม่บุริศก็รัญ ไม่ก็เดอะมิวสิส ไม่น่าจะใช่อุบัติเหตุธรรมดา”

    “ป๊าด! ญาติฉันนี่มันอัจริยะข้ามคืนเหรอเนี่ย นี่ฉันอุตส่าห์ปิดแกเอาไว้ แล้วแกไปทำอีท่าไหนมาฮะถึงรู้!”

    แล้วเสียงแหวลั่นจากหญิงสาวที่แทบจะไม่เคยตะโกนมาก่อนก็ดังขึ้นจนคนโหวกเหวกเป็นนิสัยถึงกับต้องอุดหูโดยพลัน

    “ว่าไงนะ! นี่แกรู้เรื่องแบบนี้แล้วแกปิดฉันเหรอแม้น! ทำไมทำอะไรไม่เห็นบอกกันฮะ! สืบคนเดียว... ไม่สิ รวมหัวกับพี่ปริ๊นซ์มันไม่อันตรายหรือไง! นี่คุณแม่เขาก็เป็นแบบนี้ไปคนแล้วแล้วถ้าเกิดแกหรือพี่ปริ๊นซ์เป็นอะไรขึ้นมาจะทำยังไง ปรึกษากันหลายหัวหน่อย! อย่าเห็นฉันเป็นหัวหลักหัวตอ”

    แล้วมานิตย์ที่ไม่เคยคาดว่าจะโดนจัดชุดหนักจากเหนือดาวก็กะพริบตาปริบๆ รีบเอ่ยสาเหตุแท้จริงของการปิดเรื่องการสืบเอาไว้ มั่นใจว่ามันจะปิดปากเหนือดาวไม่ให้ต้องโวยวายได้อีก

    “ก็พี่ปริ๊นซ์เขาเป็นห่วงแก จบป่ะ”

    คำพูดนั้นได้ผลดังที่คาดการณ์เอาไว้ เมื่อเหนือดาวเงียบกริบแล้วถามต่อเสียงอ้อมแอ้มๆ

    “นี่แกจ้างนักสืบสำนักงานไหนมา”

    “สำนักไหนก็ช่างเหอะ”

    “เอางี้ ฉันขอจ้างด้วยอีกคนเลย เอาแบบไว้ใจได้ เท่าไรไม่อั้น ไปสืบมาทีว่าอุบัติเหตุของคุณแม่พี่ปริ๊นซ์เป็นการจงใจหรือเปล่า แล้วก็เรื่องที่ฉันเคยเกือบถูกข่มขืนน่ะ ฝากบอกด้วยเลยว่าหาหลักฐานมาให้พร้อม พวกกล้องวงจรปิดหรืออะไรงี้ให้เอามาให้หมด ฉันว่าจะเล่นงานฝ่ายนั้นให้หมดแล้ว ตอนนี้ยังแจ้งตำรวจไม่ได้เพราะเดี๋ยวพวกนั้นไหวตัวทัน”

    “เออฉลาด เดี๋ยวจัดให้”

    “ขอบคุณมาก”

    เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ดังขึ้นขัดจังหวะการสนทนา หน้าจอปรากฏชื่อใครคนนั้นที่ทำให้ใจหวั่นไหว เมื่อรับแล้วปลายเสียงนุ่มหูก็ดังมาให้ได้ยิน

    “ถึงบ้านหรือยัง”

    “ถึงแล้วค่ะ แล้วคุณแม่พี่ปริ๊นซ์?”

    “แม่พี่ปลอดภัยแล้ว”

    รอยยิ้มกว้างปรากฏขึ้นบนใบหน้าหญิงสาว ดีใจราวกับเป็นเรื่องของตนเอง

    “ยินดีด้วยนะ”

    “ขอบคุณมากๆ”

    “ไม่เป็นไรค่ะ พี่ปริ๊นซ์ก็พักผ่อนเยอะๆนะ”

    “ฝันดีนะ” คำนั้นของปิลันธน์ทำเอาคนฟังกะพริบตาปริบๆ ไม่คิดว่าคำสั้นๆง่ายๆจะมีอิทธิพลต่อหัวใจเธอไม่เบาทีเดียว ปากก็ว่าตอบไปอย่างเก้ๆกังๆ

    “ค่ะ เช่นกัน”

    ปลายสายวางไปแล้วเรียบร้อย เหนือดาวหันกลับมาสบตามานิตย์หรี่ตามอง มั่นใจกับตัวเองว่ามองไม่ผิดที่ตาของญาตินั้นดูหวานเชื่อมและแฝงนัยน์หยอกล้อยิ่งกว่าทุกครั้ง

    “คุยกันแค่นี้เอง... ไม่น่าลุ้นเลย” คนสังเกตการณ์เอ่ยราวผิดหวังเต็มประดา “ว่าแต่เป็นไงล่ะ เรื่องแกกับเขา ยังจะเอาเรื่องยายไปคิดอีกไหม”

    “ก็ไม่รู้ แต่ฉันไม่อยากจะคิดอะไรมากมายแล้ว ทุกวันนี้ยุ่งกันมามากพอ ถ้ามัวแต่เอาเรื่องยายมาเก็บไว้... ฉันว่าฉันคงทำงานได้ไม่เต็มที่ แล้วก็คงจัดการอะไรได้ไม่ดีเท่าใดนัก”

    แม้ว่าเรื่องคุณยายจะยังคงเป็นอุปสรรคอันดับหนึ่งในตอนนี้ แต่เหนือดาวก็รู้แล้วว่าไม่มีประโยชน์อันใดที่จะทุกข์ใจกับอดีตอันไม่มีทางที่จะแก้ไขได้ ในเมื่อสิ่งที่สำคัญกว่าก็คือการทำวันนี้ให้ดีที่สุด

    พลันรอยยิ้มอย่างกึ่งยินดีกึ่งหมั่นไส้ก็ฉายชัดบนใบหน้ามานิตย์ ก่อนเธอจะเอ่ยคำที่ทำให้แต่เหนือดาวเข่นเขี้ยว

    “ถ้าคิดได้แบบนี้แต่แรก แกได้สอยพี่ปริ๊นซ์ไปนานแล้วไอ้เหนือ”


แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่