สรรพสิ่งก่อตัวขึ้นจากมหาภูติ คือธาติทั้งสี่ ซึงนักวิทยาศาสตร์เรียกว่าอนุภาค(เล็กกว่าอะตอม)
สรรพสิ่งเกิดจากการรวมตัวกันของธาตุทั้งสี่ คือเกิดการสัมพัทธ์ทางพลังงาน จึงเกิดเป็นสิ่งต่างๆเกิดขึ้น รวมทั้งที่เกิดเป็นตัวเราโดยความเป็นธาตุมันคือการรวมกันของอนุภาค
สูตร E=mcc(c ยกกำลังสอง) แสดงความสัมพันธ์ ระหว่างพลังงาน ที่เกิดเป็นมวลสาร
ปริมาณของพลังงาน มีความสัมพันธ์กับ ความเร็วของมวลสาร ดังนั้นสมุติฐานของเรื่องนี้ จึงมีแต่พลังงานกับมวลสารเท่านั้น...ไม่มีความเป็นสัตว์, เป็นคน,เป็นภูเขา,เป็นทะเล ฯลฯ เพราะสถานะที่แท้จริงของมันคือ การรวมกันอยู่ธาตุทั้งสี่เท่านั้น แต่อยู่ในรูปแบบที่แตกต่างกัน
แต่การทำงานของจิต ซึ่งคือพลังงานของจักรวาลยังมีพิศดารมากกว่าที่นักวิทยาศาสตร์รู้จัก แต่อาจจะอธิบายได้ด้วยทฤษฏีควันตั้ม
คือจิตเร็วกว่าแสง หรือจิตไม่มีความเร็ว แต่การสัมพัทธ์ทางพลังงานทำให้เราคิดว่าจิตมีความเร็ว หรือมันเร็วมากจนวัดค่าไม่ได้
.............นิพพานคือจิต แท้จริงมันนิ่งอยู่กับที่ แต่การทำให้มันเคลื่อนที่ มันจึงแสดงอาการ อาการที่มันแสดงในตัวเราจึงเกิด
ความรู้สึกของเรา การที่มันเคลื่อนที่มันจึงเกิดเป็นอาการ แต่ถ้ามันหยุดนิ่งมันจะไม่แสดงอาการ นั่นคือนิพพาน จึงอาจจะอธิบาย
จักรวาลในแง่นี้ได้ว่า ถ้ามันหยุดเคลื่อนที่มันจะไม่มีรูปเกิดอยู่คือไม่มีตัวตน เช่นเดียวกับความรู้สึกของเรา ถ้าเราให้มันเคลื่อนที่
คือปรุงแต่งมันอยู่ มันจะขยายตัวไปเรื่อยๆไม่มีที่สิ้นสุด แต่ถ้าเราทำให้มันหยุดมันจะไม่มีรูปหรือไม่มีตัวตนเกิดอยู่ ดังนั้นนิพพานคือหยุด
หยุดแสดงอาการ หยุดการเคลื่อนที่ มันจึงจะเกิดเป็นความว่างเปล่า คือไม่มีอะไรเกิดอยู่.
ไอน์สไตน์เอาหลักศาสตร์พุทธไปสร้างทฤษฏีสัมพัทธภาพ
สรรพสิ่งเกิดจากการรวมตัวกันของธาตุทั้งสี่ คือเกิดการสัมพัทธ์ทางพลังงาน จึงเกิดเป็นสิ่งต่างๆเกิดขึ้น รวมทั้งที่เกิดเป็นตัวเราโดยความเป็นธาตุมันคือการรวมกันของอนุภาค
สูตร E=mcc(c ยกกำลังสอง) แสดงความสัมพันธ์ ระหว่างพลังงาน ที่เกิดเป็นมวลสาร
ปริมาณของพลังงาน มีความสัมพันธ์กับ ความเร็วของมวลสาร ดังนั้นสมุติฐานของเรื่องนี้ จึงมีแต่พลังงานกับมวลสารเท่านั้น...ไม่มีความเป็นสัตว์, เป็นคน,เป็นภูเขา,เป็นทะเล ฯลฯ เพราะสถานะที่แท้จริงของมันคือ การรวมกันอยู่ธาตุทั้งสี่เท่านั้น แต่อยู่ในรูปแบบที่แตกต่างกัน
แต่การทำงานของจิต ซึ่งคือพลังงานของจักรวาลยังมีพิศดารมากกว่าที่นักวิทยาศาสตร์รู้จัก แต่อาจจะอธิบายได้ด้วยทฤษฏีควันตั้ม
คือจิตเร็วกว่าแสง หรือจิตไม่มีความเร็ว แต่การสัมพัทธ์ทางพลังงานทำให้เราคิดว่าจิตมีความเร็ว หรือมันเร็วมากจนวัดค่าไม่ได้
.............นิพพานคือจิต แท้จริงมันนิ่งอยู่กับที่ แต่การทำให้มันเคลื่อนที่ มันจึงแสดงอาการ อาการที่มันแสดงในตัวเราจึงเกิด
ความรู้สึกของเรา การที่มันเคลื่อนที่มันจึงเกิดเป็นอาการ แต่ถ้ามันหยุดนิ่งมันจะไม่แสดงอาการ นั่นคือนิพพาน จึงอาจจะอธิบาย
จักรวาลในแง่นี้ได้ว่า ถ้ามันหยุดเคลื่อนที่มันจะไม่มีรูปเกิดอยู่คือไม่มีตัวตน เช่นเดียวกับความรู้สึกของเรา ถ้าเราให้มันเคลื่อนที่
คือปรุงแต่งมันอยู่ มันจะขยายตัวไปเรื่อยๆไม่มีที่สิ้นสุด แต่ถ้าเราทำให้มันหยุดมันจะไม่มีรูปหรือไม่มีตัวตนเกิดอยู่ ดังนั้นนิพพานคือหยุด
หยุดแสดงอาการ หยุดการเคลื่อนที่ มันจึงจะเกิดเป็นความว่างเปล่า คือไม่มีอะไรเกิดอยู่.