ถามตำรวจที่ทำงานอย่างสุจริต: คุณรู้สึกอย่างไรเวลาพบเห็นหรือรับรู้ว่าเพื่อนตำรวจของคุณทำสิ่งที่ไม่สุจริต?

คุณรู้สึกท้อแท้ ผิดหวังหรือไม่ถ้าพบว่าลูกน้อง เพื่อน หรือแม้กระทั่งเจ้านายของคุณทำสิ่งที่ขัดต่อกฏหมายหรือจิตสำนึกของคุณ? คุณปิดตาทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น หรือห้ามปรามว่ากล่าวตักเตือน สิ่งเหล่านี้มีผลต่อจิตใจในการทำงานของคุณมากน้อยเพียงใดครับ?
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 9
ดีใจครับที่มีคนตั้งกระทู้นี้ขึ้นมา
และดีใจยิ่งกว่าที่เจ้าของกระทู้ตั้งชื่อโดยใช้คำระดับนี้

หากตั้งว่า "ถามตำรวจที่ดี: คุณรู้สึกอย่างไรเวลาพบเห็นหรือรับรู้ว่าเพื่อนตำรวจของคุณเป็นตำรวจเลว?"

ผมคงไม่กล้าตอบกระทู้นี้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

.............................
แต่เจ้าของกระทู้ตั้งชื่อกระทู้ว่า "ถามตำรวจที่ทำงานอย่างสุจริต: คุณรู้สึกอย่างไรเวลาพบเห็นหรือรับรู้ว่าเพื่อนตำรวจของคุณทำสิ่งที่ไม่สุจริต?"
ผมเลยกล้าที่จะตอบครับ เพราะผมมั่นใจว่า  ตลอดระยะเวลาการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจชั้นผู้น้อยคนนี้นั้น
ได้ปฏิบัติหน้าที่อย่างสุจริตเสมอมา  ( อิอิ ยอตัวเองมั่ง อย่าว่ากันครับ )

คำถาม รู้สึกอย่างไรเวลาพบเห็นหรือรับรู้ว่าเพื่อนตำรวจคนอื่นทำสิ่งที่ไม่สุจริต

ตอบ ผมขอยกตัวอย่างประสบการณ์หนึ่งที่ผมเคยพบมากับตัวเองนะครับ
( ขออนุญาตดัดแปลงเนื้อหานิดนึงนะครับ หวังว่าคงเข้าใจเหตุผล )
...ปีแรกที่ผมมาบรรจุในพื้นที่ใหม่ๆ  ผมและเพื่อนๆ ก็ถูกจัดสรรให้ไปอยู่ ชุดปฏิบัติการสายตรวจ  แบ่งๆ กันไป
ในแต่ละ ชป. ก็จะมีนายตำรวจระดับสัญญาบัตรหนึ่งนาย  รุ่นพี่  และรุ่นน้องคละๆ กัน  ประมาณ ชป. ละ 8 - 10 นาย
เพราะเป็นพื้นที่เสี่ยง  และในการปฏิบัติหน้าที่แต่ละผลัดนั้น  ก็จะมีทั้ง รปภ.คณะครู  ลาดตระเวณเส้นทาง และตั้งจุดตรวจ จุดสกัด
ป้องกันและเฝ้าระวังพื้นที่ ( คนละแบบกับตั้งด่านกวดขันวินัยจราจรนะครับ )

และที่ผมจะเล่าก็คือ การตั้งด่านี่แหละครับ  ขออนุญาตอธิบายให้เห็นภาพก่อนนะครับ
ว่าการตั้งด่านของเรานั้น  จะแบ่งกำลังเป็นสองส่วนหลัก

คือส่วนตรวจค้น  และส่วนระวังป้องกัน ( ชุด cover )  เช่น กำหนดจุดสมมุติบนถนน 3 จุด ห่างกันจุดละ 100 หรือ 200 เมตร ตามสภาพพื้นที่
จุด A และจุด C จะเป็นชุด cover  และจุด b จะอยู่ตรงกลางเป็นจุดตรวจค้น  ( วางกำลังเป็นรูปปีกกา )
คือมีชุด cover อยู่ก่อนถึงด่าน และหลังจากด่านด้วย  โดยจะใช้วิธีซุ่มนะครับ  ผู้ใช้ถนนจะไม่เห็นถ้าไม่สังเกตดีๆ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้


...
วันที่เกิดเหตุการณ์  ผมและรุ่นพี่อีกคนเป็นชุด cover ครับ  ตอนนั้นประมาณสี่ทุ่มกว่าๆ
เราทั้งสองสังเกตุเห็นชายคนหนึ่ง  อายุราวๆสามสิบกว่าปี ขับรถผ่านจุดที่เราประจำอยู่ไปทางด่าน
และได้ทำการกลับรถและเร่งเครื่องหนีไปทางเดิม

ผมและรุ่นพี่เลยขับไล่ตามโดยผมเป็นคนขับ ( รถ จยย. นะครับ )
พร้อมทั้งวิทยุเพื่อแจ้งให้ชุด cover อีกฝั่งมาให้การสนับสนุน
ด้วยความที่ รถ จยย. หลวงมีสมรรถนะที่ด้อยกว่ารถในท้องตลาด ( อุ๊บส์ !! ) อมยิ้ม07

ผมเลยไม่สามารถตามทันได้  เห็นแต่ไฟหลังลิบๆ   อีกคันที่ตามมาสนับสนุนยิ่งไม่ต้องพูดถึง...ไม่รู้ว่าตามมาถูกหรือเปล่า
สื่อสารผ่านวิทยุก็ไม่ชัด  ลมตีแทรกเข้าไปรบกวนการสนทนาหมด

จนชายที่ขับรถหนีเลี้ยวเข้าทางเปลี่ยว  ซึ่งต้องผ่านสวนยางขนาดใหญ่  ห่างจากที่ตั้งด่านประมาณ 5 กิโลเมตร
และเลี้ยวเข้าไปในสวนยางและยางรถรั่ว ( หรือแตก...จำได้ไม่ชัดเจน )
ทำให้เค้าจนมุม  และถูกพวกเราควบคุมตัวไว้ได้


หลังจากตรวจค้น  พบว่าที่ตัวมียาบ้าหลายสิบเม็ด  และเงินจำนวนหนึ่ง
เมื่อเห็นว่าหนีไม่รอด  และเห็นว่าตำรวจตามมาแค่ 2 นาย  การเจรจาจึงเริ่มต้นขึ้น
ชายคนนั้นเสนอเงินจำนวนนั้น ( มากพอที่จะทำให้ตำรวจจบใหม่อย่างผม เงินเดือน 6,220 บาท ต้องคิดมาก )
แลกกับให้ปล่อยตัวเค้าไปพร้อมกับยาบ้า เค้าว่าจะขอเอาไปถอนทุนคืน


บอกตรงๆ ว่าผม ซึ่งตั้งใจแน่วแน่ตั้งแต่สอบตำรวจว่าจะเป็นตำรวจที่ดีต้องลังเล
รุ่นพี่ผมก็คงคิดมากเหมือนกัน  เราสองคนมองหน้ากันนิ่งอยู่พักหนึ่ง
พี่เค้าก็ถามพร้อมสบตาผมว่า  " พวกหมวดเค้าก็ไม่ได้ตามมา  น้องเอก ( ชื่อผม ) จะเอาไง  เอกเอาไงพี่เอาด้วย "
เพื่อนๆ เดาเจตนาของพี่เค้าเหมือนผมไหมครับ  ว่าเค้าเริ่มเอนเอียงไปทางไหน

ผมอยากอธิบายให้เพื่อนๆ ทราบถึงความรู้สึกของผมตอนนั้นมากเลยครับ
ว่าความรู้สึกดีชั่วมันตีกันไปหมด  บอกอย่างไม่อายว่าผมก็คิดนะครับ
ว่าไม่มีใครตามมา  เรารู้กันอยู่แค่นี้  ปล่อยตัวผู้ต้องหาไป  แล้วกลับไปบอกเพื่อนใน ชป. ว่าตามไม่ทันก็จบ
เงินจำนวนนี้  แบ่งกันสองคนก็มากพอที่จะอยู่ไปสบายๆ หลายเดือนเลยทีเดียว

แต่อีกความคิดที่ชนะในภายหลังของผมก็คือ ขนาดเรามาอยู่ไม่นาน  ก็จะทำลายคำปฏิญาณและความตั้งใจที่เคยมีแล้วหรือไร
แล้วต่อไปจะเป็นตำรวจยังไง  จะเดินยืดอกได้ไม่เต็มภาคภูมิ  และผมเคยบอกแม่ว่า
"แม่ไม่ต้องห่วง  ผมเป็นตำรวจ  ผมขายเหงื่อแลกเงินเดือน  ไม่ขายศักดิ์ศรี"  เมื่อคิดและเตือนตัวเองได้อย่างนั้น
ผมก็ตอบพี่เค้าสั้นๆ ว่า "จับ !!"

ชายคนนั้นน่าจะสังเกตได้ว่ารุ่นพี่ผมเอนเอียง  และน่าจะพึ่งพาได้มากกว่าผม
จึงเริ่มกล่อมรุ่นพี่  รุ่นพี่ก็หันมาถามผมอีกครั้ง "เอางั้นจริงหรอเอก"
ผมเลยตอบไป ( ตอนนั้นคิดได้และตัดสินใจแน่วแน่ ไม่ลังเลแล้ว ) ว่า "ผมไม่อยากติดคุกพร้อมไอ้นี่  หรือว่าพี่อยากล่ะครับ"

แล้วก็เดินห่างออกมาเรียกวิทยุ  ให้ชุดที่ตามมาเร่งรัดเวลาและตามมาในพิกัดที่แน่นอน

เรื่องก็จบเพียงแค่นี้ครับ  และนี่เป็นคำตอบของผม  ที่น่าจะบอกเจ้าของกระทู้และเพื่อนๆ ได้บ้าง
ว่าแม้แต่ในคนๆ เดียวกัน  ก็ยังมีทั้งความดีและความเลวคอยต่อสู้กันอยู่
แล้วในองค์กรหนึ่งๆ หรือสังคมหนึ่งๆ  จะมีทั้งคนดีและคนไม่ดีไม่ได้เชียวหรือ

ถ้าถามว่า  ผมเสียดายไหม  ที่ตอนนั้นตัดสินใจแบบนี้
ขอตอบว่า  หลังจากผ่านเหตุการณนั้นมาแล้ว  มีโอกาสได้คิดโดยรอบด้านแล้ว  ผมชมในวาสนาของตนเองเลยว่า
ขอบคุณสิ่งที่ดลจให้ผมทำอย่างนั้น  เพราะหากวันนั้นผมปล่อยไป  ก็เหมือนผมหว่านเมล็ดความขี้โกง
ให้มันงอกงามในจิตใจของผม และผมก็จะเป็นตำรวจที่วันๆ  คอยแต่จะหาช่องทางทำความผิดเพื่อเอาผลประโยชน์ใส่ตัว
และอาจจะโดนไล่ออกพร้อมติดคุกไปแล้วก็ได้  เพราะความเหิมเกริมหรือโลภมากเกินไป

หรือหากผมปล่อยไป  แล้วมันไปโดนด่านอื่น หรือชุดอื่นจับ  แล้วมันโบ้ยว่า ผมเคยปล่อยมาแล้วรอบนึง
ผมนึกสภาพของตัวเองหลังจากนั้นไม่ออกเลยทีเดียว ฮ่าๆๆ

.....................................................................
.....................................................................
ว่าจะพูดอีกสองประเด็น  แต่เห็นว่ารบกวนพื้นที่กระทู้เยอะแล้ว  เดี๋ยวเพื่อนๆ จะขี้เกียจอ่าน
เอาไว้ว่างๆ หรือมีประเด็นที่เกี่ยวข้อง  ค่อยมาเล่าใหม่  ขออนุญาตพักผ่อนก่อนนะครับ  พรุ่งนี้ทำงานเช้า

เพื่อนๆ มีประเด็นอะไร  จะวิจารณ์หรือถาม
น้อมรับทุกความเห็น  ข้อติติงครับ  แต่ขอให้เป็นในทางสุภาพนะครับ
อมยิ้ม17อมยิ้ม17
แล้วผมจะเข้ามาตอบอีก  
( เพราะพันทิปมีฟังค์ชั่น ตามประวัติการตอบกระทู้แล้ว  เย่ๆๆๆๆๆๆๆ )
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่