http://pantip.com/topic/30404397
บทที่ 6
........................
บทที่ 7
แสงไฟสีขาวจากโคมแขวนเพดานตรงกลางห้องสาดแสงจ้า จนคนที่เพิ่งเข้ามาต้องหยีตา ยกท่อนแขนขึ้นมาบังแสงไว้ ชั่วอึดใจม่านหมอกแห่งแสงนั้นค่อยๆ หายไป โคมไฟแขวนผนังหรี่ลงอย่างช้าๆ จนเหลือเพียงลำแสงเล็กๆ ส่องพื้นตรงกลางห้องเท่าขนาดวงล้อรถยนต์
ดวงตาที่เพิ่งถูกแสงแยงกระหน่ำกระพริบตาถี่ๆ พยายามปรับสายตาให้คุ้นชินอยู่ครู่ แล้วจึงเห็นว่าเขา และคุณไพบูลย์กำลังยืนอยู่ในห้องโล่งๆ ไม่มีอะไรเลย รอบๆห้องถูกปกคลุมด้วยความมัวสลัว เนื่องจากแสงส่องไปไม่ถึง สมรักษ์หันไปหาชายชราซึ่งยืนอยู่ข้างๆ เป็นคำถาม ก่อนร่างนั้นจะหมุนตัวกลับไปหยิบอะไรบางอย่างซึ่งวางอยู่หลังประตู
เข้ามาในตอนแรกเขาไม่ได้สังเกต แต่เมื่อเพ่งมองให้ดีก็พบว่าสิ่งที่คุณไพบูลย์กำลังก้มลงหยิบขึ้นมาคือชามพลาสติก และข้างกันคือขวานด้ามยาวอันใหญ่ เขาเริ่มนึกเชื่อมโยงไปล่วงหน้าแล้วว่าชายชราจะให้เขาทำภารกิจอะไร แต่มันไม่ได้ใกล้เคียงเลยในความจริงที่ชายร่างท้วมจะได้พบต่อไปนี้
ร่างผอมเกร็งเดินกลับมาที่เดิมพร้อมชามพลาสติกในมือ ในนั้นมีข้าวคลุกกับเศษอาหารต่างๆ อย่างลวกๆ แบบเดียวกับที่เขาเคยทำให้สุนัขที่บ้านกิน ในวินาทีนั้นก็เกิดคิดแผลงๆ ขึ้นมาว่าคุณไพบูลย์คงจะทดสอบให้เขากินข้าวชามนี้กระมัง
“คุณจะให้ผมทำอะไรเหรอ” เขาถาม
ชายชราไม่ตอบ เพียงหัวเราะหนักๆ ในลำคอ พร้อมยกมุมปากขึ้นน้อยๆ อย่างมีเลศนัย เป็นกริยาที่เขาไม่เคยเห็นคุณไพบูลย์แสดงออกมาก่อน นอกจากทำสีหน้าเรียบเฉยราวกับกระดาษ
วินาทีต่อมาชายชราก็สืบเท้าสั้นๆ ใกล้เขาไปตรงวงแสงสว่าง แล้วกระทำการที่เขาไม่คิดมาก่อน คุณไพบูลย์เทข้าวทั้งหมดลงบนพื้นก่อนปล่อยชามพลาสติกร่วงหล่นจากมือส่งเสียงโคล้งเคล้งดังสะท้อนทั่วทั้งห้อง พร้อมกับบังเกิดเสียงหนึ่งโพล่งขึ้นจากมุมมืดของห้องฝั่งตรงข้ามคนทั้งสอง เป็นเสียงอุทานสั้นๆ และเสียงคล้ายเหล็กครูดกับพื้น
คนที่ยังไม่รู้เรื่องราวอันใดหันขวับไปมองอย่างทันทีทันใดด้วยความตกใจ จ้องเขม็งฝ่าทะลุความมืดไปยังต้นตอเสียงประหลาดนั้น แม้ถูกบดบังด้วยม่านสลัว หากเค้ารางของสิ่งที่ขดอยู่มุมห้องนั้นพอให้สมรักษ์เดาได้ ถึงกับแทบหยุดหายใจไปชั่วขณะ
มันคือเงาของคนกำลังนั่งยองๆ หันหลังพิงผนังมุมห้อง กำลังโยกตัวไปมาสลับหน้าหลังแลดูน่ากลัว ที่ข้อเท้าคล้ายกับมีโซ่เหล็กเส้นใหญ่คล้องอยู่ สมรักษ์อ้าปากกำลังจะถาม แต่ที่คุณไพบูลย์พลันตวาดเสียงลั่น
“มากิน!”
คนที่ไม่ทันรับเหตุการณ์สะดุ้งโหยงด้วยความตกใจ พร้อมๆกับร่างปริศนานั้นกระโจนพรวดเดียวถึงตรงกลางห้องพร้อมกับเสียงโซ่ลากพื้นแกรกกราก โดยสิ่งมีชีวิตนั้นยังนั่งลักษณะยองๆ อยู่เช่นนั้น ก้มหน้างุดพลางใช้สองมือที่ดำสกปรกตะกุยกองข้าวบนพื้นเข้าปากอย่างหิวโหย ราวกับว่าไม่มีอาหารตกถึงท้องมานานแสนนาน
กริยาที่เห็นตรงว่าเวทนาแล้ว สภาพของคนคนนั้นแทบไม่ต่างกัน ตัวที่เป็นคน หากสารรูปอันผอมแห้งจนกระดูกโปนภายใต้เสื้อผ้ามอซอขาดวิ่น ผมยาวมีหงอกแซมกระเซอะกระเซิงจับกันเป็นก้อนสกปรก ที่ขาถูกล่ามด้วยโซ่สนิมเขรอะเส้นใหญ่ ลักษณะไม่ต่างอะไรกับสัตว์เดรัจฉาน เขาเห็นแล้วเกิดความรู้สึกอันมากมายที่ยากอธิบาย
“ผู้ชายคนนี้เป็นใคร” เขาถาม เสียงแทบไม่เล็ดลอดออกมาจากลำคอ “ทำไม...ทำไมถึงอยู่สภาพแบบนี้”
แววตาสังเวชของชายร่างท้วมยังจับอยู่ที่ผู้กำลังกอบข้าวเข้าปาก ไม่สนใจว่าคนทั้งสองกำลังยืนมองอยู่ คุณไพบูลย์หัวเราะเสียงแปร่งๆ ที่ทำให้เขาขนลุกน้อยๆ พูดขึ้นเป็นสำเนียงที่ไม่ได้เนิบนาบอย่างเช่นปกติ
“นี่แหละคือภารกิจที่ผมจะให้คุณทำ”
“ทำอะไร?” เขาถามอย่างไม่เข้าใจนัก
ชายชราไม่ตอบ เริ่มย่างเท้าไปรอบๆ บริเวณเป็นวงกลม แววตาวาวโรจน์ฉายกล้าท่ามกลางความมืดพร้อมยิ้มแปลกๆให้ความรู้สึกเยือกเย็น จนสมรักษ์รู้สึกขนท้ายทอยตั้งชัน มองตามร่างที่กำลังเคลื่อนอยู่นั้นอย่างไม่แน่ใจในทาทีอันแปลกไปของชายชรา
“ผู้ชายคนนี้ ที่คุณเห็นอยู่ตรงหน้า” คุณไพบูลย์ว่าเสียงแหบต่ำ “เขามีสภาพไม่ผิดกับสัตว์เดรัจฉาน เหมือนหมาขี้เรื้อนตัวหนึ่งที่ถูกเจ้าของมันล่ามโซ่ไว้ เพราะไม่ต้องการแต่ไม่ยอมปลิดชีวิตมันซะ ปล่อยให้ทนทรมานอยู่ในสภาพอันน่าสมเพช เจ็บปวดยิ่งกว่าตาย”
ร่างผอมเกร็งเงียบเสียงลงอึดใจ เดินอ้อมผ่านหลังเขาพอดี สมรักษ์หันขวับไปมอง ไม่อาจละสายตาแม้แต่วินาทีเดียวด้วยหัวใจอันเต้นรัวเร็วอยู่ในอก หลายวินาทีต่อมากระแสเสียงอันแหบต่ำก็ดังขึ้นต่อไป
“ร่างกายอันสกปรกโสโครกที่กำลังสวาปามอยู่ตรงหน้าคุณนั้นเป็นคนวิกลจริต ไม่รับรู้สิ่งใดทั้งสิ้นเกี่ยวกับโลกนี้อีกแล้ว นอกจากจมอยู่ในนรกอันมืดมิดที่เรื่องราวในอดีตคอยตามหลอกหลอนเขาตลอดเวลา...ครั้งก่อนเมื่อชายคนนี้ยังเป็นคนปกติ เขามีทุกอย่าง...หน้าที่การงาน ทรัพย์สมบัติ และครอบครัวที่อบอุ่น หากสิ่งหนึ่งที่เขาไม่มีคือความรัก ความเสียสละ เขากลับมีแต่ความเห็นแก่ตัว จิตใจต่ำช้า ดิ้นรนเพื่อเอาตัวรอดอย่างเต็มเปี่ยม ยอมแม้กระทั่งลงมือฆ่าเมีย และลูกในไส้ของตัวเอง เพื่อให้ตัวเองรอดชีวิต
แต่โชคดีที่ลูกไม่ตาย เงื้อมมือมัจจุราชพรากชีวิตคนเป็นแม่ไป ทิ้งไว้เพียงร่างของเด็กที่ไม่ได้สติในห้องไอซียู และชายชั่วสามานย์...ต่อมาไม่นาน ไม่รู้เป็นเพราะรู้สึกผิดสำนึกในสิ่งที่ตัวเองกระทำลงไป หรือกลัวถูกลงโทษในความผิด สุดท้ายแทนที่จะนอนตะราง เขาก็ยังใช้วิธีสกปรกโดยการปลอมเอกสารว่าตนเองอยู่ในสภาพจิตไม่ปกติ..แต่สุดท้ายมันก็หนี้กรรมชั่วไม่พ้น โดนเอาคืนอย่างสาสมจนกลายเป็นบ้าสมใจ”
คนที่ยืนฟังนิ่งคล้ายกับถูกตรึงด้วยหมุด รู้สึกชาไปทั้งตัว คุณไพบูลย์เหลือกตามองร่างที่กำลังเลียเศษข้าวบนพื้นด้วยอย่างน่ากลัว สมรักษ์สัมผัสได้ถึงรังสีอัมหิตรุกคืบเข้ามายังคนทั้งสามจนเขาไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรงๆ นึกอยากออกไปจนสถานการณ์กดดันนี้เต็มที
“คุณมีความเห็นว่ายังไง”
ชายชราถามพร้อมสะบัดหน้ามามองเขาอย่างทันทีทันใด จนชายร่างท้วมสะดุ้งเฮือกน้อยๆ หากยังพยายามปั้นท่าทีให้สงบนิ่งด้วยความยากเย็น พูดตะกุกตะกักเกือบไม่เป็นคำ
“อะ...อะไรนะ”
“คุณคิดว่าไง...ผู้ชายคนนี้สมควรตายรึเปล่า”
ได้ฟังก็เหมือนถูกตีแสกหน้าด้วยท่อนไม้ ไม่แน่ใจว่าคำถามนี้คือการหยั่งเชิงทดสอบในภารกิจรึเปล่า หากคำตอบที่ตอบไปไม่ตรงกับความต้องการของคุณไพบูลย์ อาจทำให้เงินรางวัลสองล้านที่อยู่ตรงหน้าหลุดลอยไป สมรักษ์ชั่งใจอย่างยากลำบาก เหลือบไปมองคนที่นั่งอยู่ใต้แสงไฟ สารรูปที่ชายคนนั้นเป็นอยู่ตอนนี้ช่างน่าสงสารเกินกว่ามนุษย์คนไหนจะทนได้ แต่ทว่าเมื่อเทียบกับความเลวร้ายที่ชายคนที่มีสภาพไม่ต่างกับสัตว์เคยทำ มันก็ถือว่าสาสมแล้ว
“ผมคิดว่า...” สมรักษ์พูดออกมาอย่างยากเย็น “จากสิ่งที่เขาเคยทำกับลูกและเมีย มันก็สมควรแล้ว”
“สมควรแล้วที่เขาจะต้องตาย?” ชายชราเลิกคิ้วถามพลางเหยียดยิ้ม
เขาไม่ปริปากพูดคำใดออกมา ชายชราจึงพยักหน้าน้อยๆ ถือเอาว่าความเงียบคือคำตอบก่อนหันหลังกลับไปหยิบขวานด้ามยาวอันนั้นมา แล้วสิ่งที่ความประหวั่นไว้ก็เกิดขึ้น เมื่อชายชรายื่นมันให้กับเขาด้วยแววตาอันน่าสะพรึงกลัว
“จัดการมันซะ” น้ำเสียงเหี้ยมเกรียมสั่งอย่างเด็ดขาด
“วะ...ว่ายังไงนะ”
ชายชราพยักพเยิดไปทางร่างอันน่าเวทนานั้น คำตอบมันชัดเจนที่สุดว่าคุณไพบูลย์ต้องการให้เขาทำอะไร สมรักษ์รู้สึกเลือดในกายเย็นเยียบลงบัดดล แววตาอันพรั่นพรึงจ้องมองขวานสลับไปมากับร่างตรงพื้น ศีลธรรมความดี และสัญชาติญาณดิบภายในตัวกำลังต่อสู้กันอย่างรุนแรงจนสายตาพร่าลาย
“อย่าลืมสิว่าคุณสมัครเข้าเล่นเกมส์เพราะอะไร” ผู้ที่กำลังจะมอบหน้าที่นายนิรยบาลให้แก่เขา กระซิบข้างหู “เงินสองล้านกองอยู่ตรงหน้า คุณคงไม่โง่ปล่อยมันไปเพียงเพราะสงสารคนบ้าแค่คนเดียว”
คำพูดนั้นได้ดึงสติเบื้องลึกให้ตื่นขึ้นมา จริงสิ เขามาที่นี่เพื่อหวังจะพิชิตเงินสองล้าน ทำไมเขาต้องปล่อยให้มันหลุดมีทั้งๆ ที่มันกำลังจะเป็นของเขาอยู่รอมร่อ แค่ชีวิตคนในหลืบโลกคนที่ไม่มีใครต้องการจะมีค่าอะไร อีกอย่างถือเป็นการปราณีเสียอีกที่เขาจะทำให้ชายคนนั้นพ้นจากความทุกข์ทรมานที่ทนอยู่เสียที
ทันทีนั้นสมรักษ์ก็คว้าขวานมาจากมือชายชราที่ปรากฏรอยยิ้มอย่างมีชัย ชายร่างท้วมค่อยๆ ก้าวไปหาร่างที่นั่งยองๆ อยู่ใต้แสงไฟ หัวใจเต้นระทึกขึ้นเป็นลำดับ เม็ดเหงื่อโป้งผุดเต็มสองมือ เขากระชับด้ามขวานให้แน่น แววตาฉายกล้าจับไปยังร่างนั้น ก่อนค่อยๆไล่สายตาไปหยุดตรงลำคอ เขากะว่าง้างขวานจามลงไปเพียงทีเดียวให้ตาย จะได้ไม่ต้องเจ็บปวดมากนัก
‘มันใกล้จะสำเร็จแล้ว’ คุณไพบูลย์จับจ้องเหตุการณ์ต้องหน้าอย่างลุ้นระทึก
แล้วปลายมืดขวานก็ถูกง้างขึ้นสะท้อนแสงไฟวาววับ พร้อมที่จะเป็นยมทูตปลิดชีวิต สมรักษ์รอจังหวะที่พอเหมาะ หากทว่าจังหวะที่เขากำลังจะลงแรงฟาดลงไป พอดีกับที่ร่างนั้นเงยหน้าขึ้นมอง หากไม่ได้แสดงอาการหวาดกลัว หรือหลบหนีใดๆ แต่ทว่าแววตาคู่นั้นที่จ้องตอบมาเหมือนกับมีสายฟ้าฟาดตรงกลางอกของสมรักษ์
ผู้ที่กำลังจะกลายเป็นนายเพชฌฆาตชะงักลงฉับพลัน ขวานด้ามยาวถูกถือค้างด้วยมืออันสั่นเทา เหมือนกับมีมือที่มองไม่เห็นจู่โจมเข้าบีบคอเขา สมรักษ์พินิจใบหน้าอันสกปรกมอมแมมตรงหน้า พร้อมๆ กับความทรงจำที่ถูกลืมไปนานกลับผุดขึ้นมาอีกครั้ง ฝันร้ายที่สุดในชีวิตที่เขาไม่มีวันลืม แล้วสมรักษ์ก็จำเค้าหน้าดวงนี้ได้ บุคคลซึ่งเคยเห็นเมื่อนานมาแล้ว
เขารู้จักชายคนนี้!
....เกมส์ สั่ง ตาย บทที่ 7.... โดย ราชพฤกษ์
บทที่ 6
........................
บทที่ 7
แสงไฟสีขาวจากโคมแขวนเพดานตรงกลางห้องสาดแสงจ้า จนคนที่เพิ่งเข้ามาต้องหยีตา ยกท่อนแขนขึ้นมาบังแสงไว้ ชั่วอึดใจม่านหมอกแห่งแสงนั้นค่อยๆ หายไป โคมไฟแขวนผนังหรี่ลงอย่างช้าๆ จนเหลือเพียงลำแสงเล็กๆ ส่องพื้นตรงกลางห้องเท่าขนาดวงล้อรถยนต์
ดวงตาที่เพิ่งถูกแสงแยงกระหน่ำกระพริบตาถี่ๆ พยายามปรับสายตาให้คุ้นชินอยู่ครู่ แล้วจึงเห็นว่าเขา และคุณไพบูลย์กำลังยืนอยู่ในห้องโล่งๆ ไม่มีอะไรเลย รอบๆห้องถูกปกคลุมด้วยความมัวสลัว เนื่องจากแสงส่องไปไม่ถึง สมรักษ์หันไปหาชายชราซึ่งยืนอยู่ข้างๆ เป็นคำถาม ก่อนร่างนั้นจะหมุนตัวกลับไปหยิบอะไรบางอย่างซึ่งวางอยู่หลังประตู
เข้ามาในตอนแรกเขาไม่ได้สังเกต แต่เมื่อเพ่งมองให้ดีก็พบว่าสิ่งที่คุณไพบูลย์กำลังก้มลงหยิบขึ้นมาคือชามพลาสติก และข้างกันคือขวานด้ามยาวอันใหญ่ เขาเริ่มนึกเชื่อมโยงไปล่วงหน้าแล้วว่าชายชราจะให้เขาทำภารกิจอะไร แต่มันไม่ได้ใกล้เคียงเลยในความจริงที่ชายร่างท้วมจะได้พบต่อไปนี้
ร่างผอมเกร็งเดินกลับมาที่เดิมพร้อมชามพลาสติกในมือ ในนั้นมีข้าวคลุกกับเศษอาหารต่างๆ อย่างลวกๆ แบบเดียวกับที่เขาเคยทำให้สุนัขที่บ้านกิน ในวินาทีนั้นก็เกิดคิดแผลงๆ ขึ้นมาว่าคุณไพบูลย์คงจะทดสอบให้เขากินข้าวชามนี้กระมัง
“คุณจะให้ผมทำอะไรเหรอ” เขาถาม
ชายชราไม่ตอบ เพียงหัวเราะหนักๆ ในลำคอ พร้อมยกมุมปากขึ้นน้อยๆ อย่างมีเลศนัย เป็นกริยาที่เขาไม่เคยเห็นคุณไพบูลย์แสดงออกมาก่อน นอกจากทำสีหน้าเรียบเฉยราวกับกระดาษ
วินาทีต่อมาชายชราก็สืบเท้าสั้นๆ ใกล้เขาไปตรงวงแสงสว่าง แล้วกระทำการที่เขาไม่คิดมาก่อน คุณไพบูลย์เทข้าวทั้งหมดลงบนพื้นก่อนปล่อยชามพลาสติกร่วงหล่นจากมือส่งเสียงโคล้งเคล้งดังสะท้อนทั่วทั้งห้อง พร้อมกับบังเกิดเสียงหนึ่งโพล่งขึ้นจากมุมมืดของห้องฝั่งตรงข้ามคนทั้งสอง เป็นเสียงอุทานสั้นๆ และเสียงคล้ายเหล็กครูดกับพื้น
คนที่ยังไม่รู้เรื่องราวอันใดหันขวับไปมองอย่างทันทีทันใดด้วยความตกใจ จ้องเขม็งฝ่าทะลุความมืดไปยังต้นตอเสียงประหลาดนั้น แม้ถูกบดบังด้วยม่านสลัว หากเค้ารางของสิ่งที่ขดอยู่มุมห้องนั้นพอให้สมรักษ์เดาได้ ถึงกับแทบหยุดหายใจไปชั่วขณะ
มันคือเงาของคนกำลังนั่งยองๆ หันหลังพิงผนังมุมห้อง กำลังโยกตัวไปมาสลับหน้าหลังแลดูน่ากลัว ที่ข้อเท้าคล้ายกับมีโซ่เหล็กเส้นใหญ่คล้องอยู่ สมรักษ์อ้าปากกำลังจะถาม แต่ที่คุณไพบูลย์พลันตวาดเสียงลั่น
“มากิน!”
คนที่ไม่ทันรับเหตุการณ์สะดุ้งโหยงด้วยความตกใจ พร้อมๆกับร่างปริศนานั้นกระโจนพรวดเดียวถึงตรงกลางห้องพร้อมกับเสียงโซ่ลากพื้นแกรกกราก โดยสิ่งมีชีวิตนั้นยังนั่งลักษณะยองๆ อยู่เช่นนั้น ก้มหน้างุดพลางใช้สองมือที่ดำสกปรกตะกุยกองข้าวบนพื้นเข้าปากอย่างหิวโหย ราวกับว่าไม่มีอาหารตกถึงท้องมานานแสนนาน
กริยาที่เห็นตรงว่าเวทนาแล้ว สภาพของคนคนนั้นแทบไม่ต่างกัน ตัวที่เป็นคน หากสารรูปอันผอมแห้งจนกระดูกโปนภายใต้เสื้อผ้ามอซอขาดวิ่น ผมยาวมีหงอกแซมกระเซอะกระเซิงจับกันเป็นก้อนสกปรก ที่ขาถูกล่ามด้วยโซ่สนิมเขรอะเส้นใหญ่ ลักษณะไม่ต่างอะไรกับสัตว์เดรัจฉาน เขาเห็นแล้วเกิดความรู้สึกอันมากมายที่ยากอธิบาย
“ผู้ชายคนนี้เป็นใคร” เขาถาม เสียงแทบไม่เล็ดลอดออกมาจากลำคอ “ทำไม...ทำไมถึงอยู่สภาพแบบนี้”
แววตาสังเวชของชายร่างท้วมยังจับอยู่ที่ผู้กำลังกอบข้าวเข้าปาก ไม่สนใจว่าคนทั้งสองกำลังยืนมองอยู่ คุณไพบูลย์หัวเราะเสียงแปร่งๆ ที่ทำให้เขาขนลุกน้อยๆ พูดขึ้นเป็นสำเนียงที่ไม่ได้เนิบนาบอย่างเช่นปกติ
“นี่แหละคือภารกิจที่ผมจะให้คุณทำ”
“ทำอะไร?” เขาถามอย่างไม่เข้าใจนัก
ชายชราไม่ตอบ เริ่มย่างเท้าไปรอบๆ บริเวณเป็นวงกลม แววตาวาวโรจน์ฉายกล้าท่ามกลางความมืดพร้อมยิ้มแปลกๆให้ความรู้สึกเยือกเย็น จนสมรักษ์รู้สึกขนท้ายทอยตั้งชัน มองตามร่างที่กำลังเคลื่อนอยู่นั้นอย่างไม่แน่ใจในทาทีอันแปลกไปของชายชรา
“ผู้ชายคนนี้ ที่คุณเห็นอยู่ตรงหน้า” คุณไพบูลย์ว่าเสียงแหบต่ำ “เขามีสภาพไม่ผิดกับสัตว์เดรัจฉาน เหมือนหมาขี้เรื้อนตัวหนึ่งที่ถูกเจ้าของมันล่ามโซ่ไว้ เพราะไม่ต้องการแต่ไม่ยอมปลิดชีวิตมันซะ ปล่อยให้ทนทรมานอยู่ในสภาพอันน่าสมเพช เจ็บปวดยิ่งกว่าตาย”
ร่างผอมเกร็งเงียบเสียงลงอึดใจ เดินอ้อมผ่านหลังเขาพอดี สมรักษ์หันขวับไปมอง ไม่อาจละสายตาแม้แต่วินาทีเดียวด้วยหัวใจอันเต้นรัวเร็วอยู่ในอก หลายวินาทีต่อมากระแสเสียงอันแหบต่ำก็ดังขึ้นต่อไป
“ร่างกายอันสกปรกโสโครกที่กำลังสวาปามอยู่ตรงหน้าคุณนั้นเป็นคนวิกลจริต ไม่รับรู้สิ่งใดทั้งสิ้นเกี่ยวกับโลกนี้อีกแล้ว นอกจากจมอยู่ในนรกอันมืดมิดที่เรื่องราวในอดีตคอยตามหลอกหลอนเขาตลอดเวลา...ครั้งก่อนเมื่อชายคนนี้ยังเป็นคนปกติ เขามีทุกอย่าง...หน้าที่การงาน ทรัพย์สมบัติ และครอบครัวที่อบอุ่น หากสิ่งหนึ่งที่เขาไม่มีคือความรัก ความเสียสละ เขากลับมีแต่ความเห็นแก่ตัว จิตใจต่ำช้า ดิ้นรนเพื่อเอาตัวรอดอย่างเต็มเปี่ยม ยอมแม้กระทั่งลงมือฆ่าเมีย และลูกในไส้ของตัวเอง เพื่อให้ตัวเองรอดชีวิต
แต่โชคดีที่ลูกไม่ตาย เงื้อมมือมัจจุราชพรากชีวิตคนเป็นแม่ไป ทิ้งไว้เพียงร่างของเด็กที่ไม่ได้สติในห้องไอซียู และชายชั่วสามานย์...ต่อมาไม่นาน ไม่รู้เป็นเพราะรู้สึกผิดสำนึกในสิ่งที่ตัวเองกระทำลงไป หรือกลัวถูกลงโทษในความผิด สุดท้ายแทนที่จะนอนตะราง เขาก็ยังใช้วิธีสกปรกโดยการปลอมเอกสารว่าตนเองอยู่ในสภาพจิตไม่ปกติ..แต่สุดท้ายมันก็หนี้กรรมชั่วไม่พ้น โดนเอาคืนอย่างสาสมจนกลายเป็นบ้าสมใจ”
คนที่ยืนฟังนิ่งคล้ายกับถูกตรึงด้วยหมุด รู้สึกชาไปทั้งตัว คุณไพบูลย์เหลือกตามองร่างที่กำลังเลียเศษข้าวบนพื้นด้วยอย่างน่ากลัว สมรักษ์สัมผัสได้ถึงรังสีอัมหิตรุกคืบเข้ามายังคนทั้งสามจนเขาไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรงๆ นึกอยากออกไปจนสถานการณ์กดดันนี้เต็มที
“คุณมีความเห็นว่ายังไง”
ชายชราถามพร้อมสะบัดหน้ามามองเขาอย่างทันทีทันใด จนชายร่างท้วมสะดุ้งเฮือกน้อยๆ หากยังพยายามปั้นท่าทีให้สงบนิ่งด้วยความยากเย็น พูดตะกุกตะกักเกือบไม่เป็นคำ
“อะ...อะไรนะ”
“คุณคิดว่าไง...ผู้ชายคนนี้สมควรตายรึเปล่า”
ได้ฟังก็เหมือนถูกตีแสกหน้าด้วยท่อนไม้ ไม่แน่ใจว่าคำถามนี้คือการหยั่งเชิงทดสอบในภารกิจรึเปล่า หากคำตอบที่ตอบไปไม่ตรงกับความต้องการของคุณไพบูลย์ อาจทำให้เงินรางวัลสองล้านที่อยู่ตรงหน้าหลุดลอยไป สมรักษ์ชั่งใจอย่างยากลำบาก เหลือบไปมองคนที่นั่งอยู่ใต้แสงไฟ สารรูปที่ชายคนนั้นเป็นอยู่ตอนนี้ช่างน่าสงสารเกินกว่ามนุษย์คนไหนจะทนได้ แต่ทว่าเมื่อเทียบกับความเลวร้ายที่ชายคนที่มีสภาพไม่ต่างกับสัตว์เคยทำ มันก็ถือว่าสาสมแล้ว
“ผมคิดว่า...” สมรักษ์พูดออกมาอย่างยากเย็น “จากสิ่งที่เขาเคยทำกับลูกและเมีย มันก็สมควรแล้ว”
“สมควรแล้วที่เขาจะต้องตาย?” ชายชราเลิกคิ้วถามพลางเหยียดยิ้ม
เขาไม่ปริปากพูดคำใดออกมา ชายชราจึงพยักหน้าน้อยๆ ถือเอาว่าความเงียบคือคำตอบก่อนหันหลังกลับไปหยิบขวานด้ามยาวอันนั้นมา แล้วสิ่งที่ความประหวั่นไว้ก็เกิดขึ้น เมื่อชายชรายื่นมันให้กับเขาด้วยแววตาอันน่าสะพรึงกลัว
“จัดการมันซะ” น้ำเสียงเหี้ยมเกรียมสั่งอย่างเด็ดขาด
“วะ...ว่ายังไงนะ”
ชายชราพยักพเยิดไปทางร่างอันน่าเวทนานั้น คำตอบมันชัดเจนที่สุดว่าคุณไพบูลย์ต้องการให้เขาทำอะไร สมรักษ์รู้สึกเลือดในกายเย็นเยียบลงบัดดล แววตาอันพรั่นพรึงจ้องมองขวานสลับไปมากับร่างตรงพื้น ศีลธรรมความดี และสัญชาติญาณดิบภายในตัวกำลังต่อสู้กันอย่างรุนแรงจนสายตาพร่าลาย
“อย่าลืมสิว่าคุณสมัครเข้าเล่นเกมส์เพราะอะไร” ผู้ที่กำลังจะมอบหน้าที่นายนิรยบาลให้แก่เขา กระซิบข้างหู “เงินสองล้านกองอยู่ตรงหน้า คุณคงไม่โง่ปล่อยมันไปเพียงเพราะสงสารคนบ้าแค่คนเดียว”
คำพูดนั้นได้ดึงสติเบื้องลึกให้ตื่นขึ้นมา จริงสิ เขามาที่นี่เพื่อหวังจะพิชิตเงินสองล้าน ทำไมเขาต้องปล่อยให้มันหลุดมีทั้งๆ ที่มันกำลังจะเป็นของเขาอยู่รอมร่อ แค่ชีวิตคนในหลืบโลกคนที่ไม่มีใครต้องการจะมีค่าอะไร อีกอย่างถือเป็นการปราณีเสียอีกที่เขาจะทำให้ชายคนนั้นพ้นจากความทุกข์ทรมานที่ทนอยู่เสียที
ทันทีนั้นสมรักษ์ก็คว้าขวานมาจากมือชายชราที่ปรากฏรอยยิ้มอย่างมีชัย ชายร่างท้วมค่อยๆ ก้าวไปหาร่างที่นั่งยองๆ อยู่ใต้แสงไฟ หัวใจเต้นระทึกขึ้นเป็นลำดับ เม็ดเหงื่อโป้งผุดเต็มสองมือ เขากระชับด้ามขวานให้แน่น แววตาฉายกล้าจับไปยังร่างนั้น ก่อนค่อยๆไล่สายตาไปหยุดตรงลำคอ เขากะว่าง้างขวานจามลงไปเพียงทีเดียวให้ตาย จะได้ไม่ต้องเจ็บปวดมากนัก
‘มันใกล้จะสำเร็จแล้ว’ คุณไพบูลย์จับจ้องเหตุการณ์ต้องหน้าอย่างลุ้นระทึก
แล้วปลายมืดขวานก็ถูกง้างขึ้นสะท้อนแสงไฟวาววับ พร้อมที่จะเป็นยมทูตปลิดชีวิต สมรักษ์รอจังหวะที่พอเหมาะ หากทว่าจังหวะที่เขากำลังจะลงแรงฟาดลงไป พอดีกับที่ร่างนั้นเงยหน้าขึ้นมอง หากไม่ได้แสดงอาการหวาดกลัว หรือหลบหนีใดๆ แต่ทว่าแววตาคู่นั้นที่จ้องตอบมาเหมือนกับมีสายฟ้าฟาดตรงกลางอกของสมรักษ์
ผู้ที่กำลังจะกลายเป็นนายเพชฌฆาตชะงักลงฉับพลัน ขวานด้ามยาวถูกถือค้างด้วยมืออันสั่นเทา เหมือนกับมีมือที่มองไม่เห็นจู่โจมเข้าบีบคอเขา สมรักษ์พินิจใบหน้าอันสกปรกมอมแมมตรงหน้า พร้อมๆ กับความทรงจำที่ถูกลืมไปนานกลับผุดขึ้นมาอีกครั้ง ฝันร้ายที่สุดในชีวิตที่เขาไม่มีวันลืม แล้วสมรักษ์ก็จำเค้าหน้าดวงนี้ได้ บุคคลซึ่งเคยเห็นเมื่อนานมาแล้ว
เขารู้จักชายคนนี้!