เล่าประสบการณ์ท้องแรก และผ่าคลอดวันที่9 พค 56

ก่อนอื่นขอเล่าให้ฟังก่อนนะคะ ว่าเราเป็นคนที่สุขกาพไม่ค่อยดีตั้งแต่แรกและประจำเดือนมาไม่ปกติ ปีๆหนึ่งจะมาแค่2ถึง3ครั้ง ตอนที่เรารู้ว่าท้องก็ต้องอาศัยการซื้อที่ตรวจครรภ์มาตรวจดู แต่เรามีอาการเจ็บหน้าอกอาการเหมือนคนจะเป็นประจำเดือนมาประมาณเดือนหนึ่ง คิดกับตัวเองว่าสงสัยประจำเดือนจะมาเพราะเจ็บหน้าอกมาก เราไม่มีอาการแพ้ท้องอ้วกหรืออยากกินของเปรี้ยว มีแต่เหม็นกลิ่น ช่วงนั่นเราก็ซื้อที่ตรวจมานะ แต่ไม่พบว่าท้องจนถัดไปอีกสัปดาห์ปรากฏว่าขึ้น 2 ขีด แฟนเราเลยพาไปหาหมอ หมอก็ถามว่าปะจำเดือนขาดมานานยั งเราตอบไม่ได้ เพราะปีนี้ยังไม่มีเลย หมอเลยพาเราไปอัลตร้าซาวด์ดู เห็นว่าเป็นวงกลมแต่ไม่เห็นเป็นวงแหวน หมอจีงบอกว่าอาจจะเป็นท้องลม ถ้าช่วงนี้ประจำเดือนมาก็ไม่ต้องตกใจ แล้วหมอก็นัดอีกที่อีก 3สัปดาห์ พอถึงวันนัดเราก็ไปอัลตร้าซาวด์ดูคราวนี้เห็นเป็นรูปร่างเด็กดุ๊กดิ๊ก ไปมา หมอก็วัดขนาดตัวเด็กเพื่อกำหนดช่วงเวลาคลอดเรา ตอนนั้นหมอว่าเราท้องประมาณ7สัปดาห์ หลังจากนั้นไม่นานเราก็มีอาการเลือดออก กลัวว่าจะเป็นอะไร หมอจึงฉีดยากันแท้งให้ 1เข็ม เราจึงคลายกังวลนิดหน่อย จะบอกว่าตอนที่ไปหาหมอเพราะมีเลือดออกนั้นหมอที่เราไปหาตั้งแต่แรกไม่ได้เข้าเวร เราจีงต้องไปหากับอีกคนหนึ่ง ซี่งหมอคนที่ฉีดยาให้เรานั้นไม่เต็มใจที่จะทำอะไรให้เราเลยแม้กระทั่ง ถามอาการบอกอย่างเดียวให้มาใหม่ แต่เรามีอาการเหมือนจะแท้ง สุดท้ายเค้าก็ฉีดยาให้
          วันรุ่งขึ้นเราไปหาหมอที่เราพบตั้งแต่ครั้งแรกและฝากท้องเลย เราก็ไปหาหมอปกติเหมือนคนท้องทั่วไปคือ ตรวจน้ำตาลในเลือด ชั่งน้ำหนัก วัดความดันฉีดวัดซีน เจาะเลือด จนมาถึงการอัลตร้าซาวด์ครั้งแรกหลังจากฝากครภภ์เพื่อดูเพศพบว่าน้องปกติ แต่ถุงน้ำคร่ำ่เราปิดไม่สนิท มีรอยรั่วกว้าง 2 CM หมอว่าปกติมันจะเปิดสนิทแต่ของเราเปิด หมอจีงบอกให้เราระวังอย่ายกของหนัก อย่าเดินขึ้นลงบันไดบ่อยๆ อย่าทำให้เกิดอาการท้องแข็ง แต่ด้วยงานที่เราทำเราต้องเดินขั้นลงบันไดและเกิดอาการท้องแข็งตลอดเวลา บอกก่อนนะคะเราท้องได้ 3เดือนกว่าๆ เอง ตัวเราก็แฟนทำงานอยู่คนละจังหวัด เราเช่าหออยู่คนเดียวแต่อยู่ใกล้ที่ทำงาน บ้างวันเราไม่สามารถลุกจากเตียงได้ เพื่อนที่ทำงานก็ต้องซื้อข้าวมาให้กิน  แฟนเราเป็นห่วงกลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเราจึงให้ลาออกจากงานเลย เจ้านายเราเป็นคนใจดีบอกเราให้หยุดได้เลย จะจ่ายเงินเดือนเต็มเดือนให้เหมือนเดิม เราก็เลยได้ย้ายมาอยู่กับแฟนเรา
          อาการท้องแข็งกับปวดหลังของเราก็เป็นเรื่อยๆ จนถึงวันที่เราต้องมาพบหมอฝากครรภ์เรากับแฟนปรึกษากันว่าจะไม่คลอดที่ฝากครรภ์จะไปคลอดอีกที่หนึ่งและขอประวัติการฝากท้องหมอและได้พูดคุยกับหมอจนหมอบอกว่าสิ้นเดือนนี้ค่อยมาอัลตร้าซาวด์ครั้งที่ 2 อีกครั้งแล้วหมอจะเตรียมเอกสารให้ แต่เราไม่ทันจะได้ไปอัลตร้าซาวด์ครั้งที่ 2 เลยวันรุ่งขึ้นเรานอนบนเตียงตื่นมามีอาการน้ำเดิน ตอนนั้นเราตั้งครรภ์ 31สัปดาห์แล้ว แฟนเราจึงพาเราไปหาหมอเพื่อดูว่าจะคลอดหรือยังหมอจึงตรวจปากมดลูก และเปิดเครื่องดูว่าท้องเรามีอาการแข็งลูกดิ้นไหม เพราะอาจจะต้องคลอดก่อนกำหนดโดยผ่าและต้องเอาตัวน้องไปอบในตู้เพราะอายุครรภ์ยังน้อยและน้ำหนัก1.7โลเอง หัวก็ยังไม่กลับ แต่โชคดีที่ปากมดลูกเราไม่เปิดแค่นิ่มๆและน้ำหยุดแล้ว แต่หมอให้เรานอนที่โรงพยาบาล 2 วัน 2 คืน ที่ห้องคลอดเพื่อฉีดยาขยายปอดเด็ก ทุก 6 ชม 6 เข็ม และฉีดยาป้องกันการติดเชื้อทุก 12 ชม  4 เข็ม เป็นอะไรที่ทรมานมากเพราะเราลุกจากเตียงไม่ได้นอนบนเตียงอย่างเดียว ทั้งต้องให้น้ำเกลือและให้ยาตลอดช่วงที่อยู่โรงพยาบาล ทุกครั้งที่พยาบาลมาฉีดยาจะเปิดเครื่องตรวจอาการท้องแข็งด้วย ซึ่งคืนสุดท้ายก่อนจะได้กลับบ้านมีอาการท้องแข็งอีกเกือบต้องนอนต่ออีก ซึ่งถ้าใครเป็นแบบเราก็คงไม่อยากนอนแล้วอยากกลับบ้านมากกว่า
          หลังจากนั้นเราได้ออกจากโรงพยาบาลกลับมาพักที่บ้าน โดยที่นอนอย่างเดียวห้ามทำงานบ้านทุกชนิด เราจึงอยู่แต่ในห้องนอน ซึ่ง ณ ปัจจุบันนี้นอกจากเราจะไปหาหมอฝากครรภ์ ซึ่งฝากอีกแห่งไว้ใกล้บ้าน เราก็ไม่ได้ไปไหนเลยนอนที่บนเตียงอย่างเดียว แฟนเราจะเป็นคนทำทั้งหมดและหาข้าวให้เรากินด้วย แต่เนื่องด้วยที่แฟนเราไม่ได้อยู่กับเราตลอดเวลาเพราะต้องทำงาน และเราไม่ได้เดินออกกำลังกายเลย หมอห้ามไว้ ขนาดลุกมากินข้าวยังท้องแข็งเลย เราจึงตัดสินใจผ่าคลอดวันที่ 9 พค 56 ที่จะถึง
           อาการเรา ณ ปัจจุบันนี้ ก็มีอาการท้องแข็งถึ่ขึ้น หายใจลำบากขึ้นและลูกเรามีอาการท้องนูนปูด ดิ้น บ่อยๆ มีอาการสะอึก เป็นชม วันละหลายครั้ง ทำให้เรานอนกลางคืนไม่ได้ และตัวเราเองก็มีอาการท้องเสียหลังจากกินอาหารเข้าไป อาจจะพิมพ์ยาวไปหน่อย แต่มันก็เรื่องจริงแต่ใครที่กำลังตั้งครรภ์เราเป็นกำลังใจให้นะคะ สู้ๆ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่