วันนี้ฤกษ์ดี มีเวลามาชำแหละ "ปึ้ง ซีเง็ก"(สุรพงษ์) โกหก แบบได้โล่ห์

กระทู้สนทนา
หมอกควันเริ่มจางทำให้คนไทยพอที่จะได้เห็นอะไรที่มันชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับกรณีข้อพิพาทไทยเขมร
วันนี้เลยจะมาตั้งกระทู้เก็บประเด็นที่น่าสนใจสัก 2-3 กระทู้ เพื่ออาจเป็นการสนับสนุนความเข้าใจร่วมกัน

ประเด็นที่เป็นเรื่องข้อมูลข้อเท็จจริงทางคดีจะมาชวนชี้เป็นกรณีๆอีกครั้ง

จะขอเริ่มวิจารณ์ตัวบุคคลก่อน หัวข้อว่า

ปึ้ง  โกหกไม่ได้เสนอถอดท่านฑูตวีรชัย ลายเซ็นตัวเองมัดคอตาย เลยกลับกลอกว่าเพื่อให้ท่านฑูตมีเวลาทำคดี อุบ๊ะ!!!


แม้ที่มาของคลิปจะพยายามแถให้ว่า  "สุรพงษ์"ยันย้าย"วีรชัย"ออกเจบีซีเป็นตามกฎกระทรวง
แต่การสัมภาษณ์มันชี้ชัดในนาทีที่ 0.40 ว่า   "ผมเหรอ? ผมยังไม่เคยเสนอให้ตัด"
และมาฉุกคิดได้ จนมาแถในช่วง 0.55    "ตอนนั้นเพิ่งมารับตำแหน่งใหม่ สิ่งทีทำก็ทำทุกอย่างตามที่กระทรวงเสนอให้ผม"

มันก็จะกลายเป็นปึ้งไม่มีปัญญาแม้แต่การพิจารณาทีมบริหารงานเลยนะ ถ้าจะแถแบบนี้ ก็ต้องเลือกแล้วล่ะ

ว่าปึ้งจะเป็นอะไรดีระหว่าง คนพูดเท็จกลับกลอก  หรือคนไร้ปัญญาดี



สิ่งที่มัดคอปึ้งตาย




พอปึ้งมีเวลา ก็พยายามรวบรวมข้อแก้ตัวไว้ แหม่เหมือนจะครบถ้วน แต่ไม่ง่ายอย่างนั้นน่ะสิ ปึ้ง!!!

http://www.thairath.co.th/content/pol/340049
นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศแจง ปลด นายวีรชัย พลาศรัยพ้น กมธ.เจบีซี เพื่อจะได้มีเวลาสู้คดีพระวิหารเต็มที่ โอด ยอมทนโดนด่าใจไม่สู้ เพราะเป็นแผนเก็บความลับ...

วันนี้ (21 เม.ย.56) เวลา 07.00 น. ทีมรัฐมนตรีที่เดินทางไปติดตามการสู้คดีปราสาทพระวิหารของไทยและกัมพูชาที่กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ ได้เดินทางมาถึงสนามบินสุวรรณภูมิแล้ว นำทีมโดยนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม และนายวีรชัย พลาศรัย เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงเฮก ที่เป็นหัวหน้าคณะทีมทนายความ ท่ามกลางการต้อนรับของประชาชนที่มาชูป้ายแสดงความชื่นชมและขอบคุณ นายวีรชัย รวมถึงกองทัพสื่อมวลชนที่มารอทำข่าวจำนวนมาก

โดย นายสุรพงษ์ ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า ขอขอบคุณคนไทยทั้งประเทศ ที่ให้แรงใจเชียร์ทีมทนายของฝ่ายไทย และนอกจากนี้จะมีการพิจารณาทำข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับคดี เพื่อให้ชาวไทยได้รับทราบ อย่างไรก็ตาม เท่าที่ได้พูดคุยกับ นายฮอร์ นัมฮง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ต่างประเทศกัมพูชา ในช่วงก่อนที่จะมีการแถลงปิดคดี ในวันที่ 19.เม.ย. นั้น ได้รับการยืนยันว่า ไม่ว่าผลในทางคดีจะเป็นเช่นใด ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศก็ยังคงต้องเดินหน้าร่วมกันพัฒนาเศรษฐกิจต่อไป โดยในวันพรุ่งนี้ (22 เม.ย.56) เวลา 14.00 น. ตนเองจะได้นำคณะทีมทนายไทยชาวต่างประเทศที่จะทยอยเดินทางมาในวันนี้และวันพรุ่งนี้เข้าพบกับนายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาลต่อไป

ส่วนกรณีที่ตนเองได้ลงนามในคำสั่งปลด นายวีรชัย พ้นจากตำแหน่งกรรมาธิการร่วมเขตแดนไทย-กัมพูชา หรือ JBC นั้น เป็นเพราะมีทูตท่านอื่นสามารถดำเนินการแทนได้ อีกทั้งยังต้องการให้นายวีรชัยได้มีเวลาทำงานสู้คดีพระวิหารได้อย่างเต็มที่ ซึ่งวันนี้ นายวีรชัย ก็ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าทำงานได้ดี และส่วนตัวก็ยังให้เกียรตินายวีรชัยได้ทำงานและตัดสินใจอย่างเต็มที่ พร้อมทั้งได้ยกย่องว่า ทีมทนายและทีมฝ่ายกฎหมายของไทยทีมนี้เป็นทีมที่ดีที่สุด

ทั้งนี้ รมว.ต่างประเทศ ยังได้เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาตนเองรู้สึกอึดอัดใจเป็นอย่างยิ่ง และยอมอดทนให้โดนใครๆ สบประมาท เพราะถึงแม้จะรู้รายละเอียดทั้งหมด แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ เพราะต้องเก็บความลับเรื่องแนวทางการสู้คดี

ด้าน นายวีรชัย กล่าวให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า หลังจากเสร็จสิ้นการแถลงด้วยวาจาต่อศาลโลก แล้ว ก็รู้สึกผ่อนคลายลง และรู้สึกว่าตนเองได้ทำอย่างเต็มที่และละเอียดรอบคอบที่สุดแล้ว ส่วนมั่นใจหรือไม่ว่าจะชนะคดีนั้น นายวีรชัย กล่าวว่า ขอให้ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาล สำหรับการยื่นเอกสารเพิ่มเติมเรื่องพิกัดแผนที่ปราสาทพระวิหาร ตามที่ผู้พิพากษาชาวโซมาเลียร้องขอ ซึ่งมีกำหนดจะต้องยื่นไปภายในวันที่ 26 เมษายนนั้น เบื้องต้นมีการเตรียมความพร้อมไว้แล้ว และภายในอีก 1 - 2 วันนี้ จะมีการประชุมคณะทำงาน เพื่อเตรียมความพร้อมในเรื่องนี้ต่อไป ซึ่งทางกรมแผนที่ทหารได้เตรียมการไว้แล้ว หลังจากผู้พิพากษาชาวโซมาเลียยื่นคำขอมา




กรณีที่ปึ้งจะเอาหน้าร่วมที่บอกว่ายอมทนโดนด่า รู้ข้อมูลหมดแต่พูดอะไรไม่ได้ มันรวมไปจนทำให้ปึ้ง...

1.สัมภาษณ์ออกตัวแต่ต้นว่าได้ก็ได้พื้นที่ก็เสมอตัว ไม่ได้ก็เจ๊งเลยหรือเปล่า?

แหม ปึ้งเป็นผู้นำที่สร้างขวัญกำลังใจให้ประชาชนได้ดีมากที่สร้างแต่ข่าวดีๆจากปากปึ้งให้

ที่มา : เดลินิวส์ 6 มกราคม
“ผมมองตั้งแต่ตอนเข้ามารับตำแหน่งแล้วว่าคดีนี้ ไทยมีแต่แพ้กับเสมอตัว คือถ้าแพ้ก็เสีย แต่ถ้าอยู่แบบเดิม เสมอตัว คือปราสาทพระวิหารเป็นของกัมพูชา ส่วนพื้นที่รอบปราสาทฯ ก็เป็นแบบเดียวกับคำพิพากษาเมื่อปี พ.ศ. 2505 ขณะที่ประชาชนที่อยู่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ต้องอยู่กันอย่างนี้ไปชั่วลูกชั่วหลานและในอนาคตที่เราก้าวสู่ประชาคมอาเซียน ซึ่งเหมือนกับประชาคมยุโรปเรื่องเขตแดนแทบจะไม่มีความหมายและผมไม่อยากเห็นการปะทะตามแนวชายแดนเกิดขึ้นเพราะเราเป็นเพื่อนบ้านกัน ควรอยู่ร่วมกันด้วยสันติสุขไม่อยากให้มีการแบ่งแยก”

2.มันทำให้ปึ้งทำเรื่องที่ควรเป็นวาระชาติ กลายเป็นสิ่งที่ปึ้งไม่สามารถไปช่วยอะไรได้เลยใช่ป่าว?
(กรณีนี้ชี้ให้เห็นว่าปึ้งไม่ได้ช่วยอะไรเขาเลย อ้อ ถ้าใครจะมาโต้แย้งว่าก็มีคนรับผิดชอบแล้วล่ะก็
สิ่งที่ปึ้งจะขาดทันทีในเรื่องการเป็นผู้นำ คือการชี้แนะ และการแสดงสปิริตที่จะอยู่ร่วมในการต่อสู้ล่ะ)
งานนี้ปึ้งคงต้องเลือกระหว่าง แท้จริงแล้วไร้ความสามารถ หรือ ไม่มีจิตวิญญาณการปกป้องบ้านเมืองล่ะ




กรณีที่ปึ้งกลับเรื่องตัดท่านฑูตออกจากคณะกรรมการ JBC อีกครั้ง

มันก็จะชี้ให้เห็นใน 2 เรื่อง จากเหตุผลที่ว่า

"แนวทาง JBC คือแนวทางในการเจรจาหาเพื่อข้อยุติ"
"แนวทางในเรื่องคดีคือแนวทางการต่อสู้เพื่อหาข้อยุติ"


คำถามเกิดขึ้นทันทีว่า!!

หากปึ้งเห็นว่าท่านฑูตรู้ และเตรียมข้อมูลมาเป็นอย่างดีในเรื่องนี้ ปึ้งตัดออกจากกรรมการทำไม?
เพราะเมื่อตัดแล้วจะเอาข้อมูลไหนไปเป็นแนวทางในการเจรจามิทราบ?!


คำถามนี้มันชี้ว่า ไม่เป็นการโชว์โง่ ก็เป็นแค่เรื่องโกหก ของปึ้ง

คำถามต่อมาคือ พรรคพวกปึ้งรังเกียจ MOU43 เหลือเกินและบอกว่า MOU51 คือของดี
ซึ่งมันขัดแย้งกับนวทางการต่อสู้ที่ทีมทนายทำ นั่นแล้วทำไมปึ้งไม่ใช้อำนาจกำหนดแนวทางตามสิ่งที่ปึ้งคิดว่าถูกต้อง?


ถ้าปึ้งอ้างว่ารู้ข้อมูลทั้งหมด!!!

มันก็จะชี้ให้เห็นว่า ปึ้งน่าจะรู้ว่าแนวทางไหนควรเป็นแนวทางที่ถูกต้องจึงไม่ปรับแนวทางการต่อสู้
แต่ขณะเดียวกันไม่นำแนวทางนี้ไม่ผนวกกับแนวทางของ JBC นี่มันก็เป็นอะไรที่มันขัดแย้งอีก

นั่นมันเพราะอะไร????

เราคงไม่กล่าวหาปึ้งตรงๆล่ะ ให้ปึ้งต้องเลือกอีกระหว่าง "โง่" กับ "ขายชาติ"

ประเด็นแรกสำหรับวันนี้ เชิญร่วมกันสนทนากันอย่างสำราญกับประเด็น "ปึ้ง ซีเง็ก"

คิดถึง Sky และ สิงห์สนามหลวง วันนี้เราน่าจะมาวิเคราะห์เหตุผลกันให้ชัดขึ้น
พยายามหลายครั้งแล้ว แต่เคลื่อนกันมาตลอดมีเวลาก็น่าจะมาถกให้รู้แก่นสารกันสักครั้ง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่