JJNY : สรท. ห่วงบาทแข็ง-แกว่งเร็ว│เตีย เซ็ยฮาโต้ไทยยันไม่ได้ขอหยุดยิง│ระเบิดคร่าตร.อีก2 ในมอสโก│เตือน 5จว.ใต้ มีฝนตกหนัก

สรท. ห่วงบาทแข็ง-แกว่งเร็ว ฉุด ‘ส่งออก’ แนะ 4 ทางสู้ลดผลกระทบ
.

.
สรท. ห่วงบาทแข็ง-แกว่งเร็ว ฉุด ‘ส่งออก’ แนะ 4 ทางสู้ลดผลกระทบ
.
เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม นายธนากร เกษตรสุวรรณ ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) เปิดเผยว่า สรท.กังวลต่อภาคการส่งออก ผลจากสถานการณ์ค่าเงินบาทแข็งค่าอย่างรวดเร็วและผันผวนนั้น กำลังส่งผลกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันผู้ส่งออกไทยอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะในบริบทที่ประเทศคู่แข่งในภูมิภาคยังสามารถบริหารจัดการค่าเงินให้อยู่ในระดับที่เอื้อต่อการส่งออกมากกว่า
.
ภาคส่งออกมิได้กังวลเพียงระดับของค่าเงินบาทเท่านั้น แต่กังวลอย่างยิ่งต่อความเร็วและความผันผวนของการแข็งค่า ทำให้ผู้ประกอบการไม่สามารถปรับตัว หรือบริหารความเสี่ยงได้ทัน โดยเฉพาะผู้ประกอบการเอสเอ็มอีและธุรกิจที่มีคำสั่งซื้อระยะยาว ซึ่งไม่สามารถปรับราคาได้ทันตามความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน” นายธนากร กล่าว
.
ประธาน สรท. กล่าวว่า ผลกระทบที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ได้แก่ 1.ต้นทุนทางการเงินเพิ่มขึ้นทันทีเมื่อแปลงรายได้เป็นเงินบาท 2.มาร์จิน (Margin) ลดลงอย่างรวดเร็ว และบางกรณีเริ่มเข้าสู่ภาวะขาดทุน 3.ความสามารถในการแข่งขันด้านราคาลดลงเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน 4.ความเสี่ยงต่อการสูญเสียคำสั่งซื้อและการย้ายฐานการผลิตในระยะยาว
.
นายธนากร กล่าวถึงแนวทางการปรับตัวของภาคส่งออกภายใต้ข้อจำกัดปัจจุบันนั้น ภาคส่งออกไทยตระหนักถึงความจำเป็นในการปรับตัว และได้เริ่มดำเนินการในหลายมิติ แม้จะมีข้อจำกัดด้านต้นทุนและโครงสร้าง ได้แก่ 1.การบริหารความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนอย่างรอบคอบมากขึ้น ผู้ประกอบการพยายามใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยง (Hedging) มากขึ้น อย่างไรก็ตาม SMEs จำนวนมากยังประสบข้อจำกัดด้านต้นทุน ความรู้ และการเข้าถึงเครื่องมือทางการเงิน 2.การปรับโครงสร้างต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ภาคธุรกิจเร่งควบคุมต้นทุน ปรับปรุงกระบวนการผลิตและเพิ่มประสิทธิภาพโลจิสติกส์ แต่ต้องยอมรับว่าไม่สามารถชดเชยผลกระทบจากค่าเงินที่แข็งค่าเร็วได้ทั้งหมด 3.การขยับจากการแข่งขันด้านราคาไปสู่มูลค่าเพิ่ม ผู้ส่งออกบางส่วนพยายามพัฒนาสินค้า มาตรฐาน และบริการ เพื่อหลีกเลี่ยงการแข่งขันด้านราคาเพียงอย่างเดียว แต่การเปลี่ยนผ่านนี้ต้องใช้เวลาและเงินลงทุน 4.การกระจายตลาดและลดการพึ่งพาสกุลเงินเดียว มีความพยายามขยายตลาดใหม่ และใช้สกุลเงินท้องถิ่นในการค้าขายมากขึ้น แต่ยังมีข้อจำกัดในเชิงโครงสร้างและการยอมรับของคู่ค้า

นายธนากร กล่าวว่า สำหรับข้อเรียกร้องเชิงนโยบายจากภาคส่งออกนั้น สรท.เน้นย้ำว่า ภาคส่งออกไม่ได้เรียกร้องให้รัฐบิดเบือนกลไกตลาด แต่ขอให้มีการบริหารจัดการเชิงนโยบายเพื่อไม่ให้ค่าเงินบาทแข็งค่าเร็วและผันผวนเกินกว่าศักยภาพของภาคเศรษฐกิจจริง โดยเฉพาะภาคการผลิตและการส่งออกซึ่งเป็นแหล่งรายได้หลักของประเทศ แต่การดูแลเสถียรภาพค่าเงินบาท การลดความผันผวน และการประสานนโยบายเศรษฐกิจอย่างบูรณาการ จะเป็นปัจจัยสำคัญในการช่วยให้ภาคส่งออกสามารถประคองตัวในระยะสั้น และรักษาความสามารถในการแข่งขันของประเทศในระยะยาว เห็นด้วยที่กระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แก้ปัญหาบาทแข็งและหาต้นเหตุแล้วออกมาตรการดูแล
.
ด้าน นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ ที่ปรึกษาประธานกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์และโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ขณะที่เงินบาทแข็งค่าจนมาอยู่ระดับ 31 บาทต่อเหรียญสหรัฐ แต่ราคาทองภายในประเทศกลับสูงขึ้น ตนเห็นว่าเป็นเรื่องที่ไม่ปกติ หากเงินบาทแข็งค่าเพราะเงินดอลลาร์อ่อนค่า ดังนั้น หน่วยงานรัฐต้องเร่งหาสาเหตุที่เงินบาทแข็งค่า แต่ทองกลับราคาแพงขึ้นว่า เกิดจากเงินที่เข้ามาซื้อทองคำในไทยบางส่วน เป็นเงินที่หาแหล่งต้นเงินไม่ได้หรือไม่ ทั้งนี้ การที่ค่าเงินบาทแข็งจะส่งผลกระทบต่อเอสเอ็มอีไทย หรือสินค้าเกษตรเมื่อส่งออกจะได้รับผลกระทบค่อนข้างมากเพราะแลกเป็นเงินบาทได้น้อยลง จึงอยากให้ดูแลไม่ให้เงินบาทแข็งค่ากว่าประเทศคู่แข่ง จะทำให้ไทยเสียเปรียบด้านส่งออก เช่น อุตสาหกรรมรถยนต์ มีมาเลเซีย อินโดนีเซีย เวียดนาม และญี่ปุ่น เป็นคู่แข่ง รวมทั้งต้องวิเคราะห์สาเหตุค่าเงินบาทแข็ง เพราะเงินดอลลาร์อ่อนตัวใช่หรือไม่ หากดอลลาร์อ่อนแล้ว ประเทศคู่แข่งเงินแข็งขึ้นในเปอร์เซ็นต์พอๆ กันก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าเรามีค่าเงินแข็งผิดปกติกับประเทศคู่แข่งต้องหาสาเหตุว่าเพราะอะไรและแก้ให้ตรงจุด
.
นายสุรพงษ์ กล่าวถึงกรณียอดผลิตรถยนต์ลดลงมาก โดยเฉพาะรถกระบะนั้น อยากให้รัฐบาลตั้งกองทุนตามที่คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) เคยเสนอให้รัฐตั้งกองทุนเพื่อค้ำประกันรถกระบะ เช่น เมื่อสถาบันการเงินยึดรถมาแล้วขายขาดทุนเท่าไหร่ รัฐจะชดเชยให้ตามจริงแต่ไม่เกินคันละ 50,000 บาท เพื่อป้องกันความเสี่ยงให้แก่สถาบันการเงินที่ปล่อยสินเชื่อ ทั้งนี้ สาเหตุที่ยอดการผลิตรถกระบะลดลง จากเดิมผลิต 30,000 คัน เหลือเพียง 10,000 คัน เป็นผลพวงมาจากสถานการณ์โควิด-19 ด้วยประเทศไทยประกาศใช้มาตรการล็อกดาวน์ทำให้ผู้ใช้รถกระบะขาดรายได้และค้างชำระงวดจากสถาบันเงินกู้
.
แม้ในช่วงแรกจะมีการผ่อนผัน แต่เมื่อมีการคลายล็อกดาวน์สถาบันการเงินเริ่มยึดรถที่ค้างชำระเกิน 90 วัน เมื่อยึดรถมาขายทอดตลาดแล้วราคาตก ทำให้สถาบันการเงินขาดทุนพันกว่าล้าน จึงเป็นเหตุให้สถาบันการเงินเข้มงวดในการปล่อยกู้มากขึ้น
.
นายสุรพงษ์ กล่าวถึงภาพรวมเศรษฐกิจปี 2569 ว่า จากข้อมูลองค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ (OECD) คาดว่าจีดีพีปี 2569 ยังโตต่ำเพียงร้อยละ 1.5-1.6 ส่งผลให้ต่างประเทศไม่อยากเข้ามาลงทุน ดังนั้น รัฐบาลที่จะเข้ามาบริหารประเทศในปี 2569 ควรกระตุ้นเศรษฐกิจให้โตร้อยละ 3-5 เพื่อดึงดูดการลงทุนในประเทศ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมที่มีห่วงโซ่อุปทานเยอะๆ เช่น อุตสาหกรรมรถยนต์ และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เพื่อให้คนในห่วงโซ่ทั้งหลายมีรายได้ดีขึ้น.
.

.
เตีย เซ็ยฮา โต้ กองทัพไทย ยันไม่ได้ขอหยุดยิง ชี้แค่เอกสารกรอบเจรจา จีบีซี.
https://www.matichon.co.th/politics/news_5521021
.
เตีย เซ็ยฮา รมว.กลาโหมกัมพูชา โต้ กองทัพไทย ยันไม่ได้ขอหยุดยิง ชี้แค่เอกสารกรอบเจรจา จีบีซี ตามกรอบอาเซียน
.
จากกรณี กระทรวงกลาโหมกัมพูชาได้มีหนังสืออย่างเป็นทางการถึง รมว.กลาโหมของไทย เพื่อแสดงความประสงค์ในการเจรจาหยุดยิงผ่านกลไก GBC โดยไทยย้ำว่าต้องพิสูจน์ความจริงใจผ่าน 3 เงื่อนไขเหล็ก ก่อนลงนามสันติภาพในวันที่ 27 ธ.ค.68 ตามที่มีการนำเสนอข่าวไปก่อนหน้านี้
.
ล่าสุด วันที่ 25 ธันวาคม พล.อ.เตีย เซ็ยฮา รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมกัมพูชา โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊ก “TEA Seiha/ទៀ សីហា” ระบุว่า
.
“สื่อมวลชนไทยบางสำนัก ทั้งสื่อทางการและไม่เป็นทางการ ได้นำหนังสือราชการฉบับหนึ่ง (ที่ส่งถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของไทย) ไปเผยแพร่ในลักษณะเหมือนเป็นเอกสารที่หลุดรั่วออกมา ในตอนนี้ เรามีทั้ง Google Translate, ChatGPT รวมถึง Gemini ซึ่งสามารถแปลภาษาอังกฤษได้ แต่เนื้อหาที่แปลออกมากลับไม่ตรงกับความหมายที่แท้จริง ตามที่สื่อไทยได้นำไปเผยแพร่ให้ชาวไทยรับรู้แต่อย่างใด จากที่เคยสงสัย ตอนนี้ไม่สงสัยแล้ว”
.
ขณะที่เฟซบุ๊กเพจ “สำนักข่าว Kampuchea Thmey Daily” ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของ นางฮุน มานา ลูกสาวนายฮุนเซน โพสต์รายงานปฏิเสธรายงานข่าวจากฝั่งไทยที่ระบุว่า พล.อ.เตีย เซ็ยฮา รมว.กลาโหมกัมพูชา ได้ทำหนังสือถึง พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมว.กลาโหมของไทย เพื่อขอหยุดยิง เป็นการรายงานข่าวที่ไม่เป็นความจริง
.
Kampuchea Thmey Daily ระบุว่า หนังสือที่ พล.อ.เตีย เซ็ยฮา ส่งถึง พล.อ.ณัฐพล ดังกล่าวเป็นการสนับสนุนการจัดประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป กัมพูชา-ไทย (General Border Committee: GBC) ในวันที่ 24 ธ.ค.68 ตามแถลงการณ์ของประธานอาเซียน ซึ่งเผยแพร่ภายหลังการประชุมพิเศษรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนว่าด้วยสถานการณ์ปัจจุบันระหว่างกัมพูชาและไทย ที่จัดขึ้น ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ เมื่อวันที่ 22 ธ.ค.ที่ผ่านมา
.
การยืนยันดังกล่าวมีขึ้นท่ามกลางสถานการณ์ที่ฝ่ายไทยได้เผยแพร่ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องบางประการ ซึ่งส่งผลกระทบต่อความเข้าใจของสาธารณชนเกี่ยวกับท่าทีที่แท้จริงของกัมพูชาในการแสวงหาทางออกของความขัดแย้งด้วยสันติวิธี
.
ในหนังสือที่ส่งถึง รมว.กลาโหมไทย พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ ซึ่งดำรงตำแหน่งประธานร่วม GBC ฝ่ายไทยนั้น พล.อ.เตีย เซ็ยฮา รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหมกัมพูชา ได้ยืนยันอีกครั้งถึงความมุ่งมั่นของกัมพูชาในการเจรจาและแก้ไขความขัดแย้งโดยสันติ ตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ ท่ามกลางความตึงเครียดตามแนวชายแดน
.
แถลงการณ์ของประธานอาเซียนได้แสดงความยินดีต่อการหารือเกี่ยวกับการกลับมาดำเนินการหยุดยิงและการยุติการสู้รบ ขณะที่รัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนได้แสดงความหวังต่อการลดระดับความตึงเครียดในระยะเริ่มต้น
.
ในสาระของการหารือ กัมพูชาได้เสนอให้การประชุม GBC มุ่งเน้นวาระสำคัญหลายประการ ได้แก่ การยุติการสู้รบทุกรูปแบบโดยทันที การเคารพและปฏิบัติอย่างครบถ้วน ตามข้อตกลงหยุดยิงลงวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 รวมถึงแถลงการณ์ร่วมกรุงกัวลาลัมเปอร์ ลงวันที่ 26 ตุลาคม 2568 และข้อตกลงอื่นๆ ที่ได้บรรลุภายใต้กรอบเดียวกัน
.
อีกหนึ่งวาระเร่งด่วนคือ การเอื้ออำนวยให้พลเรือนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ชายแดนซึ่งได้รับผลกระทบ สามารถเดินทางกลับภูมิลำเนาได้อย่างปลอดภัย มีศักดิ์ศรี และปราศจากการขัดขวาง พร้อมทั้งเร่งดำเนินการแก้ไขความขัดแย้งด้วยสันติวิธี การปฏิบัติตามแถลงการณ์ร่วมกรุงกัวลาลัมเปอร์อย่างเต็มรูปแบบ ตลอดจนการฟื้นฟูกลไกที่มีอยู่ภายใต้กรอบดังกล่าวโดยทันที รวมถึงกระบวนการกำหนดเขตแดน และความร่วมมือด้านการเก็บกู้ทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรม
.

.
รัสเซียช็อก ระเบิดคร่าตำรวจอีก 2 ในมอสโก ใกล้จุดนายพลโดนสังหาร
.
เกิดเหตุระเบิดในกรุงมอสโกของรัสเซียอีกครั้ง ทำให้ตำรวจเสียชีวิต 2 นาย เพียงไม่กี่วันหลังเกิดระเบิดคาร์บอมบ์ จนทำให้นายพลคนหนึ่งของกองทัพรัสเซียเสียชีวิต
.
ในวันพุธที่ 24 ธ.ค. 2568 เกิดเหตุระเบิดในกรุงมอสโกส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 3 ศพ หลังจากตำรวจ 2 นายพยายามเข้าไปตรวจสอบชายคนหนึ่งที่มีพฤติกรรมน่าสงสัย ในบริเวณใกล้กับจุดที่นายพลระดับสูงเพิ่งเสียชีวิตจากเหตุระเบิดคาร์บอมบ์เมื่อ 2 วันก่อน ซึ่งทางการรัสเซียอ้างว่าเป็นฝีมือของหน่วยข่าวกรองยูเครน
.
ตลอดระยะเวลาเกือบ 4 ปี นับตั้งแต่รัสเซียยกทัพบุกโจมตีเต็มรูปแบบในยูเครน มีบุคคลสำคัญในกองทัพรัสเซียและกระบอกเสียงผู้สนับสนุนสงครามในยูเครนถูกลอบสังหารไปแล้วหลายราย โดยมีหลายครั้งที่หน่วยข่าวกรองของกองทัพยูเครนออกมายอมรับว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง
.
เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (22 ธ.ค.) เกิดระเบิดคาร์บอมบ์บริเวณลานจอดรถทางตอนใต้ของกรุงมอสโก เมื่อเวลาประมาณ 07.00 น. ทำให้พลโท ฟานิล ซาร์วารอฟ ผู้อำนวยการสำนักฝึกอบรมการปฏิบัติการแห่งคณะเสนาธิการกองทัพรัสเซียเสียชีวิต แต่ยังไม่มีใครออกมาอ้างว่าเป็นผู้ก่อเหตุ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่