
ตลาดหุ้นนิวยอร์ค ที่สหรัฐอเมริกาดีดกลับกันอย่างรุนแรง ทุกดัชนีพุ่งขึ้นเกินกว่า 1% หมด โดยดัชนีดาวโจนส์ ทะยานขึ้น 1.08% ในขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ดีดกลับขึ้นถึง 1.43% และดัชนีแนสแดกซ์ ก็พุ่งขึ้นถึง 1.50%
อุณหภูมิการลงทุนในตลาดหุ้นนิวยอร์ค สหรัฐอเมริกา วันที่ 16 เมษายน 2556 นักลงทุนกลับเข้าซื้อหุ้นกันอย่างคึกคัก ภายหลังจากเมื่อวานนี้ ดัชนีราคาหุ้นลดลงไปรุนแรงที่สุดในปีนี้ ตลาดรับข่าวดีกับตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาดีกว่าที่คาด รวมทั้ง ผลประกอบการของบริษัทต่างๆออกมาดีกว่าที่คาดการณ์ ไม่ว่าจะเป็นยักษ์ใหญ่เช่นดับโคคา-โคลา หรือว่า จอห์นสันแอนด์จอห์นสัน นอกจากนั้น ราคาสินค้าในตลาดซื้อขายล่วงหน้าทั้งราคาทองคำ น้ำมัน และโลหะสำคัญอื่นๆต่างพากันดีดกลับ แม้ว่าจะยังไม่สามารถเอาคืนจากที่ลดลงไปอย่างแรงเมื่อวานนี้ก็ตาม

ตลาดหุ้นดีดกลับขึ้นแรงแม้ว่า กองทุนการเงินระหว่างประเทศหรือ IMF ออกมาปรับลดการคาดการณ์ของเศรษฐกิจโลกลงเป็นครั้งที่ 4 ติดต่อกัน โดยครั้งนี้คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกในปีนี้จะขยายตัว 3.3% จากก่อนหน้านี้ที่คาดว่าจะขยายตัว 3.5% โดยกองทุนการเงินระหว่างประเทศคาดการณ์ว่า ประเทศในเขตเศรษฐกิจยูโรโซน 17 ประเทศจะเผชิญกับภาวการณ์ถดถอย 0.3% เปรียบเทียบกับก่อนหน้านี้ที่คาดการณ์ว่า จะถดถอย 0.2% และคาดการณ์เศรษฐกิจของฝรั่งเศสและสเปนว่าจะอยู่ในภาวะที่ถดถอยมากขึ้นด้วย
ราคาทองคำสัญญาส่งมอบเดือนมิถุนายนดีดกลับขึ้นมาประมาณ 3.2% ขึ้นมายืนที่ระดับ 1,404.20 ดอลล่าร์สหรัฐฯต่อออนซ์ได้ หลังจากที่ลดลงไปถึง 9.3% เมื่อวานนี้ และลงไปทำระดับต่ำสุดที่ระดับ 1,321 ดอลล่าร์สหรัฐฯต่อออนซ์ให้ได้เห็น รวมทั้งสินค้าในตลาดซื้อขายล่วงหน้าอื่นๆในวันนี้ ทั้งพลังงาน โลหะสำคัญทุกชนิดรีบาวด์ขึ้นมา แม้ว่า ไม่เท่ากับการลดลงอย่างแรงเมื่อวานนี้ ก็ตาม แต่ก็ทำให้หุ้นในกลุ่มผู้ประกอบการเหมืองแร่และโลหะดีดกลับขึ้นมาบ้าง
ระเบิดในงานบอสตัน มาราธอน ยังเป็นปัจจัยลบ เนื่องจากว่าทางการยังไม่มั่นใจว่า เป็นการลงมือของกลุ่มบุคคลใด
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นสหรัฐอเมริการับข่าว กระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐอเมริกา รายงานข้อมูลยอดตัวเลขการจ้างบ้านใหม่ในเดือน มีนาคม พุ่งทะยานเพิ่มขึ้นถึง 7% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า หรือเพิ่มขึ้น 1.04 ล้านหน่วย นับว่าเป็นระดับที่สูงที่สุดในรอบ 7 ปี หลังจากก่อนหน้านี้ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ก็เพิ่มขึ้นถึง 968,000 หน่วย
ข้อมูลดังกล่าวสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าจะอยู่ที่ตัวเลข 930,000 หน่วยเท่านั้น
และสำนักงานแรงงานของทางการสหรัฐอเมริการายงานว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคของสหรัฐอเมริกาในเดือนมีนาคม ลดลง 0.2% เปรียบเทียบกับเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่เพิ่มขึ้น 0.7%
ก่อนหน้านี้ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนมีนาคมจะอยู่ที่ระดับทรงตัว
ดัชนีราคาผู้บริโภคที่ลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 4 เดือน ท่ามกลางต้นทุนราคาน้ำมันสำเร็จรูปที่ลดลง นับเป็นข่าวดีของตลาดหุ้น เนื่องจากยิ่งทำมั่นใจมากขึ้นว่า ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา(เฟด)จะยังคงเดินมาตรการผ่อนคลายทางการเชิงปริมาณเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง
ปล. ลงทุนด้วยสติกันครับ อย่าตื่น อย่าตระหนก ก่อนมีสตางค์ ต้องมีสติกันก่อนนะครับ ตลาดโลกก็เป็นแบบนี้ กังวลสลับคลายกังวล หากเราลงทุนมาระยะนึงแล้ว ตัวเลขดังกล่าวไม่ใช่ปัจจัยลบแต่อย่างใดครับ กลับกันหากเราไม่มั่นใจอะไรเลย แม้แต่หุ้นที่เราลงทุน เล่นเข้าออกตามกระแสมากเกินไป หุ้นของเราก็คงไม่พ้นสภาพหุ้นปริ่มน้ำ หวั่นไหวไปตามกระแสไม่ว่าจะหนักหรือเบาครับ
หุ้นสหรัฐฯดีดกลับแรง แนสแดกซ์พุ่งถึง 1.50%
ตลาดหุ้นนิวยอร์ค ที่สหรัฐอเมริกาดีดกลับกันอย่างรุนแรง ทุกดัชนีพุ่งขึ้นเกินกว่า 1% หมด โดยดัชนีดาวโจนส์ ทะยานขึ้น 1.08% ในขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ดีดกลับขึ้นถึง 1.43% และดัชนีแนสแดกซ์ ก็พุ่งขึ้นถึง 1.50%
อุณหภูมิการลงทุนในตลาดหุ้นนิวยอร์ค สหรัฐอเมริกา วันที่ 16 เมษายน 2556 นักลงทุนกลับเข้าซื้อหุ้นกันอย่างคึกคัก ภายหลังจากเมื่อวานนี้ ดัชนีราคาหุ้นลดลงไปรุนแรงที่สุดในปีนี้ ตลาดรับข่าวดีกับตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาดีกว่าที่คาด รวมทั้ง ผลประกอบการของบริษัทต่างๆออกมาดีกว่าที่คาดการณ์ ไม่ว่าจะเป็นยักษ์ใหญ่เช่นดับโคคา-โคลา หรือว่า จอห์นสันแอนด์จอห์นสัน นอกจากนั้น ราคาสินค้าในตลาดซื้อขายล่วงหน้าทั้งราคาทองคำ น้ำมัน และโลหะสำคัญอื่นๆต่างพากันดีดกลับ แม้ว่าจะยังไม่สามารถเอาคืนจากที่ลดลงไปอย่างแรงเมื่อวานนี้ก็ตาม
ตลาดหุ้นดีดกลับขึ้นแรงแม้ว่า กองทุนการเงินระหว่างประเทศหรือ IMF ออกมาปรับลดการคาดการณ์ของเศรษฐกิจโลกลงเป็นครั้งที่ 4 ติดต่อกัน โดยครั้งนี้คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกในปีนี้จะขยายตัว 3.3% จากก่อนหน้านี้ที่คาดว่าจะขยายตัว 3.5% โดยกองทุนการเงินระหว่างประเทศคาดการณ์ว่า ประเทศในเขตเศรษฐกิจยูโรโซน 17 ประเทศจะเผชิญกับภาวการณ์ถดถอย 0.3% เปรียบเทียบกับก่อนหน้านี้ที่คาดการณ์ว่า จะถดถอย 0.2% และคาดการณ์เศรษฐกิจของฝรั่งเศสและสเปนว่าจะอยู่ในภาวะที่ถดถอยมากขึ้นด้วย
ราคาทองคำสัญญาส่งมอบเดือนมิถุนายนดีดกลับขึ้นมาประมาณ 3.2% ขึ้นมายืนที่ระดับ 1,404.20 ดอลล่าร์สหรัฐฯต่อออนซ์ได้ หลังจากที่ลดลงไปถึง 9.3% เมื่อวานนี้ และลงไปทำระดับต่ำสุดที่ระดับ 1,321 ดอลล่าร์สหรัฐฯต่อออนซ์ให้ได้เห็น รวมทั้งสินค้าในตลาดซื้อขายล่วงหน้าอื่นๆในวันนี้ ทั้งพลังงาน โลหะสำคัญทุกชนิดรีบาวด์ขึ้นมา แม้ว่า ไม่เท่ากับการลดลงอย่างแรงเมื่อวานนี้ ก็ตาม แต่ก็ทำให้หุ้นในกลุ่มผู้ประกอบการเหมืองแร่และโลหะดีดกลับขึ้นมาบ้าง
ระเบิดในงานบอสตัน มาราธอน ยังเป็นปัจจัยลบ เนื่องจากว่าทางการยังไม่มั่นใจว่า เป็นการลงมือของกลุ่มบุคคลใด
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นสหรัฐอเมริการับข่าว กระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐอเมริกา รายงานข้อมูลยอดตัวเลขการจ้างบ้านใหม่ในเดือน มีนาคม พุ่งทะยานเพิ่มขึ้นถึง 7% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า หรือเพิ่มขึ้น 1.04 ล้านหน่วย นับว่าเป็นระดับที่สูงที่สุดในรอบ 7 ปี หลังจากก่อนหน้านี้ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ก็เพิ่มขึ้นถึง 968,000 หน่วย
ข้อมูลดังกล่าวสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าจะอยู่ที่ตัวเลข 930,000 หน่วยเท่านั้น
และสำนักงานแรงงานของทางการสหรัฐอเมริการายงานว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคของสหรัฐอเมริกาในเดือนมีนาคม ลดลง 0.2% เปรียบเทียบกับเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่เพิ่มขึ้น 0.7%
ก่อนหน้านี้ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนมีนาคมจะอยู่ที่ระดับทรงตัว
ดัชนีราคาผู้บริโภคที่ลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 4 เดือน ท่ามกลางต้นทุนราคาน้ำมันสำเร็จรูปที่ลดลง นับเป็นข่าวดีของตลาดหุ้น เนื่องจากยิ่งทำมั่นใจมากขึ้นว่า ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา(เฟด)จะยังคงเดินมาตรการผ่อนคลายทางการเชิงปริมาณเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง
ปล. ลงทุนด้วยสติกันครับ อย่าตื่น อย่าตระหนก ก่อนมีสตางค์ ต้องมีสติกันก่อนนะครับ ตลาดโลกก็เป็นแบบนี้ กังวลสลับคลายกังวล หากเราลงทุนมาระยะนึงแล้ว ตัวเลขดังกล่าวไม่ใช่ปัจจัยลบแต่อย่างใดครับ กลับกันหากเราไม่มั่นใจอะไรเลย แม้แต่หุ้นที่เราลงทุน เล่นเข้าออกตามกระแสมากเกินไป หุ้นของเราก็คงไม่พ้นสภาพหุ้นปริ่มน้ำ หวั่นไหวไปตามกระแสไม่ว่าจะหนักหรือเบาครับ