ต้องด่าให้ถูกคน ถูกกลุ่ม
ความขัดแย้งเรื่องดินแดนของประเทศที่มีพรมแดนประชิดกัน บางครั้ง
เกิดจากความรู้น้อยด้อยประสบการณ์ของรัฐบาลหนึ่ง แต่ผลลบดันมาตกกับอีกรัฐบาลหนึ่งอย่างไม่ยุติธรรม ไอ้รัฐบาลเดิมที่ก่อร่างสร้างปัญหาไว้กลับถลกก้นพ้นความเป็นรัฐบาลไปแล้ว ไม่ต้องรับผิดชอบอะไร
ขณะกำลังเรียนเขียนรับใช้ผู้อ่านท่านที่เคารพ ใจของผมก็นึกถึงเรื่องที่อินโดนีเซียแย่งเกาะลิกิตานกับเกาะสิปิดานกับมาเลเซียเมื่อไม่นานมานี้
รัฐบาลของอินโดนีเซียชุดที่นำเรื่องขึ้นสู่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ
คือ รัฐบาลของประธานาธิบดีซูฮาร์โต แต่ศาลโลกมาตัดสินเอาในสมัยของประธานาธิบดีเมกาวาตี ปุตรี
เมื่อศาลตัดสินให้มาเลเซียชนะ อินโดนีเซียแพ้ ต้องเสียเกาะ 2 เกาะพร้อมทั้งพื้นที่ทะเลที่มีก๊าซธรรมชาติและน้ำมันให้มาเลเซีย
ประชาชนคนอินโดนีเซียก็ก่นด่าประธานาธิบดีเมกาวาตี ปุตรี กันทั้งประเทศ หาว่ารัฐบาลทำให้ประเทศเสียดินแดน การแพ้คดีในศาลโลก ทำให้คะแนนนิยมของเธอตกฮวบฮาบ เลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งต่อมา เธอและคณะก็แพ้รูดมหาราช
กรณีนี้ ผมว่าคนอินโดนีเซียไม่ค่อยเข้าท่า เพราะ
แทนที่จะไปด่าไอ้คนที่ก่อเรื่อง ที่ก่อกวนยวนประสาทจนต้องเอาข้อพิพาทขึ้นสู่ศาลโลก ประชาชนกลับไม่ด่าไอ้คนนั้นเลยสักแอะ
มาเลเซียกับอินโดนีเซียมีกรณีพิพาทเรื่องแย่งกรรมสิทธิ์เกาะลิกิตานกับเกาะสิปิดาน ความสำคัญของเกาะทั้งสอง ก็คือ เป็นจุดกำหนดเขตน่านน้ำทะเลและเขตเศรษฐกิจจำเพาะ โดยเริ่มทะเลาะกันครั้งแรกเมื่อ พ.ศ.2512 แต่ก็ไม่มีเหตุการณ์อะไรรุนแรง
เวลาหมุนเวียนเปลี่ยนไป 27 ปีให้หลัง มีกลุ่มเอ็นจีโอของอินโดนีเซียออกมาทะลึ่งตึงตัง นำความกระอักกระอ่วนใจให้ทั้งผู้นำอินโดนีเซียและมาเลเซียในห้วงช่วงนั้นเป็นอย่างมาก
พวกเอ็นจีโออินโดนีเซียตำหนิติเตียนที่รัฐบาลของนายซูฮาร์โตไม่ออกแอ็กชั่นในเรื่องนี้ เลย เมื่อเอ็นจีโอกดดันหนักเข้า รัฐบาลของทั้งสองก็แก้ไขด้วยการใช้สนธิสัญญามิตรไมตรีและความร่วมมือของอาเซียนต่างๆ แต่ก็ไม่ได้ผล พวกเอ็นจีโอและฝ่ายค้านก็ยังเย้วๆ ไม่เลิก
พ.ศ.2539 นายซูฮาร์โตจึงต้องไปบอกกับนายแพทย์มหฎิร มุฮำหมัด นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ว่าประชาชนคนของข้าพเจ้าอยากจะให้แก้ไขปัญหาความขัดแย้งเรื่องเกาะทั้งสองเสียที ผู้นำทั้งสองจึงลงนามทำความตกลงเพื่อยุติข้อขัดแย้งในปี พ.ศ.2539 นั้นเอง
พอถึงเดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2541 รัฐบาลอินโดนีเซียของนายฮาบีบีและรัฐบาลมาเลเซียของนายแพทย์มหฎิร ก็ส่งข้อขัดแย้งนี้ไปที่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศพิจารณาคดี
ส่วนฟิลิปปินส์เองตอนนั้นมีข้อขัดแย้งกับมาเลเซีย ก็ไปขอศาลโลกว่า รัฐซาบาห์ในเกาะบอร์เนียวที่มาเลเซียอ้างว่าเป็นของตนนั้น อันที่จริงเป็นของฟิลิปปินส์ต่างหาก ฟิลิปปินส์สามารถครอบครองและมีอธิปไตยในเกาะบอร์เนียวเหนือโดยสิทธิทางประวัติศาสตร์และทางกฎหมาย ข้าพเจ้าฟิลิปปินส์ขอศาลยุติธรรมระหว่างประเทศโปรดอนุญาตให้ฟิลิปปินส์เข้าไปมีส่วนเกี่ยวดอง หนองยุ่งกับคดีที่มาเลเซียกับอินโดนีเซียกำลังมีเรื่องแย่งเกาะลิกิตานและเกาะสิปิดานด้วยเถิด
ศาลโลกปฏิเสธคำขอของฟิลิปปินส์
17 ธันวาคม 2543 ศาลโลกตัดสินว่า เกาะลิกิตานและเกาะสิปิดานนี้ ย้อนหลังกลับไปในอดีตเป็นกรรมสิทธิ์ของอังกฤษ ฝ่ายเนเธอร์แลนด์ซึ่งปกครองอินโดนีเซียไม่เคยแสดงอาการคัดค้านให้เห็นมาก่อนเลย ว่าเกาะทั้งสองนี้เป็นของเนเธอร์แลนด์
เมื่อได้เอกราชแล้ว ดินแดนทั้งหมดของเนเธอร์แลนด์ก็กลายมาเป็นประเทศอินโดนีเซีย ดินแดนทั้งหมดของอังกฤษ ก็กลายมาเป็นประเทศมาเลเซีย
เกาะลิกิตานและเกาะสิปิดานเป็นของอังกฤษ จึงต้องเป็นของมาเลเซีย
พอทราบคำตัดสินของศาลปุ๊บผู้คนทุกตรอกซอกมุมของอินโดนีเซียก็ตะโกนก้องร้องด่าและสาปแช่งประธานาธิบดีในขณะนั้น คือนางเมกาวาตี ปุตรี
แต่ไม่ด่าไอ้กลุ่มที่ทะลึ่งก่อเรื่องจนนำไปสู่การเสียดินแดนในครั้งนั้น
ในกรณีของไทยกับกัมพูชา
เรื่องเขาพระวิหารนี่ก็เหมือนกันครับ ถ้าผู้อ่านท่านยังระลึกนึกได้ ก็จะพบว่า
ความขัดแย้งครั้งใหม่เริ่มมาจากคนไทยกลุ่มหนึ่งที่ไปตะโกนเย้วๆ ด่าทอเขมร และท่านก็คงจะนึกออกนะครับ ว่า
รัฐมนตรีต่างประเทศของไทยคนไหน ที่ไปด่าทอผู้นำกัมพูชาเสียหายๆ จนมีเรื่องกันถึงขนาดไทยและเขมรต้องขึ้นศาลโลกอีกรอบ
อีกไม่เดือน ผลของคดีกรณีเขาพระวิหารก็จะปรากฏ
ผมทราบว่า
ไอ้พวกที่ก่อเรื่อง ได้เตรียมโจมตีรัฐบาลของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เอาไว้แล้ว ป้ายและเนื้อหาที่จะใช้โจมตีด่าทอต่างๆ ก็จัดกันไว้อย่างเป็นระบบ
รัฐบาลต้อง ‘แก้ลำ’ ไอ้พวกนี้ด้วยการเอาชื่อเสียงเรียงนามคนที่ก่อเรื่องกะเขมรมาขึ้นป้ายไว้ก่อนให้ประชาชนระลึกนึกถึง ตอนที่คนพวกนี้ก่อเรื่อง
หากผลของคดีปรากฏในทางลบ
ประชาชนจะได้ประณามคนกลุ่มนี้ได้ถูกตัวครับ.
คุณนิติ นวรัตน์
ไทยรัฐออนไลน์ 10 เมษายน 2556, 05:00 น.
http://www.thairath.co.th/column/oversea/worldsky/337733
??????????????????????????????????
".......เรื่องเขาพระวิหารนี่ก็เหมือนกันครับ ถ้าผู้อ่านท่านยังระลึกนึกได้ ก็จะพบว่า
ความขัดแย้งครั้งใหม่เริ่มมาจากคนไทยกลุ่มหนึ่งที่ไปตะโกนเย้วๆ ด่าทอเขมร และท่านก็คงจะนึกออกนะครับ ว่า
รัฐมนตรีต่างประเทศของไทยคนไหน ที่ไปด่าทอผู้นำกัมพูชาเสียหายๆ จนมีเรื่องกันถึงขนาดไทยและเขมรต้องขึ้นศาลโลกอีกรอบ....."
"....ผมทราบว่า
ไอ้พวกที่ก่อเรื่อง ได้เตรียมโจมตีรัฐบาลของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เอาไว้แล้ว ป้ายและเนื้อหาที่จะใช้โจมตีด่าทอต่างๆ ก็จัดกันไว้อย่างเป็นระบบ....."
อ้อ...
เตรียมเบี่ยงประเด็นโบ้ยอึให้พ้นตักตัวเอง และกลับโยนของเน่านั้นให้คนอื่นตามนิสัยอีกแล้วเหรอ
อย่าฝัรรรรไปเรยยยทาสเผด็จการเอ๋ยที่จะหลอกปั่นหัวคนไทยส่วนใหญ่ได้
อาจมีบ้างสำหรับสาวกผู้ที่ไร้เหตุไร้ผลข้อมูลความจริง
หรือรู้ข้อมูลอยู่บ้างแต่ก็หน้ามืดตามัวเชียร์แบบไม่อายฟ้าดิน
แต่ไม่ใช่กับคนไทยยุคนี้นะเฮ้ย
ฝันไปเถอะ....
บทความจากไทยรัฐ"ต้องด่าให้ถูกคน ถูกกลุ่ม"...มาดูกันว่าถ้าหากเราแพ้กรณีเขาพระวิหาร จริงๆแล้วเราต้องด่าใคร ใครเป็นเหตุ??
ความขัดแย้งเรื่องดินแดนของประเทศที่มีพรมแดนประชิดกัน บางครั้งเกิดจากความรู้น้อยด้อยประสบการณ์ของรัฐบาลหนึ่ง แต่ผลลบดันมาตกกับอีกรัฐบาลหนึ่งอย่างไม่ยุติธรรม ไอ้รัฐบาลเดิมที่ก่อร่างสร้างปัญหาไว้กลับถลกก้นพ้นความเป็นรัฐบาลไปแล้ว ไม่ต้องรับผิดชอบอะไร
ขณะกำลังเรียนเขียนรับใช้ผู้อ่านท่านที่เคารพ ใจของผมก็นึกถึงเรื่องที่อินโดนีเซียแย่งเกาะลิกิตานกับเกาะสิปิดานกับมาเลเซียเมื่อไม่นานมานี้ รัฐบาลของอินโดนีเซียชุดที่นำเรื่องขึ้นสู่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศคือ รัฐบาลของประธานาธิบดีซูฮาร์โต แต่ศาลโลกมาตัดสินเอาในสมัยของประธานาธิบดีเมกาวาตี ปุตรี
เมื่อศาลตัดสินให้มาเลเซียชนะ อินโดนีเซียแพ้ ต้องเสียเกาะ 2 เกาะพร้อมทั้งพื้นที่ทะเลที่มีก๊าซธรรมชาติและน้ำมันให้มาเลเซีย ประชาชนคนอินโดนีเซียก็ก่นด่าประธานาธิบดีเมกาวาตี ปุตรี กันทั้งประเทศ หาว่ารัฐบาลทำให้ประเทศเสียดินแดน การแพ้คดีในศาลโลก ทำให้คะแนนนิยมของเธอตกฮวบฮาบ เลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งต่อมา เธอและคณะก็แพ้รูดมหาราช
กรณีนี้ ผมว่าคนอินโดนีเซียไม่ค่อยเข้าท่า เพราะแทนที่จะไปด่าไอ้คนที่ก่อเรื่อง ที่ก่อกวนยวนประสาทจนต้องเอาข้อพิพาทขึ้นสู่ศาลโลก ประชาชนกลับไม่ด่าไอ้คนนั้นเลยสักแอะ
มาเลเซียกับอินโดนีเซียมีกรณีพิพาทเรื่องแย่งกรรมสิทธิ์เกาะลิกิตานกับเกาะสิปิดาน ความสำคัญของเกาะทั้งสอง ก็คือ เป็นจุดกำหนดเขตน่านน้ำทะเลและเขตเศรษฐกิจจำเพาะ โดยเริ่มทะเลาะกันครั้งแรกเมื่อ พ.ศ.2512 แต่ก็ไม่มีเหตุการณ์อะไรรุนแรง
เวลาหมุนเวียนเปลี่ยนไป 27 ปีให้หลัง มีกลุ่มเอ็นจีโอของอินโดนีเซียออกมาทะลึ่งตึงตัง นำความกระอักกระอ่วนใจให้ทั้งผู้นำอินโดนีเซียและมาเลเซียในห้วงช่วงนั้นเป็นอย่างมาก
พวกเอ็นจีโออินโดนีเซียตำหนิติเตียนที่รัฐบาลของนายซูฮาร์โตไม่ออกแอ็กชั่นในเรื่องนี้ เลย เมื่อเอ็นจีโอกดดันหนักเข้า รัฐบาลของทั้งสองก็แก้ไขด้วยการใช้สนธิสัญญามิตรไมตรีและความร่วมมือของอาเซียนต่างๆ แต่ก็ไม่ได้ผล พวกเอ็นจีโอและฝ่ายค้านก็ยังเย้วๆ ไม่เลิก
พ.ศ.2539 นายซูฮาร์โตจึงต้องไปบอกกับนายแพทย์มหฎิร มุฮำหมัด นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ว่าประชาชนคนของข้าพเจ้าอยากจะให้แก้ไขปัญหาความขัดแย้งเรื่องเกาะทั้งสองเสียที ผู้นำทั้งสองจึงลงนามทำความตกลงเพื่อยุติข้อขัดแย้งในปี พ.ศ.2539 นั้นเอง
พอถึงเดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2541 รัฐบาลอินโดนีเซียของนายฮาบีบีและรัฐบาลมาเลเซียของนายแพทย์มหฎิร ก็ส่งข้อขัดแย้งนี้ไปที่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศพิจารณาคดี
ส่วนฟิลิปปินส์เองตอนนั้นมีข้อขัดแย้งกับมาเลเซีย ก็ไปขอศาลโลกว่า รัฐซาบาห์ในเกาะบอร์เนียวที่มาเลเซียอ้างว่าเป็นของตนนั้น อันที่จริงเป็นของฟิลิปปินส์ต่างหาก ฟิลิปปินส์สามารถครอบครองและมีอธิปไตยในเกาะบอร์เนียวเหนือโดยสิทธิทางประวัติศาสตร์และทางกฎหมาย ข้าพเจ้าฟิลิปปินส์ขอศาลยุติธรรมระหว่างประเทศโปรดอนุญาตให้ฟิลิปปินส์เข้าไปมีส่วนเกี่ยวดอง หนองยุ่งกับคดีที่มาเลเซียกับอินโดนีเซียกำลังมีเรื่องแย่งเกาะลิกิตานและเกาะสิปิดานด้วยเถิด
ศาลโลกปฏิเสธคำขอของฟิลิปปินส์
17 ธันวาคม 2543 ศาลโลกตัดสินว่า เกาะลิกิตานและเกาะสิปิดานนี้ ย้อนหลังกลับไปในอดีตเป็นกรรมสิทธิ์ของอังกฤษ ฝ่ายเนเธอร์แลนด์ซึ่งปกครองอินโดนีเซียไม่เคยแสดงอาการคัดค้านให้เห็นมาก่อนเลย ว่าเกาะทั้งสองนี้เป็นของเนเธอร์แลนด์
เมื่อได้เอกราชแล้ว ดินแดนทั้งหมดของเนเธอร์แลนด์ก็กลายมาเป็นประเทศอินโดนีเซีย ดินแดนทั้งหมดของอังกฤษ ก็กลายมาเป็นประเทศมาเลเซีย
เกาะลิกิตานและเกาะสิปิดานเป็นของอังกฤษ จึงต้องเป็นของมาเลเซีย
พอทราบคำตัดสินของศาลปุ๊บผู้คนทุกตรอกซอกมุมของอินโดนีเซียก็ตะโกนก้องร้องด่าและสาปแช่งประธานาธิบดีในขณะนั้น คือนางเมกาวาตี ปุตรี
แต่ไม่ด่าไอ้กลุ่มที่ทะลึ่งก่อเรื่องจนนำไปสู่การเสียดินแดนในครั้งนั้น
ในกรณีของไทยกับกัมพูชา เรื่องเขาพระวิหารนี่ก็เหมือนกันครับ ถ้าผู้อ่านท่านยังระลึกนึกได้ ก็จะพบว่า ความขัดแย้งครั้งใหม่เริ่มมาจากคนไทยกลุ่มหนึ่งที่ไปตะโกนเย้วๆ ด่าทอเขมร และท่านก็คงจะนึกออกนะครับ ว่ารัฐมนตรีต่างประเทศของไทยคนไหน ที่ไปด่าทอผู้นำกัมพูชาเสียหายๆ จนมีเรื่องกันถึงขนาดไทยและเขมรต้องขึ้นศาลโลกอีกรอบ
อีกไม่เดือน ผลของคดีกรณีเขาพระวิหารก็จะปรากฏ
ผมทราบว่า ไอ้พวกที่ก่อเรื่อง ได้เตรียมโจมตีรัฐบาลของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เอาไว้แล้ว ป้ายและเนื้อหาที่จะใช้โจมตีด่าทอต่างๆ ก็จัดกันไว้อย่างเป็นระบบ
รัฐบาลต้อง ‘แก้ลำ’ ไอ้พวกนี้ด้วยการเอาชื่อเสียงเรียงนามคนที่ก่อเรื่องกะเขมรมาขึ้นป้ายไว้ก่อนให้ประชาชนระลึกนึกถึง ตอนที่คนพวกนี้ก่อเรื่อง
หากผลของคดีปรากฏในทางลบ
ประชาชนจะได้ประณามคนกลุ่มนี้ได้ถูกตัวครับ.
คุณนิติ นวรัตน์
ไทยรัฐออนไลน์ 10 เมษายน 2556, 05:00 น.
http://www.thairath.co.th/column/oversea/worldsky/337733
??????????????????????????????????
".......เรื่องเขาพระวิหารนี่ก็เหมือนกันครับ ถ้าผู้อ่านท่านยังระลึกนึกได้ ก็จะพบว่า ความขัดแย้งครั้งใหม่เริ่มมาจากคนไทยกลุ่มหนึ่งที่ไปตะโกนเย้วๆ ด่าทอเขมร และท่านก็คงจะนึกออกนะครับ ว่ารัฐมนตรีต่างประเทศของไทยคนไหน ที่ไปด่าทอผู้นำกัมพูชาเสียหายๆ จนมีเรื่องกันถึงขนาดไทยและเขมรต้องขึ้นศาลโลกอีกรอบ....."
"....ผมทราบว่า ไอ้พวกที่ก่อเรื่อง ได้เตรียมโจมตีรัฐบาลของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เอาไว้แล้ว ป้ายและเนื้อหาที่จะใช้โจมตีด่าทอต่างๆ ก็จัดกันไว้อย่างเป็นระบบ....."
อ้อ...
เตรียมเบี่ยงประเด็นโบ้ยอึให้พ้นตักตัวเอง และกลับโยนของเน่านั้นให้คนอื่นตามนิสัยอีกแล้วเหรอ
อย่าฝัรรรรไปเรยยยทาสเผด็จการเอ๋ยที่จะหลอกปั่นหัวคนไทยส่วนใหญ่ได้
อาจมีบ้างสำหรับสาวกผู้ที่ไร้เหตุไร้ผลข้อมูลความจริง
หรือรู้ข้อมูลอยู่บ้างแต่ก็หน้ามืดตามัวเชียร์แบบไม่อายฟ้าดิน
แต่ไม่ใช่กับคนไทยยุคนี้นะเฮ้ย
ฝันไปเถอะ....