"โภคิน พลกุล"เห็นต่าง "ศาลรธน."รับตีความ"ม.68"



สัมภาษณ์โดย พนัสชัย คงศิริขันต์


(ที่มา:มติชนรายวัน 8 เมษายน 2556)

  
หมายเหตุ - นายโภคิน พลกุล อดีตประธานรัฐสภา ให้สัมภาษณ์พิเศษ "มติชน" ถึงกรณีคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงข้างมาก 3 ต่อ 2 รับคำร้องของนายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา ในฐานะผู้ร้องขอให้ศาลพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 ว่านายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภากับคณะในฐานะผู้ถูกร้อง กระทำการที่ส่อไปในทางกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการส่อจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญโดยเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญด้วยการตัดสิทธิของบุคคลในการพิทักษ์รัฐธรรมนูญหรือไม่

@ การที่ศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพิ่มเติมในมาตรา 68 และมาตรา 237 ไว้วินิจฉัยเป็นการขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 หรือไม่

ความเห็นผมในทางกฎหมาย แม้การที่ศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้อง เท่ากับศาลฝ่าฝืนบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแล้ว เพราะตามมาตรา 68 วรรคแรก ถ้อยคำชัดเจนว่า บุคคลจะใช้สิทธิและเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญเพื่อไปล้มล้างการปกครองไม่ได้ นั่นหมายความว่า ถ้อยคำชัดเจนในตัวสิทธิและเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญรับรองไว้

ถ้าศาลเห็นว่าการทำหน้าที่ทั้งหลายของรัฐสภาเห็นว่าการตรากฎหมายคือ "การใช้สิทธิและเสรีภาพ" อย่างหนึ่ง ถ้ามีคนไปร้องศาลรัฐธรรมนูญบ้างว่า การตัดสินคดีของศาลรัฐธรรมนูญด้วยการฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญเป็นการละเมิดมาตรา 68 วรรคหนึ่งเช่นกัน ศาลรัฐธรรมนูญจะตัดสินคดีตัวเองใช่ไหม

ด้วยเหตุนี้จึงตีความไม่ได้ว่า "บุคคล" ในมาตรา 68 หมายถึงองค์กรตามรัฐธรรมนูญ มันต้องหมายถึงประชาชนทั่วไป หรืออาจจะเป็นบริษัท ห้างร้าน คือเป็นบุคคลหรือพรรคการเมือง แต่จะเป็นองค์กรตามรัฐธรรมนูญไม่ได้ ศาลรัฐธรรมนูญโดนกับตัวเองจะทำอย่างไร เรื่องจะไปไม่ได้เลย

ดังนั้น จึงหมายถึงองค์กรตามรัฐธรรมนูญไม่ได้ แต่จะต้องหมายถึงบุคคลไปใช้สิทธิและเสรีภาพ

@ แต่ศาลรัฐธรรมนูญเคยมีคำวินิจฉัยว่าประชาชนสามารถใช้สิทธิพิทักษ์รัฐธรรมนูญได้โดยยื่นร้องตรงต่อศาลรัฐธรรมนูญ

ถ้าศาลรัฐธรรมนูญ ตีความมาตรา 68 วรรคสองว่า ไม่ต้องผ่านอัยการสูงสุด (อสส.) ศาลรัฐธรรมนูญจะเป็นทั้งตำรวจ อัยการ ในเรื่องเดียวกัน และสมมุติอัยการมีความเห็นว่าผิด แล้วศาลรัฐธรรมนูญบอกว่าเรื่องที่มาร้องไม่เข้าข่ายมาตรา 68 ในประเด็นเดียวกัน และคำวินิจฉัยไปผูกพันองค์กรอื่น นั่นหมายความว่า คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญจะไปล้มล้างกระบวนการยุติธรรมทางอาญาทั้งหมดของประเทศได้เลย

ผู้ร่างไม่ได้มีเจตนารมณ์อย่างนี้แต่ให้ผ่าน อสส.เท่านั้น ศาลรัฐธรรมนูญก็รู้คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ว่าฝ่าถึง 3 ด่านใหญ่ คือ 1.เจตนารมณ์ผู้ร่าง 2.คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อปี 2549 และ 3.คำอธิบายในเว็บไซต์ หนังสือของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งไม่เคยโต้แย้งกันเลย ตอนศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยคดีก็ยังไม่ได้แก้ในเว็บไซต์และหนังสือ แนะนำประชาชนว่า ถ้าจะมาร้องตามมาตรา 68 ต้องเสนอเรื่องผ่าน อสส. คุณบอกว่าต่อไปนี้ไม่ต้อง เพราะคำวินิจฉัยที่ 18-22/2555 ของศาลรัฐธรรมนูญ บอกว่าต้องการเปิดช่องให้มาศาลรัฐธรรมนูญได้โดยตรง เพราะสิทธิพิทักษ์รัฐธรรมนูญยิ่งใหญ่เหลือเกิน เท่ากับว่าศาลรัฐธรรมนูญมีเจตนารมณ์ของตัวเองที่สำคัญกว่าเจตนารมณ์ของผู้ร่างหรือไม่

@ ศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องครั้งนี้ไว้จะเป็นการขัดต่อคำวินิจฉัยที่ 18-22/2555 ที่ศาลเคยวินิจฉัยให้แก้ไขรายมาตราก็เป็นการเหมาะสมหรือไม่

ความจริงปีที่แล้วรับคำร้องก็รับไม่ได้ ถ้าผมไปร้องว่า การวินิจฉัยคดีของศาลเป็นการใช้สิทธิและเสรีภาพที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ จะขัดไหม ต้องอธิบายให้ได้ก่อนว่าการทำหน้าที่ต่างๆ ขององค์กรตามรัฐธรรมนูญ เป็นการใช้สิทธิและเสรีภาพตามหมวด 3 ใช่หรือไม่ ผมว่าคนละเรื่องกันเลย

สิทธิและเสรีภาพตามหมวด 3 คือสิทธิในการแสดงออกทั้งหลายในการแสดงความคิดเห็น มันคนละเรื่องกับอำนาจหน้าที่ขององค์กรต่างๆ ตามรัฐธรรมนูญ ถ้าอย่างนี้คนไปร้อง แม้แต่สถาบันอื่นๆ ก็ยุ่งหมด เมื่อศาลรัฐธรรมนูญเห็นแบบนี้ต้องบอกว่าศาลรัฐธรรมนูญรับไม่ได้ เพราะไม่ได้อยู่ในอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญ ที่อยู่ในอำนาจศาลรัฐธรรมนูญต้องเป็นการใช้สิทธิและเสรีภาพในหมวด 3 แต่ถ้าไม่ใช่เรื่องเกี่ยวกับอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญ

ซึ่งท่านวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ท่านชัช ชลวร ท่านบุญส่ง กุลบุปผา ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญก็เห็นอย่างนั้นว่าไม่ได้อยู่ในอำนาจของศาล

@ ในเมื่อการกระทำของศาลรัฐธรรมนูญจงใจฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญมาตรา 68 จะใช้ช่องทางใดยับยั้งได้บ้าง

ถามว่าเมื่อจงใจฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญเสียเอง ศาลรัฐธรรมนูญก็มีช่องทางให้ถูกถอดถอนได้ หรืออาจจะผิดกฎหมายอาญา มาตรา 157 ถามว่าถ้าจงใจหรือไม่ แต่การตีความลักษณะเช่นนี้ การรับเรื่องซึ่งไม่ได้อยู่ในอำนาจ พูดง่ายๆ ว่าลบขั้นตอนที่รัฐธรรมนูญกำหนดแล้วบอกใหม่ เท่ากับศาลรัฐธรรมนูญแก้ไขรัฐธรรมนูญเอง ซึ่งถือว่าอันตรายอย่างยิ่ง

@ การที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งยังไม่มีเหตุเพียงพอที่จะต้องใช้วิธีการชั่วคราวในระงับการลงมติในวาระที่หนึ่ง ถ้าเดินหน้าไปสู่การแปรญัตติในวาระที่สองจนไปถึงการลงมติในวาระที่สามจะถูกระงับไว้หรือไม่

คือศาลรัฐธรรมนูญรับเรื่องไว้แล้ว เมื่อรับเรื่องไว้แล้ว ฉันจะระงับเมื่อไรก็ได้ ตอนนี้ยังไม่เห็นเหตุที่จะสั่งห้ามไว้ ประเด็นก็มีแค่นั้นเอง ถูกไหมครับ คุณไปจินตนาการครั้งที่แล้วว่าโหวตวาระที่สาม แล้วกราบบังคมทูลขึ้นไปทรงลงพระปรมาภิไธยไปมีสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) มาร่าง จะไปร่างรัฐธรรมนูญที่มาล้มล้างการปกครอง ถ้า ส.ส.ร.ไปเขียนรัฐธรรมนูญในทางที่เปลี่ยนรูปแบบการปกครอง เปลี่ยนรูปแบบของรัฐ หรือแก้หมวดพระมหากษัตริย์ก็ถือเป็นการกระทำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ การกระทำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญมันใช้ไม่ได้อยู่แล้ว ศาลรัฐธรรมนูญก็เขียนในคำวินิจฉัยเองว่า ประธานรัฐสภาก็ดี รัฐสภาก็ดี สามารถที่จะระงับแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้ การกระทำทั้งหมดเป็นการคาดการณ์เอาเอง วันนี้ผมอยากให้เห็นว่าเป็นการจินตนาการยกกำลังสิบ อันนั้นยังไม่เกิด วันนี้จินตนาการไปว่า ถ้าแก้ไขมาตรา 68 อย่างนี้ ให้ศาลรัฐธรรมนูญมีอำนาจในหมวด 3 จะกลายเป็นว่าผ่านวาระที่สาม มี ส.ส.ร.ไปร่างรัฐธรรมนูญที่ล้มล้างการปกครอง

ดังนั้น อันที่ลงมติในวาระที่หนึ่ง หรือจะห้ามตอนไหนไม่รู้ กลายเป็นจินตนาการขยายไปยกกำลังสิบไปแล้ว คือถ้าแก้รายมาตราอันนี้จะให้เกิดอันนั้น

แต่ครั้งนี้ยิ่งกว่าอีกคือ จินตนาการซ้อนจินตนาการ คือเรื่องยังไม่เกิด กำลังเอาความฝันมาลงโทษคน

@ เท่าที่ประเมินในคณะทำงานฝ่ายกฎหมายมองว่าผลของคำวินิจฉัยของศาลจะออกมาอย่างไร

ตอนนี้ศาลรัฐธรรมนูญรับไปแล้ว และจะไต่สวนว่าจะกระทำผิดจริงหรือไม่ ผมว่ายังไงก็ต้องออกมาแบบเดิม ครั้งที่แล้วก็จินตนาการ แต่ครั้งนี้ให้เป็นความฝันไปเลย คือมันเป็นจินตนาการยกกำลังสิบไปเลย ถ้าศาลรัฐธรรมนูญบอกว่าจินตนาการธรรมดาไม่ผิด ถ้ายกกำลังจินตนาการไปไกลเข้าป่าเข้าดง จินตนาการจนผิดอีก ผมว่าบ้านเมืองยิ่งอยู่ไม่ได้เลย แต่ที่แน่ๆ ทั้งหมดให้ปั่นป่วนเล่น ให้สมาชิกรัฐสภาเกิดความหวั่นไหว และดีไม่ดีถ้าเดินหน้าวาระที่สองไปวาระที่สาม ศาลรัฐธรรมนูญอาจจะห้ามลงมติ ผมไม่ทราบ แต่ทำให้ชวนคิดไปทางนั้นหมดแล้ว เรื่องมันจะรับไม่ได้ก็รับ

@ ถ้าศาลรัฐธรรมนูญจะยึดคำวินิจฉัยที่ 18-22/2555 ให้แก้ไขรายมาตราได้ ทางสุดท้ายคือศาลจะต้องยกคำร้องเท่านั้นใช่หรือไม่

ผมไม่รู้ครับ ครั้งที่แล้วจินตนาการ คาดการณ์จึงบอกว่ายังไม่มีการกระทำ แต่ครั้งนี้ศาลบอกว่าความฝันอันนี้น่าจะเป็นจริงในวันหนึ่ง เอาความฝันไปลงโทษดีกว่า ผมก็ยังไม่รู้ คือไปห้ามการกระทำ ผมเดาไม่ได้ เมื่อรับได้อะไรก็เกิดได้หมด

@ กระบวนการที่เกิดขึ้นจากการรับคำร้องของศาลรัฐธรรมนูญจะทำให้กระบวนการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญตามมาตรา 291 ถูกแช่แข็งหรือเป็นหมันหรือไม่

ก็จะทำให้ไม่ต้องแก้รัฐธรรมนูญแล้ว ถ้าใครมาร้องตามมาตรา 68 เมื่อไร ไม่ว่าจะประเด็นตรงไหนอย่างไร ศาลรัฐธรรมนูญก็จะรับเรื่องถ้ามันไปโยงเกี่ยวกับล้มล้างการปกครองเมื่อไร ก็เข้ากระบวนการนี้ รัฐสภาไม่ต้องทำอะไร

@ เป็นเพราะฝ่ายที่กำลังกุมความได้เปรียบในอำนาจที่มีอยู่ตามรัฐธรรมนูญ 2550 จะถูกลดทอนอำนาจจึงทำให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญจึงยากเป็นพิเศษ

ถูกต้อง นี่คือดาบที่คุณมีอยู่ ดาบนี้เรียกว่าแปดเปื้อนเหลือเกิน แต่ดาบนี้ถ้าคุณถืออยู่ก็คุ้มครองตัวคุณ ถ้าบอกว่าดาบนี้ทิ้งไปเถอะ เรามีกติกาที่อยู่ร่วมกันอย่างเป็นธรรมดีกว่า แต่ถ้าสมมุติยกเลิกมาตรา 68 ทั้งมาตราแล้วบอกว่าเป็นการยกเลิกสิทธิพิทักษ์รัฐธรรมนูญ ยกเลิกไม่ได้ เท่ากับว่าคุณเป็นตัวรัฐธรรมนูญเองห้ามใครแตะ แล้วใครจะยกเลิกได้ ให้ยึดอำนาจยกเลิกได้ จะตะเบ๊ะเลย คุณจะฉีก คุณจะแก้ ถ้ายึดอำนาจทำได้หมด ไม่ล้มล้างการปกครอง แต่ถ้ามาตามวิถีประชาธิปไตยตามรัฐธรรมนูญ คุณบอกจะล้มล้างการปกครอง

@ เพื่อไม่ให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองแนวทางที่ศาลจะวินิจฉัยควรออกมาอย่างไร

สมมุติศาลรัฐธรรมนูญยกคำร้องเหมือนเดิม แต่ที่แย่ไปแล้วคือได้ละเมิดรัฐธรรมนูญไปหมดแล้ว ศาลได้สร้างตัวเองอยู่เหนือรัฐธรรมนูญไปแล้ว นี่คืออันตรายใหญ่หลวง และอันตรายนี้ไม่ได้หายไปไหน เพราะตราบใดคนที่คิดเหล่านี้ยังอยู่ คือสิ่งที่เป็นอันตราย ฉันอ้างว่าพิทักษ์รัฐธรรมนูญทั้งหมดแล้วไม่ต้องผ่านกลไกอะไรก็ได้

@ ในเมื่อศาลรัฐธรรมนูญใช้อำนาจตามมาตรา 68 ตีความจะทำให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับเกิดขึ้นได้หรือไม่

เกิดยากถ้าไปร้องหมด แล้วศาลรัฐธรรมนูญคิดอย่างนี้เกิดไม่ได้หรอก ถูกไหมครับ ใครมาร้องก็ตาม ศาลรัฐธรรมนูญจะรับคำร้องได้หรือไม่ ต้องดูก่อนว่าอยู่ในอำนาจศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่ ผมคิดว่าเรื่องนี้ไม่ได้อยู่ในอำนาจ ดังนั้น เรื่องนี้ไม่ต้องไต่สวนอะไรเลย เมื่อเรื่องไม่อยู่ในอำนาจก็ยกคำร้องไป เหมือนตุลาการ 2 ท่านที่ค้าน เพราะอยู่ในอำนาจของฝ่ายนิติบัญญัติ ซึ่งการตรวจสอบการตรากฎหมายต้องอยู่ในรัฐธรรมนูญเท่านั้น

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1365398862&grpid=&catid=02&subcatid=0201

=================================

ท่านตลกทั้งหลาย ท่านน่าจะพิจารณาตัวเองได้แล้ว
เพราะสิ่งที่ผ่านมา ทำอะไรเสียหายต่อวงการศาลไว้บ้าง

ตัวเองไม่รู้จักหน้าที่ของตัวเองเลย แล้วจะไปตัดสินใครได้
สิ่งที่ผ่านมาก็ผิดพลาดเกินจะเยียวยาแล้ว

อย่าทำให้เสื่อมไปกว่านี้เลย แค่ทุกวันนี้ศักดิ์ศรีก็หมองไปเยอะแล้ว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่