1. ขอยืมคำว่า อจินไตย ของพุทธ มาใช้โดยหมายถึง คำสอนที่พิสูจน์ไม่ได้ในเชิงประจักส์
2. กระทู้นี้พูดถึงการอ้างเหตุผลของแต่ละศาสนา เปรียบเทียบกันนะครับ
3. กรุณาอ่านให้จบ และทำความเข้าใจโดยไม่มีอคติ
ศาสนาทุกศาสนา มีคำสอนที่เป็นเหตุเป็นผล (พิสูจน์ให้เห็นเป็นประจักส์ได้) และ
คำสอนที่อาศัยศรัทธา(ในตัวพระเจ้า คำภีร์ หรือศาสดา)เพื่อยืนยันว่าคำกล่าวนั้นเป็นจริง
ผมขอยกตัวอย่างละเอียดในเรื่องเหตุการณ์หลังความตายละกัน (เป็นเหตุการณ์ที่พิสูจน์ให้เห็นประจักษ์ไม่ได้ คงไม่มีใครตายแล้วฟื้นขึ้นมาบอก )
พุทธ ตายไปก็เวียนว่ายตายเกิดต่อ สุดแต่กรรมที่ทำไว้ (เว้นแต่บรรลุวัตถุประสงค์ของศาสนา นิพพานไม่ต้อวไปเกิดอีก )
แล้วรู้ได้อย่างไรว่าเป็นจริง
ศาสดาสอนไว้ไม่ควรถามถึงเรื่องกฏแห่งกรรม รู้ไปก็ไม่ช่วยให้พ้นทุกข์
ขอรวบ คริสต์กะอิสลามนะครับ คล้าย ๆ กัน ตายไปแล้วอยู่ในโลกนึง (อิสลามอยู่ในสุสาน คริสต์ผมไม่ทราบรายละเอียดจริง ๆ ) รอฟื้นคืนชีพในวันสิ้นโลก แล้วตัดสินว่าจะได้ขึ้นสวรรค์หรือตกนรก
แล้วรู้ได้อย่างไรว่าเป็นอย่างนั้นจริง
พระเจ้าบอกไว้ในคำภีร์ผ่านทางศาสดา ( มูฮัมหมัด ซล. อิสลาม , พระเยซู คริสต์)
ถ้ามองตามการอ้างเหตุผล ระหว่างอ้างว่า ให้เชื่ออย่างนั้นเพราะรู้ไปก็ไม่ช่วยให้พ้นทุกข์ กับ ให้เชื่อตามคำภีร์ตามที่พระเจ้าบอก มันต่างกันตรงไหนครับ ทั้งสองเคสล้วนตั้งอยู่บนศรัทธา(ในตัวศาสดา พุทธ ,ในพระเจ้า คริสต์และอิสลาม)
ทำไมถึงชอบถามในเรื่องอจินไตยของศาสนาอื่นครับ
2. กระทู้นี้พูดถึงการอ้างเหตุผลของแต่ละศาสนา เปรียบเทียบกันนะครับ
3. กรุณาอ่านให้จบ และทำความเข้าใจโดยไม่มีอคติ
ศาสนาทุกศาสนา มีคำสอนที่เป็นเหตุเป็นผล (พิสูจน์ให้เห็นเป็นประจักส์ได้) และ
คำสอนที่อาศัยศรัทธา(ในตัวพระเจ้า คำภีร์ หรือศาสดา)เพื่อยืนยันว่าคำกล่าวนั้นเป็นจริง
ผมขอยกตัวอย่างละเอียดในเรื่องเหตุการณ์หลังความตายละกัน (เป็นเหตุการณ์ที่พิสูจน์ให้เห็นประจักษ์ไม่ได้ คงไม่มีใครตายแล้วฟื้นขึ้นมาบอก )
พุทธ ตายไปก็เวียนว่ายตายเกิดต่อ สุดแต่กรรมที่ทำไว้ (เว้นแต่บรรลุวัตถุประสงค์ของศาสนา นิพพานไม่ต้อวไปเกิดอีก )
แล้วรู้ได้อย่างไรว่าเป็นจริง
ศาสดาสอนไว้ไม่ควรถามถึงเรื่องกฏแห่งกรรม รู้ไปก็ไม่ช่วยให้พ้นทุกข์
ขอรวบ คริสต์กะอิสลามนะครับ คล้าย ๆ กัน ตายไปแล้วอยู่ในโลกนึง (อิสลามอยู่ในสุสาน คริสต์ผมไม่ทราบรายละเอียดจริง ๆ ) รอฟื้นคืนชีพในวันสิ้นโลก แล้วตัดสินว่าจะได้ขึ้นสวรรค์หรือตกนรก
แล้วรู้ได้อย่างไรว่าเป็นอย่างนั้นจริง
พระเจ้าบอกไว้ในคำภีร์ผ่านทางศาสดา ( มูฮัมหมัด ซล. อิสลาม , พระเยซู คริสต์)
ถ้ามองตามการอ้างเหตุผล ระหว่างอ้างว่า ให้เชื่ออย่างนั้นเพราะรู้ไปก็ไม่ช่วยให้พ้นทุกข์ กับ ให้เชื่อตามคำภีร์ตามที่พระเจ้าบอก มันต่างกันตรงไหนครับ ทั้งสองเคสล้วนตั้งอยู่บนศรัทธา(ในตัวศาสดา พุทธ ,ในพระเจ้า คริสต์และอิสลาม)